28 พ.ค. 2558 แถลงการณ์คัดค้านรัฐประหาร เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี รัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 จากกลุ่มนิสิต นักศึกษา และนักกิจกรรมทางสังคมกลุ่มต่างๆ ยังคงถูกเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2558 มีการจับกุม คุม ขัง กลุ่มนักศึกษาและพลเมืองที่จัดกิจกรรมเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ทั้งที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น และบริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ รวมกว่า 44 คน อาทิ
– 11 แถลงการณ์นักศึกษา-นักกิจกรรม หนุนกลุ่มต้านรัฐประหาร ขอประชาธิปไตยคืนประชาชน
– “พอกันที!” ดาวดินแถลงแจงทุกกรณี จี้หยุดการคุกคามและทำลายศักดิ์ศรีประชาชน
– องค์กรสิทธิ์-นักกฎหมาย ร้องสอบสวน ‘เจ้าหน้าที่รัฐ’ ปราบปรามผู้ชุมนุมครบรอบรัฐประหาร
- #ปล่อยเพื่อนเราโดยไม่มีเงื่อนไข ประมวลแถลงการณ์ นศ.ร้องปล่อย นศ.ทำกิจกรรมต้านรัฐประหาร
– ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนชี้ ‘คุมตัว นศ.-นักกิจกรรม’ ใช้อำนาจโดยมิชอบ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา มีแถลงการณ์ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ และแชร์ในเพจ ดาวดิน สังกัดพรรคสามัญชน 6 ฉบับ ดังนี้
แถลงการณ์
คนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม มอส.
นับแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศใช้กฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 และด้วยกำลังทหารและอาวุธ พลเอกประยุทธ์ได้ยึดอำนาจประชาชนวันที่ 22 พฤษภาคม เป็นเวลากว่า 1 ปี แล้ว ที่ประเทศและประชาชนถูกควบคุมและปกครองโดยคณะทหาร ภายใต้คำโฆษณาว่า “คืนความสุขให้ประชาชนในชาติ” ประชาชนที่ต่อสู้ทางการเมืองและสิทธิชุมชนได้รับความสุขอย่างล้นพ้น ด้วยวิธีการอันไม่ชอบธรรมและนอกกฎหมาย พวกเราในนามของคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม รุ่น 2 จึงขอตั้งคำถามต่อรัฐบาลว่า ประเทศชาติไม่มีความสุขอย่างไร การมีชีวิตอยู่โดยไม่มีเสรีภาพ ประชาธิปไตย และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต่างหากที่ทำให้ความสุขที่ท่านมอบให้เป็นเพียงมายาคติ ที่หลอกล่อให้ประชาชนหลงใหลเคลิบเคลิ้มเท่านั้น พวกเราไม่ต้องการความสุขแบบซ่อนอาวุธไว้ข้างหลัง หากแต่พวกเราต้องการเพียงสิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย ความยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน
ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ความสงบสุขที่รัฐบาลทหารพยายามสร้างขึ้นมาครอบงำประชาชนและประเทศชาติ แต่วิธีการที่ใช้กลับเป็นวิธีที่คุกคามและลิดรอนสิทธิ เสรีภาพของประชาชน รวมถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง นับตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ได้กระทำเป็นต้นมา มีทั้งการจับกุมคุมขังประชาชนที่คิดต่างจากรัฐบาลโดยไม่มีหมายศาล หรือประชาชนคนใดที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอย่างสุจริตก็ถูกเรียกให้มารายงานตัวเพื่อปรับทัศนคติให้สอดคล้องกับรัฐบาล มีการฟ้องคดีประชาชนด้วยข้อหาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและความยุติธรรมต่อศาลทหาร ที่พิจาณาโดยทหารและตัดสินโดยทหาร ซึ่งถือว่าไม่มีอำนาจและความชอบธรรมให้ทำได้ แต่บรรดาเจ้าที่ทหารก็อ้างกฎอัยการศึกเพื่อคืนอำนาจและความชอบธรรมให้แก่ตนเอง รวมถึงการเป็นองครักษ์พิทักษ์นายทุนอพิโก้ในการขนอุปกรณ์ขุดเจาะปิโตรเลียม โดยที่ชาวบ้านได้แต่ยืนมองปีศาจที่จะเข้ามาทำลายชุมชนผ่านไปต่อหน้าต่อตา
แต่กระนั้นรัฐบาลเผด็จการก็หวาดกลัวพลังการต่อต้านของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง โดยออกคำสั่งอย่างหนักแน่นว่า การกินแซนวิช การยืนอ่านหนังสือ การชูสามนิ้ว ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ การจัดกิจกรรมหรือพูดถึงเรื่องชีวิตความเป็นอยู่หรือการทำมาหากินของประชาชน เช่น การเดินก้าวแลก ที่จังหวัดเชียงใหม่ เรียกร้องให้ปฏิรูปที่ดินและแก้ไขปัญหาที่ดิน การจัดเสวนาทอล์คโชว์-คอนเสิร์ต ผืนดินไทย ที่ดินใคร การเดินเพื่อปฏิรูปพลังงานของขาหุ้นปฏิรูปพลังงานภาคใต้ การจัดเวทีเสวนาวิชาการให้ความรู้ การศึกษา เช่น สิทธิชุมชนกับรัฐธรรมนูญ ที่จังหวัดขอนแก่น การจัดเวทีเสวนา ” ทำไมต้องนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ : เพราะออกนอกระบบจึงเจ็บปวด ” ที่มหาวิทยาลัยบูรพา งานเสวนา “ ห้องเรียนประชาธิปไตยบทที่ 2 การล่มสลายของเผด็จการในต่างประเทศ ” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลายเป็นการก่อความไม่สงบวุ่นวายภายในของรัฐบาล
นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อความสงบสุขและปลอดภัยในชีวิตของประชาชนโดยทั่วไป เช่น การเข้าเป็นคนกลางระหว่างบริษัท ทุ่งคำ จำกัดกับกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด หลังเหตุการณ์ขนแร่เถื่อนแห่งชาติ แต่ภายหลังกลับห้ามชาวบ้านทำกิจกรรมที่ต่อต้านเหมืองแร่ทองคำ หรือการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทหาร ในการเป็นองครักษ์พิทักษ์อุปกรณ์ขุดเจาะปิโตรเลียม ท่วมกลางเสียงร่ำไห้และหยดน้ำตาของประชาชนที่ปกป้องสิทธิชุมชน รวมถึงปัญหาที่ดินที่มีการขับไล่ชาวบ้าน รื้อถอนพืชผลการเกษตร บ้านเรือน ออกจากที่ดินซึ่งเกิดขึ้นทั่วประเทศและไร้มนุษยธรรมโดยไม่คำนึงพื้นฐานปัจจัยของมนุษย์ มีประชาชนถูกยิงเสียชีวิต 4 คนที่ภาคใต้ โดยยังไม่มีความคืบหน้าทางคดีแต่อย่างใด และประชาชนที่ต้องไร้ที่ดินทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคอื่นๆ อีกทั่วประเทศ
รัฐบาลยังคงประกาศประกาศศักดิ์ดาต่อไปด้วยการปิดสื่อบางสำนักที่นำเสนอข่าว ข้อมูล หรือแสดงความคิดเห็นขัดแย้งกับรัฐบาล มีการระงับและควบคุมสื่อโทรทัศน์บางช่อง วิทยุบางรายการ เว็บไซด์บางเว็บไซด์ และสื่อออนไลน์บางชนิด รวมถึงการบังคับให้สื่อนำเสนอรายการคืนความสุขของตนเองตอนทุกวันศุกร์หกโมงเย็น มีการขู่ประหารชีวิตนักข่าวที่ถามคำถามกวนใจ ดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วยการโยนกล้วยใส่นักข่าว บิดหูนักข่าวที่กำลังบันทึกเสียง ออกแถลงข่าวบางกรณีด้วยอารมณ์โกรธรุนแรง ทะเลาะกับนักข่าวเป็นประจำ บางกรณีก็แสดงให้เห็นถึงความไม่รับผิดชอบการทำงานของตนเอง เช่น ปัญหาราคายางพาราตกต่ำบอกว่าให้ไปขายที่ดาวอังคาร หรือเมื่อสื่อถามถึงความกังวลว่า พ.ร.บ.