กลัว ‘นโยบายทวงคืนผืนป่า’ ไล่จากที่ทำกิน! ชาวบ้านโคกยาวเครียดหนัก ‘ดื่มยาฆ่าหญ้า’ หวังฆ่าตัวตาย

กลัว ‘นโยบายทวงคืนผืนป่า’ ไล่จากที่ทำกิน! ชาวบ้านโคกยาวเครียดหนัก ‘ดื่มยาฆ่าหญ้า’ หวังฆ่าตัวตาย

สมาชิกชุมชนโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เครียดหนักในเรื่องที่ดินทำกิน กลัวถูกไล่ออกจากที่ทำกิน ตามนโยบายทวงคืนผืนป่า ซดยาฆ่าหญ้า หวังฆ่าตัวตาย หนีความเครียด

รายงานโดย ศรายุทธ ฤทธิพิณ
สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน

17 ส.ค. 2559 นางคำพัน กุลหงส์ สมาชิกชุมชนโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ให้ข้อมูลว่า เมื่อคืนนี้ (16 ส.ค. 2559) ประมาณ 23.00 น. ลูกชายคือ นายสมปอง กุลหงส์ อายุ 52 ปี เกิดอาการเครียด แอบดื่มยาฆ่าแมลงโดยไม่มีใครเห็นว่าดื่มยาลงไปจำนวนมากน้อยเท่าไร มารู้อีกทีปรากฏว่าเห็นลูกชายนอนน้ำลายฟูมปาก จึงรีบให้หลานโทรแจ้งประสานไปทางโรงพยาบาลคอนสาร 

จากนั้น ทางโรงพยาบาลได้ประสานมาทางเทศบาลตำบลทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เพื่อนำรถขึ้นมารับที่ชุมชนโคกยาว ในเวลาประมาณ 24.00 น. และตนเป็นคนขึ้นรถพยาบาลมาพร้อมกับลูกชาย เมื่อมาถึงโรงพยาบาลคอนสาร หมอยังไม่ได้ตรวจเช็คร่างกาย หรือทำการล้างท้องแก่อย่างใด นอกจากให้น้ำเกลือ และเจาะเลือด แล้วให้นอนพักที่โรงพยาบาล

20161808004329.jpg

ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ของวันนี้ (17 ส.ค. 2559) นางสุภาพ คำแหล้ ภรรยานายเด่น คำแหล้พร้อมกับสมาชิกชุมชนโคกยาว ประมาณ 7 คน ได้เดินทางไปเยี่ยมนายสมปอง ที่โรงพยาบาลคอนสาร จากการร่วมกันสอบถามถึงสาเหตุการที่กินยาดังกล่าวนั้น นายสมปองบอกว่ามีความเครียดในหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือเรื่องที่ดินทำกิน เพราะในพื้นที่ถูกคุกคามในเรื่องที่ดินมาโดยตลอด ทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหารเคยเข้ามาป้ายปิดประกาศให้ชุมชนอพยพออกจากพื้นที่หลายครั้ง

เรื่องต่อมาคือ หลังจากเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2559 ที่นายเด่น คำแหล้ ประธานโฉนดชุมชนโคกยาว ได้หายตัวไปหลังจากเข้าไปเก็บหน่อไม้ในป่า ทำให้รู้สึกเครียดมากกว่าเดิม เพราะกลัวว่าตนเองหรือสมาชิกคนอื่นที่เหลืออยู่นั้นจะมีใครหายหรือถูกทำให้หาย อย่างที่หลายคนบอกว่านายเด่นถูกอุ้มหายไป ทำให้รู้สึกกังวล และกลัวไปต่างๆ นาๆ ยิ่งกว่านั้นยังกลัวด้วยว่าสมาชิกในชุมชนจะถูกไล่ออกไปทั้งหมด

