ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝุ่นพิษ Pm2.5กลับมาเล่นงานสุขภาพปอดของคนจำนวนมาก ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคอีสาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้นเป็นจำนวนมากในพื้นที่ภาคกลางที่เห็นได้อย่างชัดเจนและปะทะเข้ามาอย่างจัง
ในวันที่ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่ร้ายแรงและแทรกซึมอยู่ในทุกพื้นที่ กว่าจะรู้ตัวว่ากำลังเผชิญหน้ากับฝุ่นพิษ ประสาทสัมผัสที่มีก็ทำงานล่วงหน้าด้วยอาการแสบตาแสบคอแสบจมูกเรียบร้อย จนกระทั่งเห็นควันจาง ๆ ลอยอยู่เต็มท้องฟ้าและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คค่าฝุ่น แต่ก็ยังมีหน้ากากอนามัยที่ใส่ติดตัวอยู่ถึงจะกัน PM2.5 ไม่ได้มากเท่าที่ควร
เกิดอะไรขึ้น ทำไมหลายภาคเจอฝุ่นพร้อมกัน
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ที่กระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตของเรา มีอยู่ 3 ปัจจัย
- แหล่งก่อกำเนิด เช่น พื้นที่มีการเผาไหม้ในที่โล่งแจ้ง อยู่บริเวณใกล้เคียงกับโรงงานอุตสาหกรรม เขตก่อสร้าง หรือแม้แต่เป็นพื้นที่ที่ก่อมลพิษตั้งแต่ต้น
- ภูมิอากาศ ช่วงฤดูหนาว ความกดอากาศสูง อุณหภูมิต่ำ จะทำให้อากาศถูกอัดแน่น โดยเฉพาะช่วงเช้ามืดและกลางคืน
- ภูมิประเทศ อย่างเช่น พื้นที่ที่มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ และมีภูเขาล้อมรอบ จึงทำให้ฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นจากแหล่งกำเนิดหรือฝุ่นที่ถูกพัดมาจากที่อื่นถูกกักเก็บอยู่ในพื้นที่
จะเห็นได้ชัดว่ามีจุดแดง Hotspot เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั้งกัมพูชา เวียดนาม ลาว และเมียนมา เมื่อมีกระแสลมพัดเข้ามาจากฝั่งตะวันออก ทำให้จุดแดง Hotspot ที่ปรากฏในภาพถูกพัดเข้ามาฝั่งไทยตามกระแสลม และเมื่อจุดแดงพัดเข้ามาตามกระแสลมและเข้ามายังพื้นที่ประเทศไทยโดยเฉพาะโซนภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง แต่กระแสลมที่พัดพื้นที่ประเทศไทยกลับอ่อนกำลังลงหรือแทบไม่มีกระแสลมที่จะพัดพาจุดแดง Hotspot ออกไปจากประเทศไทย ทำให้มลพิษหรือฝุ่นพิษก่อกำลังขึ้นอย่างหนาแน่น
ทิศทางกระแสลมข้างต้นทำให้พื้นที่ที่ไม่ได้มีแหล่งก่อกำเนิดของฝุ่นมากนัก หรือพื้นที่ที่อาจจะไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากฝุ่นพิษ อย่างภาคอีสาน กลับกลายเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อมีปัจจัยของสภาพแวดล้อม ภูมิอากาศ ภูมิประเทศที่เหมาะแก่การกักเก็บฝุ่นพิษไว้ในพื้นที่นั้น ๆ เช่น ภาคเหนือ และภาคกลาง ก็ยิ่งกระตุ้นและทวีคูณความรุนแรงของฝุ่นพิษจนทำให้จำนวนฝุ่น PM 2.5 ทุ่งขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
อากาศเสียส่งผลระยะสั้น ร่างกายเสียส่งผลระยะยาว
ผลกระทบที่น่าตระหนักถึงคือผลกระทบทางด้านสุขภาพ ในระยะสั้นอาจมีปัญหาทางเดินหายใจอักเสบ หายใจลำบาก ไอมีเสมหะ แน่นหน้าอก หากแต่ในระยะยาวมักจะนำไปสู่การอักเสบของเส้นเลือด โรคทางผิวหนังหรือตาอักเสบ ความดันโลหิตสูง อาจเกิดโรคหัวใจขาดเลือด โรคอัมพาตจากหลอดเลือดสมอง นำไปสู่โรคมะเร็งปอดในที่สุด
ในปี 2564 ที่ผ่านมา เชียงใหม่มีวันที่อากาศคุณภาพดี 62 วัน คิดเป็น 16.99% ในปี 2021 ที่ผ่านมา คนเชียงใหม่สูดดมฝุ่นพิษ PM 2.5 เทียบเท่าการสูบบุหรี่รวม 1,379.05 มวน (ข้อมูลจาก ปี 2021 คนเชียงใหม่ สูด PM 2.5 เท่ากับการสูบบุหรี่ 1,379 มวน โดย Rocket Media Lab)
จากการศึกษาพบว่าฝุ่นพิษ PM 2.5 ทำให้มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดได้มาากถึง 1 ถึง 1.4 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นสารก่อมะเร็งที่มีขนาดโมเลกุลเล็กเพียงแค่ 2.5 ไมครอน ที่ไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่า