ไซเบอร์ จะลิดรอนสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนหรือไม่ ก็ตอบว่า “จะผ่าน แล้วจะทำไม ไม่งั้นจะเป็นนายกไปทำไม” มีการจับกุมและคุกคามนักศึกษาใน 3 จังหวัดภาคใต้เกิดขึ้นหลายครั้ง เช่น การจับกุมนักศึกษาไม่ต่ำกว่า 20 คน ที่ จ. นราธิวาส และการบุกค้นหอพักนักศึกษาใน จ. ยะลา ทั้งนี้ มีนักโทษการเมืองในยุค คสช. อยู่ในเรือนจำไม่ต่ำกว่า 60 คน มีคนถูกจับกุมไม่ต่ำกว่า 200 คน และมีคนถูกดำเนินคดีในศาลทหารไม่ต่ำกว่า 100 คน แต่เหล่าทหารนั้นมีแต่อาวุธปืนส่วนพวกเรามีความคิดเป็นอาวุธ อย่าลืมว่าความคิดที่แหลมคมก็คืออาวุธที่ทรงพลังอย่างหนึ่ง ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพลังประชาชนจะไม่มีวันพ่ายแพ้
ด้านการบริหารประเทศของรัฐบาลนั้น ซึ่งอยู่ภายใต้โรแมปแม่น้ำ 5 สาย โดยมีกลุ่มคนที่เคยเข้าร่วมกับการชุมนุมที่สร้างเงื่อนไขไปสู่ความรุนแรง หรือการชุมนุมที่บอกว่าคนไทยไม่ควรมีสิทธิทางการเมืองเท่าเทียมกัน โดยประกาศว่า คนในชนบทมีคะแนนเสียงไม่เท่ากับคนในเมือง และเป็นการชุมนุมที่นำมาสู่การยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนในที่สุด บางคนเป็นอธิการบดีของหลายมหาวิทยาลัยที่กำลังพิจารณาเรื่องการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ดำรงตำแหน่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติที่ตัวเองร่าง โดยไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของนักศึกษาและประชาคมในมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด ซึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเคยไม่ผ่านสภามาแล้วในสมัยรัฐบาลประชาธิปไตย ส่วนด้านการปกครองของรัฐบาลมีกฎอัยการศึกและมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว เป็นเครื่องมือกำราบประชาชนให้อยู่ในความสงบ ห้ามแข็งขืน ปิดปาก ปิดหู ปิดตา ประชาชน ห้ามคิด ห้ามพูด ห้ามแสดงออก ห้ามมีส่วนร่วมทางการเมืองหรือแสดงสิทธิใดๆ และการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ก็ไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้าสังเกตการณ์ ส่วนการลงประชามติเห็นชอบจากประชาชน ซึ่งประชาชนเองก็ไม่รู้ว่ากฎหมายสูงสุดของประเทศจะมาจากตัวเองหรือไม่
และล่าสุดวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ครบรอบ 1 ปีเผด็จการทหาร มีนักศึกษาและประชาชนกลุ่มหนึ่งไปอวยพรวันเกิดให้ด้วยการแสดงเจตจำนงเสรีว่า ”คัดค้านรัฐประหาร” ที่หอศิลป์ กรุงเทพ และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จังหวัดขอนแก่น ทำให้เกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ มีนักศึกษาถูกช็อตด้วยไฟฟ้าจนน็อคไม่ได้สติและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล บางคนป่วยเป็นโรคหัวใจถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่ก็ถูกเรียกให้มาสอบสวน มีการดึงผม บีบคอ จนได้รับบาดเจ็บไปหลายคน ส่วนที่จังหวัดขอนแก่นเจ้าหน้าที่ทหารทุบเข้าที่อวัยวะเพศของนักศึกษาคนหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บ และถูกนำตัวไปขังเพื่อรอการสอบสวน เตรียมนำคดีประชาชนขึ้นสู่ศาลทหารด้วยอำนาจพิเศษ จนนำมาสู่สถานการณ์ตามล่าและคุกคามขบวนการนักศึกษา ประชาชน ทั้งในโลก socialและโลกความเป็นจริง ในโลกความเป็นจริงมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร และตำรวจ ไปที่บ้านของนักศึกษากลุ่มดาวดิน เพื่อกดดันครอบครัวเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวต่อต้าน รวมทั้งใช้การเรียนข่มขู่ ด้านในโลก social มีการตั้งเพจใน face book ขึ้นมาและตามล่า face book ส่วนตัวของนักศึกษาที่ร่วมทำกิจกรรมวันนั้น ราวกับลิทธิล่าแม่มดในยุคสมัยกลางและการกวาดล้างนักศึกษายุค 6 ตุลาคม 2516 ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง และเป็นวิธีการที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักการการแลกเปลี่ยน ถกเถียงด้วยเหตุผล
ดังนั้น พวกเราในนามของคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมในฐานะอนาคตประเทศชาติ จึงขอตั้งคำถามถึงรัฐบาลปัจจุบันว่า การขุมขู่ คุกคาม นักศึกษา ประชาชน ทั้งจากโลกความเป็นจริงและโลก social อย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปีที่ผ่านมา จะนำมาซึ่งความสงบสุขและปรองดองของคนในชาติได้อย่างไร และสุดท้ายพวกเราขอสนับสนุนการต่อสู้ของเพื่อนๆคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ ที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ประชาธิปไตย ความยุติธรรม ทรัพยากร และสิทธิมนุษยชนทั้งของพวกเราเองและลูกหลานของพวกเรา
กลุ่ม นักกิจกรรมคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม
27 พฤษภาคม 2558
00000
แถลงการณ์
กลุ่ม Invisible
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้ทำการรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งพร้อมทั้งยกเลิกรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก และได้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการต่างๆขึ้นมาบริหารประเทศ แทนที่ชุดเดิม การเข้ามาปกครองประเทศ ในระยะเวลา 1 ปี คสช. ได้ใช้อำนาจของกฎอัยการศึก และมาตรา 44 เพื่อริดรองสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก มีการควบคุม จับกุม และคุมขัง ผู้ที่มีความเห็นขัดแย้งและไม่เห็นด้วยกับ คสช. เป็นจำนวนหลายราย อีกทั้งยังมีการกล่าวหา เพื่อทำลายความชอบธรรมของขบวนนักศึกษาที่ได้เคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเข้าใจผิด
การเข้ามาของ คสช. ได้ก่อปัญหาให้กับชุมชนหลายชุมชน เช่นแผนแม่บททวงคืนผืนป่า ซึ่งเป็นการไล่คนออกจากป่า จึงเป็นการก่อปัญหาคนไร้บ้านและที่ทำกิน แผนพัฒนานิคมอุสาหกรรมขนาดใหญ่ การผลักดันอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการเปิดให้เอกชนและบริษัทต่างชาติเข้ามาขอสัมปทานขุดแร่ในหลายๆจังหวัด แผนแม่บทการจัดการน้ำทั้งประเทศโครงการ โขง ชี มูล ซึ่งแผนพัฒนาต่างๆของ คสช. นั้นไม่ได้คำนึงถึงชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบ และทรัพยากรธรรมชาติที่จะสูญเสีย อีกทั้ง คสช. ยังปิดกั้นการเรียกร้องความชอบธรรมด้วยการใช้กองกำลังเจ้าหน้าที่ปกครองตำรวจ ทหาร และอาวุธ เพื่อบีบคันให้ชาวบ้านยอมจำนน มีการกดดันสื่อไม่ให้เผยแพร่ความเป็นจริง และการสร้างความแตกแยกในชุมชน