อีกเรื่องคือ เรื่องส่วนตัว เนื่องจากนายสมปองและสมาชิกในชุมชนต่างอยู่ในพื้นที่พิพาท ที่หลายคนต่างถูกดำเนินคดี โดยในโคกยาวมีจำนวนทั้งสิ้น 10 ราย รวมทั้งนายสมปองด้วย 

ด้านนางสุภาพ เล่าว่า ภายหลังจากร่วมกันสอบถามอยู่นั้น นายสมปองได้พูดกับตนเองว่า ขอให้อยู่และต่อสู้ในเรื่องที่ดินทำกิน เรื่องที่อยู่อาศัยกันต่อไป ส่วนตัวของนายสมปองนั้นไม่ไหวแล้ว ไปไกลแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากนั้นประมาณ 12.00 น.พยาบาลได้นำตัวนายสมปองขึ้นรถตู้ของโรงพยาบาลคอนสาร เพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาลชัยภูมิ เพื่อให้หมอทำการตรวจเช็คต่อไป

นางสุภาพ เล่าอีกว่า ปกตินายสมปองมีอาการเครียดมานานแล้ว แต่สภาพทางจิตใจเริ่มเครียดหนักขึ้นมา หลังจากถูกดำเนินคดีข้อกล่าวหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม จากกรณีที่เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2554 ประมาณ 05.30 น.เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำโดยนายอำเภอคอนสาร สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ บุกเข้าควบคุมตัว และแจ้งข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม มีการแยกสำนวนฟ้อง ออกเป็น 4 คดี รวมจำนวนชาวบ้านที่ตกเป็นผู้ต้องหา 10 คน ซึ่งนางสุภาพเองตกเป็นจำเลยในคดีที่ 4 

ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ส.ค.2557 เจ้าหน้าที่เข้ามาปิดประกาศ คำสั่ง คสช.ที่ 64/2557 ให้ชุมชนออกจากพื้นที่ภายใน 15 วัน และถูกนโยบายทวงคืนผืนป่า ต่อมาวันที่ 6 ก.พ.2558 เจ้าหน้าที่ทหาร ป่าไม้ ได้สนธิกำลังเข้ามาปิดประกาศไล่รื้ออีกรอบ หลายต่อหลายครั้ง จนทำให้ชาวบ้านในชุมชนต่างตกอยู่สถานการณ์ที่ตรึงเครียดมาตลอด ส่งผลให้นายสมปอง อาจเกิดภาวะทางด้านจิตใจที่เครียดหนักขึ้นมาอีก เป็นต้น

สำหรับนายทอง และนายสมปอง กุลหงส์ สองพ่อลูกเป็นจำเลยในคดีที่ 2 และเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2555 ที่ศาลจังหวัดภูเขียว ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษา มีคำสั่งจำคุก 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา โดยคดีที่ 2 นี้ ศาลได้เพิ่มวงเงินประกันจากรายละ 100,000 บาท เป็นรายละ 200,000 บาท เป็นเหตุให้เงินที่เตรียมไว้ต้องถูกรวมมาประกันจำเลยเพียงรายเดียวคือนายสมปอง ส่วนนายทองยอมเสียสละอยู่ในเรือนจำภูเขียว เพื่อให้ลูกชายที่มีอาการทางสมอง เป็นโรคเครียด ได้รับการประตัวออกมาก่อน 

ต่อมาวันที่ 28 มิ.ย.25ถถ นายนิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในขณะนั้นได้ใช้ตำแหน่งประกันตัวออกมาเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2555

จากนั้น วันที่ 6 มี.ค. 2556 ศาลจังหวัดภูเขียวนัดอ่านฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3  ยืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา โดยทางเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) และทนายความศูนย์ศึกษาและพัฒนานักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ประสานไปยังกองทุนยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อขอความช่วยเหลือด้านเงินประกัน คนละ 200,000 บาท ประกันตัวออก เพื่อสู้คดีในชั้นฎีกาต่อไป

 

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