2 พ.ค. 2558 องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ชายแดนใต้ 8 องค์กร ประกอบด้วย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เครือข่ายผดุงธรรมเพื่อสันติ (JOP) องค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี (HAP) สมาคมสตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสันติภาพ (Perwani) เครือข่ายผู้ช่วยทนายความมุสลิมมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม (Span) กลุ่มด้วยใจ มูลนิธินูสันตารอเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (Nusantara) และสำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (LEMPAR) ออกแถลงการณ์ร่วมกรณี นายมูหาหมัดยากี สาและ ประธานเครือข่ายผดุงธรรมเพื่อสันติ ถูกเจ้าหน้าที่รัฐควบคุมตัวไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา
แถลงการณ์ดังกล่าวเรียกร้องให้ ปล่อยตัวนายนายมูหาหมัดยากี โดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อดำรงไว้ซึ่งความไว้วางใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยทุกฝ่ายยินดีให้ความร่วมมือและทำงานในแนวทางที่สร้างสรรค์ ส่วนกรณีเหตุระเบิดที่เกาะสมุยหากทางการมีข้อกล่าวหาหรือมีพยานหลักฐานตามกระบวนการยุติธรรมต่อนายมูหาหมัดยากี ขอให้มีการดำเนินการอย่างเป็นธรรมและนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและต้องไม่เป็นการกลั่นแกล้ง
“ท่ามกลางความขัดแย้งที่ยืดเยื้อยาวนาน หากแต่การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายพิเศษนั้นต้องทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและแนวทางสันติภาพ ความร่วมมือและการแสวงหาทางออกร่วมกันด้วยความเคารพต่อศักดิ์ศรีและสิทธิมนุษยชนขั้นฐานที่พึงกระทำทั้งจากฝ่ายประชาชนและฝ่ายทางการ” แถลงการณ์ระบุ
แถลงการณ์มีรายละเอียดดังนี้
แถลงการณ์ร่วม 8 องค์กรขอให้ปล่อยตัวนายนายมูหาหมัดยากี สาและ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนายมูหาหมัดยากี สาและ ประธานเครือข่ายผดุงธรรมเพื่อสันติ ไปพบที่สถานีตำรวจภูธรเมืองยะลา โดยอ้างว่ามีหมายจับเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดเมืองยะลา ซึ่งศาลได้พิพากษายกฟ้องแล้วนั้น เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ นายมูหาหมัดยากี สาและ จึงเดินทางเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองยะลา ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายมูหาหมัดยากี สาและ ไปซักถามที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานีนับแต่วันที่ 24 เมษายน ครบกำหนดการกักตัวตามกฎอัยการศึกเป็นเวลา 7 วันเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 และได้มีการขอขยายการควบคุมตัวต่อตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยยังไม่มีกำหนดว่าจะมีการปล่อยตัวนายมูหาหมัดยากี สาและเมื่อใด เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอ้างว่านายมูหาหมัดยากี สาและ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎ์ธานี และให้ข้อมูลข่าวต่อสื่อมวลชนด้วยว่า นายมูหาหมัดยากี สาและ เป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดในคดีนี้ด้วย อย่างไรก็ดีหน่วยงานความมั่นคงมักใช้อำนาจกักตัวบุคคลตามกฎอัยการศึก 7 วันและการควบคุมตัวภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินสูงสุด 30 วัน ในการสืบค้นหาข่าวและควบคุมบุคคลโดยพลการ การจำกัดสิทธิเสรีภาพโดยกฎหมายพิเศษนั้นต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังและไม่เกินกว่าความจำเป็น องค์กรและบุคคลตามรายนามข้างล่างนี้ขอเรียกร้องให้ทางการปล่อยตัวนายมูหาหมัดยากี สาและโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งนี้เพื่อดำรงไว้ซึ่งความไว้วางใจ ไว้เนื้อเชื่อใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยทุกฝ่ายยินดีให้ความร่วมมือและทำงานในแนวทางที่สร้างสรรค์ กรณีเหตุระเบิดที่เกาะสมุยหากทางการมีข้อกล่าวหาหรือมีพยานหลักฐานตามกระบวนการยุติธรรมต่อนายมูหาหมัดยากี สาและ ขอให้มีการดำเนินการอย่างเป็นธรรมและนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและต้องไม่เป็นการกลั่นแกล้ง ท่ามกลางความขัดแย้งที่ยืดเยื้อยาวนาน หากแต่การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายพิเศษนั้นต้องทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและแนวทางสันติภาพ ความร่วมมือและการแสวงหาทางออกร่วมกันด้วยความเคารพต่อศักดิ์ศรีและสิทธิมนุษยชนขั้นฐานที่พึงกระทำทั้งจากฝ่ายประชาชนและฝ่ายทางการ |