ด้วยเหตุนี้ทางกลุ่ม Invisible จึงขอออกมาประณามการกระทำของ คสช. และเรียกร้องให้ คสช. คืนความสุขให้คนในชาติด้วยการ ยกเลิกการใช้มาตรา 44 เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนและนักศึกษาผู้มีความเห็นแตกต่างได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ยกเลิกการใช้กองกำลังเจ้าหน้าที่ และอาวุธ เพื่อกดดันและข่มขู่ประชาชน และหวังว่า คสช. จะคืนความสุขที่แท้จริงด้วยการคืนอำนาจที่แยงมาจากประชาชนคืนสู่ประชาชน
กลุ่ม Invisible ขอออกมาประกาศตัวเพื่อคัดค้านอำนาจที่มาจากการปล้นผู้อื่นด้วยปลายกระบอกปืน และเชื่อว่าประชาธิปไตยไม่สามารถออกมาได้จากปลายกระบอกปืน
ด้วยจิตคารวะต่อสิทธิเสรีภาพ และการแสดงออก
กลุ่ม Invisible
00000
แถลงการณ์กลุ่มฟีนิกซ์
นกแห่งไฟผู้ไม่ยอมแพ้ต่อความอยุติธรรม
เราไม่เชื่อว่า ท่านจะทำให้ประเทศไทยที่เป็นของเราและของท่านเท่าๆกัน ไปข้างหน้าได้อย่างสวยหรูดังคำที่ว่า “ขอคืนความสุขให้เธอประชาชน” เพราะจากการติดตามการทำงานของท่านมาตลอดระยะเวลา 1ปี ท่านได้กระทำการที่เรียกได้ว่าตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับคำกล่าวของท่านเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำร้าย ขับไล่ชาวบ้านผู้ที่มีเพียงสองมือและสองเท้า ออกมาจากที่อยู่ที่ทำกินของเขาด้วยกำลังคนและอาวุธที่มากมายเกินจะคาดคิด การอนุญาตให้นายทุนสามานย์เข้าไปครอบครองทรัพยากรที่มีค่าที่มิใช่ของผู้ใดผู้หนึ่งแต่เป็นของคนทั้งประเทศและได้รับประโยชน์จากทรัพยากรนั้นแต่เพียงผู้เดียว และท้ายที่สุดเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นที่สุดสำหรับคำกล่าวของท่านที่ว่าจะยอมรับผู้ที่เห็นต่าง ยอมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างเราๆ ด้วยการเข้าทำร้ายและจับกุมนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ออกมารำลึกถึงวันที่พวกเขาและคนไทยทุกคนได้ถูกยึดอำนาจไปจากมือ โดยที่ท่านออกมาปฏิเสธความรับผิดอย่างสิ้นเชิงต่อการกระทำดังกล่าวที่มีทั้งหลักฐานและพยานอย่างหาข้อโต้แย้งไม่ได้ แล้วเช่นนี้ท่านจะให้เราเชื่อในกลุ่มคนแบบนี้เช่นนั้นหรือ? ที่จะมานำทางเราไปสู่แสงสว่างแห่งอนาคต
“เราไม่อาจทำได้”
กลุ่มฟีนิกซ์ขอเรียกร้องความยุติธรรมให้กลับมายังผืนแผ่นดินไทย ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ไกลแสนไกลจงกลับมา
ลงชื่อ นกไฟแห่งประชาธิปไตยหมายเลข 1
00000
แถลงการณ์
พรรคสามัญชน Commoner Party
เราเชื่อว่า อนาคตของสังคมไทยต้องอยู่บนหลัก 5 ประการ
• ประชาธิปไตย แต่ท่าน..แย่งชิงอำนาจนั้นไปและแต่งตั้งสภาของท่าน
• สิทธิมนุษยชน แต่ท่าน..กลับละเมิดผู้ที่เห็นต่างกับความคิดของท่าน
• ความยุติธรรม แต่ท่าน..จบมันด้วยศาลทหารที่อยู่ในมือของท่าน
• การมีส่วนร่วม แต่ท่าน..ปิดกั้นการร่วมตัดสินใจและการตรวจสอบถ่วงดุลท่าน
• สันติวิธี แต่ท่าน..คุกคามเราด้วยกองกำลังและอาวุธของท่าน
สิ่งที่ท่านทำลงไป เราเรียกมันว่า “เผด็จการ” และเราจะไม่เรียกร้องสิ่งใดจากเผด็จการ
สิ่งที่เราทำตลอดมา เราเรียกมันว่า “การต่อสู้” และเราจะรวมพลังกันสู้เพื่ออำนาจอธิปไตยที่เป็นของประชาชน
#พวกของเราคือเหล่าสามัญชน
“นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย และเราจะไม่ยอมแพ้”
00000
แถลงการณ์ กลุ่มเสรีนนทรี ม.เกษตรศาสตร์
ประณามการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐและช่วยดึงสติประชาชนกันหน่อย