ข้อมูลระบุว่าภาคเหนือมีสถิติเป็นมะเร็งปอดสูงที่สุด เท่ากับ 33.1 รายต่อแสนประชากรในผู้ชาย และ 19.9 รายต่อแสนประชากรในผู้หญิง ข้อมูลนี้สอดคล้องกับงานวิจัยของโรงพยาบาลมะเร็งลำปาง วิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยมะเร็งในผู้สูงอายุใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน พบว่า โรคมะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 1 ทั้งผู้ชายและผู้หญิงคือ มะเร็งปอด (ข้อมูลจาก เปิดสถิติ ‘ภาคเหนือ’ ป่วย ‘มะเร็งปอด’ สูงสุด สาเหตุเกิดจากอะไร โดย The Standard)
มีข้อกฎหมายใด ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้าง
ประเทศไทยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมฝุ่น PM 2.5 อย่างน้อย 6 ฉบับ คือ (ข้อมูลจากชุดข้อมูลรายการฟังเสียงประเทศไทย ตอน เส้นทางลดฝุ่น สิทธิในอากาศสะอาดของทุกคน)
- พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535
- พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535
- พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522
- พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535
- พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
- พ.ร.บ.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522
พ.ร.บ. ดังกล่าวอยู่ในอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ กระทรวงต่าง ๆ ซึ่งในหลาย ๆ ส่วนมีการทำงานในลักษณะของการแยกส่วนกันทำงานอย่างชัดเจน ขณะที่จัดการสิ่งแวดล้อมไม่น่าจะเป็นสิ่งที่จัดการแยกกันอย่างขาดกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจส่งผลต่อการทำงาสนและควบคุมการใช้พ.ร.บ.ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และยังเป็นข้อบังคับที่ถูกหยิบขึ้นมาใช้เป็นเวลานาน ซึ่งปัจจุบันสภาพมลพิษหรือฝุ่น PM 2.5 อาจเทียบไม่ได้กับช่วงก่อนหน้า
ซึ่งในช่วงปี 2563 – 2564 มีการร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 มลพิษทางอากาศและสิ่งแวดล้อม จำนวน 3 ฉบับ ถูกเสนอต่อรัฐสภา แต่ล้วนติดเงื่อนไข เป็นร่าง พ.ร.บ.การเงินฯ จะต้องได้รับคำรับรองจากนายกรัฐมนตรีก่อนจึงจะนำเสนอสู่การพิจารณาของสภาได้
โดยร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 3 ฉบับ ประกอบด้วย
- ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อประชาชน พ.ศ. …. เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย
- ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …. เสนอโดยภาคประชาชน
- ร่าง พ.ร.บ.การรายงาน การปล่อย และการเคลื่อนย้ายสารมลพิษ สู่สิ่งแวดล้อม พ.ศ. …. หรือ ร่าง พ.ร.บ. PRTR (Pollutant Release and Transfer Registers) เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล
อากาศสะอาด สิทธิที่พึงมีของประชาชน แต่ทำไมประชาชนไม่ได้รับ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฝุ่นพิษ PM 2.5 ถูกพูดถึงในฐานะของความบาดเจ็บทางประสาทสัมผัส ไม่ว่าทัศนียภาพทางสายตาที่ต้องทนเห็นความขมุกขมัวของท้องฟ้าสีเทา ๆ หรือแม้แต่ความคัดจมูกและกลิ่นของมลพิษที่แทรกซึมเข้ามาในทางเดินหายใจนับครั้งไม่ถ้วน ความบาดเจ็บที่ว่า ยังต้องต่อสู้กับสิทธิเสรีภาพทางอากาศซึ่งแม้อากาศที่ต้องสูดเข้าร่างกายเพื่อหล่อเลี้ยงการมีอยู่นั้น ยังไม่สามารถมีสิทธิที่จะได้รับอย่างมีคุณภาพ และการจัดการเรื่องฝุ่น PM 2.5 ไม่เคยถูกทำให้หายไปหรือมีการจัดการที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในภาคอีสานและภาคกลาง ฝุ่นพิษอาจมาเร็วและก็หายไปเร็ว แต่ท้ายที่สุด ยังมีภาคเหนือที่ต้องทนอยู่ในฤดูฝุ่นระยะยาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่