มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ส่งจดหมายขอให้ตำรวจภูธรภาค 7 เร่งรัดคลี่คลายคดีการบังคับให้บุคคลสูญหาย กรณีบิลลี่หรือพอละจี รักจงเจริญ ก่อนครบรอบหนึ่งปี
11 มี.ค. 2558 มูลนิธิผสานวัฒนธรรมส่งจดหมายต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ระบุถึงกรณีที่ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้รับมอบหมายตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. 2557 ให้สืบสวนสอบสวนคดีอาญาอันเกี่ยวเนื่องกับการบังคับให้บุคคลสูญหาย กรณีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ซึ่งเป็นกรณีสืบเนื่องจากการที่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรและพวกได้ควบคุมตัวนายพอละจีไว้เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557 แล้วอ้างว่ามีการปล่อยตัวไปแล้ว แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ไม่มีใครได้พบเห็นนายพอละจีและไม่ทราบชะตากรรม นับแต่บัดนั้นถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีเต็ม
แม้ว่าประเทศไทยจะยังไม่มีการกำหนดความรับผิดทางอาญากรณีมีการบังคับให้บุคคลสูญหายตามกฎหมายของไทย แต่ประเทศไทยได้ลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้มีการบังคับให้บุคคลสูญหายขององค์การสหประชาชาติไว้เมื่อ 9 ม.ค. 2555 เท่ากับเป็นการยอมรับถึงความสำคัญของการป้องกันมิให้มีการบังคับให้บุคคลสูญหาย และตระหนักว่าการบังคับให้บุคคลสูญหายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
จากการติดตามกรณีการหายตัวไปของนายพอละจีขององค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในและระหว่างประเทศ รวมทั้งจากคณะทำงานเรื่องคนหายขององค์กรสหประชาชาติและคณะกรรมการขององค์กรสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน หลายฝ่ายได้แสดงความห่วงใยต่อการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุด้วยว่า จากการติดตามของมูลนิธิผสานวัฒนธรรมพบว่ามีความล้าช้าในการสืบสวนสอบสวนคดี รวมทั้งการขาดซึ่งข้อมูลด้านความคืบหน้าของการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะสื่อสารกับญาติของนายพอละจี และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงความเป็นมืออาชีพโดยจัดให้มีการดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีต่อไปโดยพลันและอย่างเป็นอิสระ
อย่างไรก็ดีการดำเนินการสืบสวนสอบสวนดังกล่าวอาจประสบกับความยากลำบากในการสืบหาพยานหลักฐาน อิทธิพลท้องถิ่น ความหวาดกลัวของพยาน ภูมิประเทศของสถานที่เกิดเหตุ เป็นต้น แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นกลไกสำคัญในกระบวนการยุติธรรมและเป็นที่พึ่งของญาติ เพื่อน และประชาสังคมทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งเป็นบุคคลผู้มีบทบาทสำคัญในการที่จะพิสูจน์ได้ว่าประเทศไทยมีความจริงใจ ในการใช้ศักยภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเต็มกำลังความสามารถในการคลี่คลายคดีสำคัญดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยการหายไปของนายพอละจี รักจงเจริญจะครบรอบหนึ่งปีในวันที่ 17 เม.ย.นี้