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กลุ่มนักศึกษาและประชาชน หลากหลายกลุ่ม ได้แสดงออกถึงการรำลึกครบรอบ 1 ปีของการทำรัฐประหาร โดย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช ทั้งการจัดเวทีเสวนา 22-22 = 44 ว่าด้วยเรื่องของ สิทธิชุมชน เสรีภาพ การศึกษา จัดโดยกลุ่ม ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมนิยมประชาธิปไตย(YPD) หรือ การถือป้ายผ้าที่มีข้อความว่า “คัดค้านรัฐประหาร” ของกลุ่มเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม(ดาวดิน) ที่จังหวัดขอนแก่น และการยืนรำลึก บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร กิจกรรมการแสดงออกเหล่านี้ล้วนถูกขัดขวางจากเจ้าหน้าที่รัฐ บางกิจกรรมเจ้าหน้าที่รัฐมีความพยายามรวบตัวแกนนำที่จัดกิจกรรมจนนำไปสู่ความรุนแรง นักศึกษาและประชาชนถูกทำร้ายทุบตี ใช้กำลังดึงกระชาก ขมขู่คุกคาม มีการจับกุมผู้เข้าร่วมรำลึกที่มีเพียงน้อยนิดโดยอ้างว่าเชิญไปพูดคุย แต่ภาพที่ออกมาเป็นหนังคนละม้วน และถูกควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจเพื่อที่จะแจ้งข้อหาฟ้องร้องดำเนินคดี
ส่วนทางโลกออนไลน์ก็ไม่น้อยหน้า มีการสร้างข้อมูลเท็จ บิดเบือนข้อมูล เผยแพร่ออกไปให้เกิดความเกลียดชังและตามล่าตัวหรือที่เรียกว่า “ล่าแม่มด” ส่วนผู้รับสารนั้นได้อ้างว่าตัวเองเป็นผู้มีความรู้ รู้ลึกรู้จริง มีหัวใจเพื่อชาติ ต่างแสดงความคิดเห็นที่สอดคล้องกันคือ ไปในแนวทางหยาบคาย ด่าไว้ก่อน อันไม่ก่อให้เกิดองค์ความรู้ หรือตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่อย่างใด ผลักใสกลุ่มนักศึกษาและประชาชนที่ไปร่วมแสดงออกว่าเป็น คนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ เสื้อสีนี้ รับเงินมาป่วน ราวกับว่าสติและองค์ความรู้จู่ๆก็หายไป
กลุ่มเสรีนนทรี เราเป็นนิสิตที่สนใจประเด็นทางสังคมร่วมเคลื่อนไหวกับภาคประชาสังคมมาโดยตลอด และเข้าร่วมกิจกรรมการรำลึกที่กล่าวมาด้วยนั้น เห็นว่า 1ปีของการทำรัฐประหาร ได้ลิดรอนสิทธิ เสรีภาพการแสดงออกของประชาชน สื่อมวลชน และ ละเมิดสิทธิชุมชน ออกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 64/2557โดยอ้างการปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า พร้อมด้วยคำสั่งที่66/2557 ที่กล่าวว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ยากไร้ แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นการละเมิดสิทธิชุมชน ละเมิดสิทธิการทำมาหากินของชาวบ้านคนยากคนจนไปทั่วทั้งประเทศ หรือ การแปรรูประบบการศึกษา นำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ โดยที่มีผู้บริหารมหาวิทยาลัยเข้าไปสมาชิกสภานิติบัญญัติ เป็นทั้งผู้ร่างฯ ผู้เสนอร่างฯ และยกมือโหวตเอง นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ทำให้เราต้องแสดงออกคัดค้านอำนาจเถื่อน
สิ่งที่นักศึกษาและประชาชนแสดงออกเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นั้น ไม่ใช่สิ่งที่ผิด ถ้าจะผิดก็ผิดเพราะขัดใจผู้มีอำนาจในบ้านเมือง การแสดงออกเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่มนุษย์คนหนึ่งมีได้ไม่ว่าจะถูกปกครองแบบใด เราไม่ยอมก้มหัวรับใช้เผด็จการ และอย่าผลักใสเรา เราก็เป็นพลเมืองที่เสมอภาคเท่าเทียมกันทุกคน
