ชาวบ้านร่วมให้กำลังใจ 3 แม่ลูก เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ที่ สภ.วังตะเฆ่ ตามที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันบุกรุกพื้นที่อุทยานแก่งชาติไทรทอง ตามนโยบายทวงคืนผืนป่าของรัฐบาล คสช. ผู้ถูกกล่าวหาปฏิเสธทุกข้อหา ขอสู้ชั้นศาล
รายงานโดย ศรายุทธ ฤทธิพิณ
สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน
18 ก.ค. 2559 ที่สถานีตำรวจภูธรวังตะเฆ่ ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ นางทองปั่น ม่วงกลาง ชาวบ้านบ้านซับหวาย ต.ห้วยแย้ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ พร้อมด้วยลูกสาว นางสาวนิตยา และนางสาวนริสรา ม่วงกลาง เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.เนาวรัตน์ ซายเขว้า พนักงานสอบสวนเวร สถานีตำรวจภูธรวังตะเฆ่ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาว่าทั้ง 3 ราย บุกรุก ก่นสร้าง ที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง ซึ่งทั้ง 3 คน ให้การปฏิเสธ
เพื่อนบ้านกว่า 100 คน พร้อมด้วยตัวแทนเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน และทีมทนายความศูนย์ศึกษาและพัฒนานักฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน ร่วมเดินทางมาให้กำลังใจ ที่ สภ.วังตะเฆ่
นางสาวนิตยา ม่วงกลาง อายุ 33 ปี ให้ข้อมูลว่า ตามที่ทางอุทยานได้มีหนังสือมาถึงที่บ้าน เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนเองพร้อมแม่และน้องสาวจึงเดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำ โดยเจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปภายในห้องสอบสวนที่ละคน
นางสาวนิตยา กล่าวว่า ในความเป็นจริงตนและชาวบ้านที่มาร่วมให้กำลังใจ ต่างได้รับความเดือดร้อนในเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ในอดีตก็เคยได้รับผลกระทบจากโครงการจัดสรรที่ดินทำกินแก่ราษฎรผู้ยากไร้ในพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรม (คจก.) ต่อมาเจ้าหน้าที่มีความพยายามที่จะขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ตามนโยบายทวงคืนผืนป่า โดยข่มขู่ให้ยอมเซ็นเอกสารในการคืนพื้นที่
ที่ผ่านมาชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ต่างร่วมเดินทางไปยื่นหนังสือเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง พร้อมทั้งได้เข้าประชุมให้ร่วมกันแก้ไขปัญหาที่ชาวบ้านถูกกระทำจากอำนาจรัฐ กระทั่งเมื่อวันที่ 31มี.ค. 2559 ทางจังหวัดได้เชิญชาวบ้านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าประชุม โดยมีนายนิพนธ์ สาธิสมิตพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธาน เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้เกิดความเป็นธรรม โดยมีข้อเสนอให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างชาวบ้านผู้เดือดร้อนกับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถือครองทำประโยชน์ที่ดิน
นางสาวนิตยา กล่าวว่า ระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหา ให้ชาวบ้านสามารถทำประโยชน์ได้ตามปกติสุข โดยตนเองและครอบครัวก็ได้ดำเนินชีวิตตามปกติ และทำตามเงื่อนไขของทางอุทยานมาโดยตลอด กระทั่งในวันนี้ (18 ก.ค.59) ตนพร้อมกับแม่และน้องสาวเดินทางมาเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยพวกเราทั้งหมดปฏิเสธในข้อกล่าวหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำ พร้อมยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ และยินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพื่อต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป
ด้านนางทองปั่น ม่วงกลาง อายุ 55 ปี กล่าวว่า ครอบกล่าวว่าครัวของตน เข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ทำกินนับแต่ปี 2529 โดยได้รับมรดกสืบทอดมาจากพ่อและแม่ ต่อมาในช่วงปี 2557 ชาวบ้านที่อยู่อาศัยและทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติไทรทองต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งถูกปักป้ายตรวจยึดพื้นที่ และถูกบังคับให้เซ็นคืนพื้นที่หลายครั้ง
