“… ถามว่ากลัวไหม ตอบเลย กลัว !!
แล้วทำไมถึงอาสาจะเข้าไป ในเมื่อที่นั่นมีแต่คนอยากออก.. ?
แล้วทำไมถึงจะเข้าไปไม่ได้ล่ะ ในเมื่อที่นั่นยังมีเด็ก คนแก่ ชาวบ้าน หมอและแรงงานเพื่อนบ้านอยู่อีกตั้งมากมาย
แล้วถ้าไป… “สื่ออย่างเรา”จะทำอะไรได้บ้าง ?
คงพอจะได้บ้างล่ะน่า !
สำคัญคือ ทำอย่างไร ? เราจะไม่กลายเป็นหนึ่งในยอดผู้ป่วยโควิดที่สมุทรสาคร”
ตามติดภารกิจมหาชัย บันทึกแง่มุมสื่อสาร 31 คืนวันของ “เอ็ม” และ “แมน” ทีมสื่อพลเมือง ไทยพีบีเอสในพื้นที่สีแดง ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร ใจกลางของการระบาดใหญ่ของโควิด 19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย
“ภารกิจสินสมุทร” @สมุทรสาคร
ผม เอ็ม สุรพงษ์ พรรณ์วงษ์ ทีมสื่อพลเมืองภาคเหนือ กับพี่แมน มานิตย์ หวันชิตนาย ทีมสื่อพลเมืองภาคใต้ มุ่งหน้าสู่ใจกลางตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร ด้วยความรู้สึกกลัวๆ กล้าๆ แน่นอนว่าภารกิจนี้แม้จะเสี่ยง แต่พวกเราก็คิดว่ากันว่า นี่คือประสบการณ์ที่ล้ำค่า และเป็นโอกาสที่จะได้ทำในสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตคนอีกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดา แรงงานเพื่อนบ้าน อาสาสมัคร นักพัฒนา หมอ หรือบุคลากร สาธารณสุข ที่ต่างยังทำหน้าที่ของตัวเองในพื้นที่เสี่ยงแห่งนี้ด้วยกัน
พวกเราอาสาที่จะเข้าไปเชื่อมโยงคนทำงานในพื้นที่สีแดง และช่วยกันนำเรื่องราวหลังรั้วลวดหนามท่ามกลางโรคระบาดที่มองไม่เห็น ให้ปรากฏสู่สาธารณะ
เราเรียกปฏิบัติการครั้งนี้เล่นๆ ว่า “ภารกิจสินสมุทร”ฟังขำๆ แต่ก็เติมใจให้ฮึกเหิม ทีมทำงานด่านหน้ามาจาก 2 พื้นที่เหนือ – ใต้ คือผมและพี่แมน แต่เบื้องหลังเรายังมีทีมสนับสนุนที่เชื่อมงานกันผ่านออนไลน์ คือพี่อ้อม พี่อ้อ พี่เปี๊ยกและทีมของสำนักฯ ที่คุยประเมินสถานการณ์วางแนวทางการทำงานร่วมกันทุกวัน
แน่ล่ะ ผมกันพี่แมน ทำสื่อได้ ทำข่าวเป็น แต่งานของพวกเรามีมากกว่านั้น ถ้าในภาวะปกติแล้ว งานของผมกับพี่แมน ก็คือทำหน้าที่หนุนเสริมการสื่อสารของประชาชน พวกเราจะฝึกอบรมพัฒนาทักษะการผลิตสื่อให้ประชาชนที่ต้องการสื่อสาร หรือพยายามครีเอทรูปแบบและวิธีการที่จะขยายประเด็นที่ประชาชนรายงานมาให้รับรู้ในวงกว้างขึ้นผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะออนแอร์หน้าจอทีวี ออนไลน์ในเว็บไซด์ แอพพลิเคชั่น หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ของไทยพีบีเอส
ยิ่งเมื่อเกิดสถานการณ์พิเศษโรคระบาดในกลุ่มก้อนของแรงงานเพื่อนบ้านที่ถูกรั้วปิดกั้นการเข้าถึงเช่นนั้น จะทำอย่างไรให้แง่มุมจากพื้นที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตและความเป็นความตายของคนอีกจำนวนมาก ได้ถูกสื่อสารจากข้อมูลและมุมมองของพวกเขา และมุมมองของพวกเราในฐานะสื่อ ได้ปรากฏสู่สาธารณะให้เท่าทันสถานการณ์ของการแก้ไขปัญหา ผมกับพี่แมนและเพื่อนสื่อมวลชนที่ลงพื้นที่กันไปไม่เพียงพอแน่ที่จะเข้าถึงข้อมูลข้อเท็จจริงในพื้นที่ได้อย่างครอบคลุม
พวกเราจึงต้องมุ่งสู่ใจกลางของแหล่งข้อมูล ยื่นเครื่องมือการสื่อสารอย่างง่ายให้เขาได้สื่อสารออกมา นั่นคือตัวของแรงงานเพื่อนบ้าน หรือคนที่ทำงานกับแรงงานเพื่อนบ้านนั่นเองเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราว ชีวิต ความเป็นอยู่ สถานการณ์ที่ต้องเผชิญ สิ่งที่ต้องแก้ไข เพิ่มข้อมูลให้สังคมนอกเหนือจากข้อมูลตัวเลขการตรวจเชิงรุกและพบผู้ติดเชื้อรายวันที่หน่วยราชการและสื่อหลักทำหน้าที่นำเสนออยู่แล้ว
เราทำอะไรบ้าง ?