ขอเรียกร้องให้หยุดคุกคามนักศึกษาและประชาชน ให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 และขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนของเรานักศึกษาและประชาชนทุกท่านที่มีหัวใจรักประชาธิปไตย ความเท่าเทียม และฝันถึงโลกเสรี
จงบินไปเถิดหนุ่มสาว
กลุ่มเสรีนนทรี ม.เกษตรศาสตร์
00000
แถลงการณ์สมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย (LACMUD)
เรื่อง ๑ ปี รัฐประหารการปกครองประเทศที่ล้มเหลว
หลังการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ รัฐธรรมนูญที่เคยเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐถูกแทนที่ด้วยกฏอัยการศึก กฎหมายมาตรา ๔๔ ทำให้พลเมืองไทยทุกคน ไม่ว่าชายหรือหญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ นักศึกษาหรือประชาชน ก็ไม่สามารถทักท้วงหรือคัดค้านได้
ภายใต้การปกครองประเทศของรัฐบาลทหารที่มาจากการยึดอำนาจ ได้ก่อให้เกิดความขุ่นเคืองภายในใจของชาวไทยผู้ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยและมองเห็นความเลวร้ายแห่งระบอบเผด็จการ ภายใต้นโยบายการคืนความสุขกลับกลายเป็นการสร้างความทุกข์ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรง รัฐบาลใช้อำนาจจัดสรรทรัพยากรของชาติอย่างไม่เป็นธรรม มีการจำกัดสิทธิเสรีภาพทางการเมืองของประชาชนโดยการใช้กฎหมายมาบังคับดำเนินคดีกับผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง ขัดขวาง ริดรอนเสรีภาพประชาชน นักวิชาการ และนักศึกษาผู้มีสิทธิอันชอบธรรมในการแสดงออกทางการเมือง ทั้งการจับตา ติดตาม ค้นที่พักอาศัย การบังคับให้เข้ารายงานตัวเพื่อปรับทัศนะคติ การใช้กำลังจับกุมและทำร้ายร่างกายโดยไม่มีเหตุผล ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่รัฐบาลจำกัดเสรีภาพทางวิชาการอันเป็นสิ่งสากลที่ประชาชนทุกคนสมควรจะได้รับ และควรเชิดชูไว้เหนือการเมือง แต่ที่ผ่านมา คสช. ได้เชิญตัวนักศึกษาและอาจารย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไปพูดคุยเพื่อไม่ให้จัดกิจกรรมพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องบ้านเมือง ไม่ว่าจะในมหาวิทยาลัยหรือที่หอศิลป์ มีการส่งเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบ คอยการจับตาควบคุมงานรดน้ำดำหัว เข้ามาตรวจตราในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การกระทำเหล่านี้ เป็นความพยายามที่จะควบคุมไม่ให้มีการพูดคุยหรือวิจารย์รัฐบาลในวงวิชาการ ปิดกั้นประชาชนจากการรับข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นเครื่องแสดงและยืนยันว่ารัฐบาล ไม่มีความจริงใจในการเข้ามาบริหารบ้านเมือง ไม่มีความจริงใจต่อประชาชน
วันแล้ววันเล่าที่เราเฝ้าติดตามการดำเนินงานของรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจตลอด ๑ ปีที่ผ่านมา เรามองเห็นแต่การลิดรอนสิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย และการละเมิดสิทธิมนุษยชน พวกเราสมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย ขอประกาศเจตนารมณ์ไว้ ณ ที่นี้ว่า “เราจะไม่ทนอยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการทหารอีกต่อไป”
สมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย
๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