ส่วนที่ทำกินของตนนั้น ประมาณช่วงปลายปี 2557 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้ามาบอกให้คืนพื้นที่บางส่วน ส่วนพื้นที่ทำกินเดิมให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ตามปกติ ต่อมาช่วงต้นปี 2558 เจ้าหน้าที่เข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ขอคืนพื้นที่ทำกินทั้งหมด ตนจึงยอมเซ็นด้วยความกลัวที่เจ้าหน้าที่เข้ามากันหลายคน หากไม่ยอมให้ความร่วมมือจะมีหมายศาลเข้ามาจับกุม แต่ไม่ได้เกิดจากการยินยอม
หลังจากที่ร่วมกันเรียกร้องต่อสู้ในสิทธิที่ดินทำกิน จนมีกระบวนการแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างชาวบ้านกับหน่วยงานภาครัฐ และมีมติให้สามารถเข้าทำกินได้ตามปกติ ตนจึงเข้าไปใช้ประโยชน์ กระทั่งมีหนังสือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ตนและลูกสาว รวม 3 คน เข้าพบพนักงานสออบสวน ตามที่แจ้งว่า พวกตนบุกรุกอุทยานแห่งชาติไทรทอง
ด้าน ร.ต.ท เนาวรัตน์ ซายเข้วา พนักงานสอบสวนเวร สภ.วังตะเฆ่ กล่าวว่า ได้เชิญตัวผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานในฐานะผู้กล่าวหา กล่าวหาว่าบุคคลทั้ง 3 บุกรุกเขตพื้นที่อุทยาน ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ซึ่งทั้ง 3 ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ในส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อทำเป็นสำนวนส่งอัยการตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนนายไพโรจน์ วงงาน ชาวบ้าน ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า ภายหลังรัฐบาลมีนโยบายทวงคืนผืนป่า ทำให้ชาวบ้านที่ทำกินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง กว่า 6 หมู่บ้าน ใน ต.วังตะเฆ่ และ ต.ห้วยแย้ ได้รับผลกระทบหนักขึ้น เช่น ห้ามมิให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ และเข้ายึดพื้นที่ ทั้งถูกบังคับให้เซ็นยินยอมออกจากพื้นที่ ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นนำมาสู่ความเดือดร้อนต่อชาวบ้านจำนวนมาก
ที่ผ่านมาได้เข้ายื่นหนังสือต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เมื่อวันที่ 8 มี.ค.59 เข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี โดยมีนายพันธ์ศักดิ์ เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือ และในวันที่ 9 มี.ค. 59 เดินทางเข้าพบนายฐากร สัตศตพร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์เขต 7 นครราชสีมา และเดินทางต่อไปยังศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ เพื่อเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัด โดย พันโทวสุธา ฤกษ์จำนงค์ นายทหารปฏิบัติการ ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยภูมิ เป็นตัวแทนมารับหนังสือ
ล่าสุด เมื่อวันนี้ 14 มี.ค.59 ก็ได้เข้ายื่นที่กองบัญชาการกองทัพภาคสองที่ 2 (ค่ายสุรนารี นครราชสีมา) โดย พ.ต.วรินทร แสงวิลัย นายทหารปฏิบัติการศูนย์ประชาสัมพันธ์รับเรื่องร้องทุกข์ เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ
ไพโรจน์ กล่าวว่า การเข้ายื่นหนังสือต่อหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เร่งพิจารณาแก้ไขปัญหา ให้เกิดความเป็นธรรม โดยมีข้อเสนอเพื่อให้ผู้มีอำนาจพิจารณาให้ยกเลิกแผนการทวงคืนผืนป่าในพื้นที่พิพาทอุทยานแห่งชาติไทรทอง ต.ห้วยแย้ ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ โดยให้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างชาวบ้านผู้เดือดร้อน กับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถือครองทำประโยชน์ และในระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหา ให้ยุติการดำเนินการใด ๆ ที่ส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนต่อราษฎรในพื้นที่ และผ่อนผันให้สามารถทำประโยชน์ตามปกติสุข
“ที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐ ไม่มีการดำเนินการตามที่ร่วมตกลงกับชาวบ้านแต่อย่างใด และเป็นเหตุให้ ทั้ง 3 ราย ถูกแจ้งข้อหา และคาดว่าชาวบ้านในพื้นที่อีกหลายราย จะโดนแจ้งข้อหาดังกล่าว ตามมาอีก” ไพโรจน์ กล่าว