สมุทสาคร เป็นพื้นที่ใหม่เอี่ยม สำหรับพวกเราที่มาจากเชียงใหม่และหาดใหญ่ แต่ความไม่รู้จักพื้นที่ และบริบทกันซับซ้อนด้านแรงงานที่นี่คือประเด็น แน่นอนว่า Google ช่วยเราได้ในระดับหนึ่งทั้งโลเคชั่น และข่าวเก่าๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ แต่ที่แน่นอนกว่า คือการเจอและพูดคุยกับคนที่คลุกวงใน และอยู่ในพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญและเป็นสิ่งที่เราทำทันทีเมื่อไปถึงมหาชัย
โจทย์ที่ได้รับและแผนที่ “ภารกิจสินสมุทร” วางไว้แบบหลวมๆ คือ “สร้างเครือข่ายประเด็นและเครือข่ายสื่อพลเมืองให้ได้ จากนั้นหนุนให้พลเมืองในพื้นที่ได้สื่อสารออกมา ขณะเดียวกันเราก็ต้องสื่อสารออกมาด้วยในแง่มุมที่เราไปสัมผัสพื้นที่จริง” ….หลวม …..กว้าง และกดดัน แต่ก็ยืดหยุ่นพอที่จะให้เราออกแบบการทำงานไปตามสถานการณ์ที่จะเผชิญ
ข้อแรกที่ทำ ผมกับพี่แมนพยายามสวมหัวใจกลุ่มแรงงาน และทำความเข้าใจสถานการณ์ว่า อะไรคือสิ่งที่ในพื้นที่ต้องการสื่อสารออกไปมากที่สุด กลุ่มคนทำงานในพื้นที่ทั้งนักพัฒนา อาสาสมัครที่อยู่มาก่อนหน้าที่พยายามแก้โจทย์อะไรของแรงงานเพื่อนบ้านเหล่านี้ และเมื่อโควิดเข้ามา ทำให้ชีวิตของคนในนี้เป็นอย่างไร นอกเหนือจากเสี่ยงรับเชื้อระบาด
จากนั้นเราทยอยนัดหมาย ผูกมิตร ขอเข้าพูดคุยกับคนทำงานด้านแรงงานเพื่อนบ้านในพื้นที่ เช่น เครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ (MWRN) ,มูลนิธิรักษ์ไทย,มูลนิธิพราว,มูลนิธิLPN พอได้ข้อมูลเนื้อหา ความต้องการที่เป็นประเด็นสำคัญที่คนในพื้นที่เห็นว่าจำเป็นจะต้องสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นการจัดระบบการควบคุมโรค ชีวิตความเป็นอยู่ ผลกระทบของคนในนั้น ข้อต่อมาคือเราก็ชวนคิดและเติมเต็มกันถึงวิธีคิดของการสื่อสารด้วยตัวของแรงงานและพี่พี่เพื่อนๆ อาสาสมัครคนทำงานเอง เพราะเป็นเจ้าของเรื่อง และเข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่อย่างคลุกวงใน สิ่งที่คือหัวใจสำคัญของการสื่อสาร โชคดีที่พี่พี่เพื่อนๆ เห็นความสำคัญที่จะลุกขึ้นมาสื่อสารด้วยตัวเอง ทำให้สิ่งที่เราจะทำในข้อต่อมาง่ายขึ้น นั้นคือ แนะนำเครื่องมือทำงานร่วมระหว่างกัน นั่นคือติดตั้ง แอพพลิเคชั่น C-Site ในสมาร์ทโฟน เพื่อให้คนทำงานด้านในพื้นที่สีแดงใช้สื่อสารร่วมกันกับเราได้
ภายใต้พื้นที่สีแดงที่ถูกควบคุมการระบาดอย่างเข้มข้นในใจกลางตลาดกลางกุ้ง และพื้นที่โดยรอบของ จ.สมุทรสาคร ที่ต้องจำกัดการเข้าถึงของผู้คนและสื่อมวลชนทั้งด้วยเหตุผลของความปลอดภัยและการต้องปฏิบัติงานควบคุมโรคระบาดในกลุ่มคนจำนวนมหาศาล แน่นอนว่ามีแง่มุมและเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและมากมายการเติมเครื่องมือหรือทักษะการสื่อสารอย่างง่าย คือการถ่ายภาพ เล่าเรื่องด้วยสมาร์ทโฟน และโพสต์ลงไปใน แพลทฟอร์ม C-Site ของ ไทยพีบีเอส และ Social Media อื่นที่มี และจากเรื่องเล่าในพื้นที่สีแดงของพวกเขา เราจะได้เห็นมุมมองและร่วมขยายผลในมิติแวดล้อมประเด็นนั้นให้เพิ่มขึ้น