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2558 เครือข่ายผดุงธรรมเพื่อสันติ (JOP) ก็ได้ออกออกแถลงการณ์กรณีเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายมูหาหมัดยากี สมาชิกเครือข่ายผดุงธรรมเพื่อสันติ โดยระบุว่า จากเหตุการณ์การควบคุมตัวนายมูหาหมัดยากีครั้งนี้ มีความกังวลและห่วงใยต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ซึ่งหมิ่นเหม่ต่อการละเมิดสิทธิของผู้บริสุทธิ์ พร้อมให้ข้อมูลว่า ในวันเกิดเหตุระเบิดที่เกาะสมุยนั้น ภรรยาของนายมูหาหมัดยากียืนยันว่าในวันดังกล่าวนายมูหาหมัดยากีเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านของภรรยาที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
“การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่ผ่านมาเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์ความรุนแรง มักจะเล็งเป้าหมายต่อกลุ่มบุคคลที่เคยถูกบังคับใช้กฎหมาย หรือกลุ่มจำเลยในคดีความมั่นคงที่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และได้รับการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้เป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่แต่อย่างใด เครือข่ายผดุงธรรมเพื่อสันติ จึงขอเรียกร้องต่อหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความเป็นธรรมต่อนายมูหาหมัดยากี สาและ” แถลงการณ์เครือข่ายผดุงธรรมเพื่อสันติระบุ
ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของเครือข่ายผดุงธรรมเพื่อสันติ มีดังนี้ 1.ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้หลักการของกฎหมายและเคารพหลักสิทธิมนุษยชน โดยไม่มีทัศนคติในด้านลบต่อกลุ่มเพื่อนจำเลยในคดีความมั่นคง 2.ขอให้เจ้าหน้าที่ตระหนักถึงการปกป้องและคุ้มครองสิทธิของผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความรุนแรง โดยหามาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อมิให้เป็นเงื่อนไขสร้างชนวนของความขัดแย้งจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสันติภาพในพื้นที่ต่อไป
3.เรียกร้องให้ภาครัฐนำข้อเท็จจริงจากภรรยาและครอบครัวของนายมูหาหมัดยากี รวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน เพื่อประกอบเป็นข้อเท็จจริงในการพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับนายมูหาหมัดดยากีด้วย
4. หากภาครัฐพิสูจน์ทราบอย่างชัดเจนนายมูหาหมัดยากี ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับเหตุการณ์ระเบิดที่เกาะสมุย ขอเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการปล่อยตัวนายมูหาหมัดยากีให้เป็นอิสระโดยทันที และให้มีการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย รวมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ เพื่อสร้างความเข้าใจถูกต้องต่อประชาชนทั่วไปและเป็นการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของนายมูหาหมัดยากี
ทั้งนี้ นายมูหาหมัดยากี เป็นอดีตจำเลยที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายและได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางศาลแล้ว โดยตกเป็นจำเลยในคดีความมั่นคงทั้งหมด 4 คดี พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง 1 คดี ศาลพิพากษายกฟ้องและคดีถึงที่สุดแล้ว 3 คดี หลังจากได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำจึงร่วมกลุ่มกับเพื่อนๆ จำเลย ก่อตั้งกลุ่มเครือข่ายผดุงธรรมเพื่อสันติ โดย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือแนะนำความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายแก่ผู้ได้รับผลกระทบ และสร้างความเข้มแข็งให้แก่ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบด้วย
นอกจากนี้นายมูหาหมัดยากี ได้เข้าร่วมโครงการยะลาสันติสุข ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และได้ให้ความร่วมมือในการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
แถลงการณ์เครือข่ายผดุงธรรมเพื่อสันติ กรณีเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายมูหาหมัดยากี สาและ จากกรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนายมูหาหมัดยากี สาและ สมาชิกเครือข่ายผดุงธรรมเพื่อสันติ ไปพบที่สถานีตำรวจภูธรเมืองยะลา โดยอ้างว่ามีหมายจับเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดเมืองยะลา ซึ่งศาลได้พิพากษายกฟ้องแล้วนั้น เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ นายมูหาหมัดยากี สาและ จึงเดินทางเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองยะลา ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายมูหาหมัดยากี สาและ ไปซักถามที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี แต่เจ้าหน้าที่กลับอ้างว่านายมูหาหมัดยากี สาและ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎ์ธานี และเจ้าหน้าที่ยังให้ข้อมูลข่าวต่อสื่อมวลชนด้วยว่า นายมูหาหมัดยากี สาและ เป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดในคดีนี้ด้วย ซึ่งอาจมีการใช้อำนาจจับกุมควบคุมตัวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เกินความจำเป็นและเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อนายมูหาหมัดยากี สาและ ทั้งๆที่นายมูหาหมัดยากี สาและ แสดงความบริสุทธิ์เข้าพบเจ้าหน้าที่และให้ข้อมูลโดยสุจริต ขณะนี้นายมูหาหมัดยากี สาและ ยังคงถูกควบคุมตัวที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี โดยไม่ทราบระยะเวลาการควบคุมตัวว่าจะยาวนานเท่าใด ทั้งไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาและให้สิทธิของผู้ถูกจับตามกฎหมายใดๆ นายมูหาหมัดยากี สาและ เป็นอดีตจำเลยที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายและได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางศาลแล้ว โดยตกเป็นจำเลยในคดีความมั่นคงทั้งหมด 4 คดี พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง 1 คดี ศาลพิพากษายกฟ้องและคดีถึงที่สุดแล้ว 3 คดี หลังจากได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ นายมูหาหมัดยากี สาและ ได้ร่วมกลุ่มกับเพื่อนๆจำเลย ก่อตั้งกลุ่มเครือข่ายผดุงธรรมเพื่อสันติ (JOP) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือแนะนำความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายแก่ผู้ได้รับผลกระทบ และสร้างความเข้มแข็งให้แก่ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบด้วย นอกจากนี้นายมูหาหมัดยากี สาและ ได้เข้าร่วมโครงการยะลาสันติสุข ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และได้ให้ความร่วมมือในการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นอย่างดีมาโดยตลอด จากเหตุการณ์การควบคุมตัวนายมูหาหมัดยากี สาและ ครั้งนี้ เครือข่ายผดุงธรรมเพื่อสันติ มีความกังวลและห่วงใยต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหมิ่นเหม่ต่อการละเมิดสิทธิของผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความรุนแรง ซึ่งในวันเกิดเหตุระเบิดที่เกาะสมุยนั้น ภรรยาของนายมูหาหมัดยากี สาและ ยืนยันว่าในวันดังกล่าวนายมูหาหมัดยากี สาและ เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านของภรรยาที่อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่ผ่านมาเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์ความรุนแรง มักจะเล็งเป้าหมายต่อกลุ่มบุคคลที่เคยถูกบังคับใช้กฎหมายหรือกลุ่มจำเลยในคดีความมั่นคงที่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และได้รับการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้เป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่แต่อย่างใด เครือข่ายผดุงธรรมเพื่อสันติ จึงขอเรียกร้องต่อหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความเป็นธรรมต่อนายมูหาหมัดยากี สาและ ดังต่อไปนี้ 1. ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้หลักการของกฎหมายและเคารพหลักสิทธิมนุษยชน โดยไม่มีทัศนคติในด้านลบต่อกลุ่มเพื่อนจำเลยในคดีความมั่นคง 2. ขอให้เจ้าหน้าที่ตระหนักถึงการปกป้องและคุ้มครองสิทธิของผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความรุนแรง โดยหามาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อมิให้เป็นเงื่อนไขสร้างชนวนของความขัดแย้งจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสันติภาพในพื้นที่ต่อไป 3. ขอเรียกร้องให้ภาครัฐนำข้อเท็จจริงจากภรรยาและครอบครัวของนายมูหาหมัดยากี สาและ รวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน เพื่อประกอบเป็นข้อเท็จจริงในการพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับนายมูหาหมัดดยากี สาและ ด้วย 4. หากภาครัฐพิสูจน์ทราบอย่างชัดเจนนายมูหาหมัดยากี สาและ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับเหตุการณ์ระเบิดที่เกาะสมุย ขอเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการปล่อยตัวนายมูหาหมัดยากี สาและ ให้เป็นอิสระโดยทันทีและให้มีการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย รวมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ เพื่อสร้างความเข้าใจถูกต้องต่อประชาชนทั่วไปและเป็นการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของนายมูหาหมัดยากี สาและ ด้วย |