การติดตั้งเครื่องมือสื่อสารให้คนทำงานในสถานการณ์แบบนี้ เราทำหลายรูปแบบ ทั้งการสอนผ่านออนไลน์ หรือเข้าไปคลุกทำงานกับรายกลุ่มที่กำลังจะลงพื้นที่ ซึ่งเราต้องแนะนำการถ่ายภาพ ตัดต่ออย่างง่าย และใช้แอพพลิเคชั่น C-Site อย่างรวดเร็ว และลดการสัมผัสใกล้ชิดที่เป็นความเสี่ยงกับเราและเขา เช่น ทีมน้องๆอาสาที่เป็นลูกหลายแรงงานกับสมาคมพราว น้องกลุ่มนี้น่าสนใจที่เขาใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนเป็นประจำและถ่ายทำคลิปเล่นๆ กันอยู่เเล้ว เราแนะนำหลักการเล่าเรื่องให้ น้องก็ถ่ายเล่าทันที หรือ อย่างกลุ่มครูชาวมอญ ที่ศูนย์การเรียนมอญแสงเทียน ครูอยากทำคลิปอยู่พอดี เราให้หลักการกับครู สั้นๆ น่าจะครึ่งชั่วโมง แล้วให้ครูลองเซลฟี่ถ่ายเล่าเรื่อง ว่ากำลังอยู่ที่ไหนแล้ว กำลังทำอะไร ครูก็ทำคลิปง่ายๆ แบบไม่ต้องตัดต่อได้เลย ทั้งหมดอัพขึ้นแอพพลิเคชั่น C-Site
ทันทีที่หมุดเรื่องราวจากคนทำงาน ทะยอยอัพโหลดสื่อสารออกมาทีละหมุดๆ เราตื่นเต้นกับพลังเหล่านี้มาก ทีมสนับสนุน ช่วยกันหยิบเรื่องราวจากหมุด เผยแพร่ในช่วง C-Site Focus พิกัดข่าว ในข่าวเช้าวันใหม่ไทยพีบีเอสทุกวันจันทร์ – ศุกร์ และเรายังได้ช่วยกันดูเนื้อหาเหล่านั้นอย่างศึกษาแง่มุม ผนวกกับการลงพื้นที่พูดคุยของเราเองกับแรงงานเพื่อนบ้านโดยรอบบริเวณ เราพบว่า โจทย์ใหญ่สำหรับพวกเขาคือผลกระทบจากการต้องหยุดงาน หรือถูกลดชั่วโมงการทำงานลง รายได้ที่หายไปมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ และโจทย์ที่กำลังจะตามมาคือการต่ออายุบัตรทำงานและการขึ้นทะเบียนแรงงาน ซึ่งในสถานการณ์อย่างนี้พวกเขายากที่จะเข้าถึงข้อมูล และทำอย่างไรที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้บ้าง
แง่มุมจากหมุด C-Site และข้อมูลเหล่านี้คือ ประเด็นตั้งต้น ที่พวกเราขยายผลสู่การตั้งวงสร้างพื้นที่กลางเพื่อการพูดคุย เพื่อสะท้อนเสียง ฟังข้อมูลจากตัวแทนแรงงานเพื่อนบ้าน คนทำงานด้านแรงงาน ที่อยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร และหน่วยงานภาครัฐ ทั้งจัดหางานจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หารือแนวทางในการผ่อนปรน หรือแก้ไขสิ่งใดได้บ้าง เพื่อนำไปสู่การลงทะเบียนและขึ้นทะเบียนรายงานสำหรับกรณีรายงานที่ผิดกฎหมาย และจากวงข้อเสนอในระดับพื้นที่ที่มีการพูดคุยกับคนทำงานแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สู่การจัดตั้งวง เสวนาออนไลน์อีกครั้ง โดยร่วมกับพันธมิตรสื่อออนไลน์ อย่าง The Reporters และทีมข่าวไทยพีบีเอสที่ลงพื้นที่และฝังตัวอยู่ที่สมุทรสาครก่อนเรา ช่วยดำเนินวงคุย เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอในเชิงนโยบายที่พูดคุยในระดับผู้มีอำนาจตัดสินใจในระดับกระทรวงทั้งจากกระทรวงสาธารณสุข และกรมการจัดหางาน
จากเนื้อหาของการพูดคุย ผลที่ตามมาคือเกิดการสื่อสารกับกลุ่มแรงงานในตลาดกลางกุ้งให้เข้าใจถึงขั้นตอนการลงทะเบียน ก่อนที่จะนำมาสู่การเข้ามารับขึ้นทะเบียนโดยความร่วมมือจากสำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรสาครที่ทำงานเชิงรุกกับเครือข่ายคนทำงานด้านแรงงานในพื้นที่ที่รับลงทะเบียนในพื้นที่ที่มีแรงงานอาศัยอยู่ค่อนข้างแออัด
สู่พื้นที่หน้าจอ และบันทึกงานเขียน
ที่ตลาดกลางกุ้ง เรายังได้ไปติดตามชีวิตแรงงานเพื่อนบ้านกับกลุ่มเครือข่ายคนทำงานด้านแรงงานที่ให้ความช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบในช่วงภาวะวิกฤต โดยเข้าไปในบ้านพักของหลายๆ คน เราเห็นแง่มุมชีวิตของในหลายมิติ ทั้งในมุมการให้ความช่วยเหลือให้ถุงยังชีพ ให้ข้อมูลจากทีมทำงานกับกลุ่มแรงงาน และในมุมการช่วยเหลือกันเองของตัวแรงงานเอง ลูกหลานแรงงาน ซึ่งเราได้สะท้อนเรื่องราวเหล่านั้นผ่านงานเขียนและคลิปวิดีโอออนไลน์ เสียงจากพื้นที่ ในเว็บไซด์ The Citizen.plus รวมถึงสกู๊ปข่าว “วันนี้ที่มหาชัย” ในรายการพิเศษ สู้อยู่รู้รอด ช่วง นักข่าวพลเมือง C-Site อีกด้วย และกล้องของเรา ยังได้บันทึกชีวิตและความฝันของกลุ่มคนที่เรียกว่าแรงงานเพื่อนบ้าน และอยู่ระหว่างเรียบเรียนเรียบเรียงเป็นชุดสารคดีสั้นออกเผยแพร่เร็วๆ นี้
ทุกชีวิตและเรื่องราวที่เราไปสัมผัส มีทั้งแง่มุมใหม่ที่เราไม่เคยรับรู้ และบางเรื่องราวที่คล้ายที่เราคุ้นเคยในที่เราอยู่ทั้งเหนือและใต้ แต่จุดตัดที่พลิกผันชีวิตของคนที่นี่ คือการระบาดใหญ่ของโควิด 19 ที่ทำให้เราเห็นมุมที่หยิบมาเล่า คือการบันทึกสิ่งที่ได้พบเจอและได้สัมผัสเพื่อสื่อสารมายังกลุ่มคนภายนอกไปได้เข้าใจแง่มุมของชีวิตที่น้อยคนจะได้เห็นหรือสัมผัส จะได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน
และนี่คือส่วนหนึ่งที่เรา เอ็ม และพี่แมน และนักสื่อสารทุกคนที่เผยแพร่แง่มุมเหล่านี้ร่วมกัน
ชวนอ่านและชมคลิป กันครับ
-บรรยากาศตรวจเชิงรุกใหญ่ รอบสุดท้ายที่ตลาดกลางกุ้ง
-จับชีพจรตลาด ชีวิตและลมหายใจของผู้คนที่ยังต้องเดินต่อ
-องค์กรพัฒนาเอกชน บรรเทาทุกข์ เเรงงานกลุ่มเปาะบาง
-โรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่สีแดง
-บันไดขั้นแรกลงทะเบียนเพื่อการขึ้นทะเบียนแรงงาน
คลิปสั้น CL
-ฟังเสียงคนค้าขาย กับมาตรการควบคุมโรค
-เรื่องเล่าเบื้องหลังคนทำงานควบคุมโรคตลาดกลางกุ้ง
ชวนอ่านผ่านชีวิตเเรงงานในสมุทรสาคร