28 มิ.ย. 2558 เครือข่ายสลัม 4 ภาค ออกแถลงการณ์ “ปล่อยตัวทันที โดยไม่มีเงื่อนไข” ระบุถึงกรณีนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ 14 คน ที่ถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา ด้วยข้อหา 1. ขัดคำสั่งที่ 3/2558 ข้อ 12 ที่คสช.ออกตามมาตรา 44 เรื่องห้ามมั่วสุมทางการเมือง โทษจำคุก 6 เดือน 2. ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 เรื่องการยั่วยุปลุกระดมประชาชนให้เปลี่ยนแปลงการปกครองหรือกฎหมาย โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี จากการเคลื่อนไหวต่อเนื่องตั้งแต่การรำลึกครบรอบ 1 ปีรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2558 มาถึงการเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 24-25 มิ.ย.ที่ผ่านมา
แถลงการณ์ เครือข่ายสลัม 4 ภาค เป็นองค์กรชาวบ้าน ที่เคลื่อนไหวให้เกิดการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยของคนจน แนวทางในการแก้ปัญหาที่ดำเนินต่อเนื่องมา ในการจัดการที่อยู่อาศัยโดยชุมชน รวมทั้งการเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดิน แนวทางดังกล่าว มีความต่างกับวิธีคิดในการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของผู้นำรัฐบาลในปัจจุบัน ซึ่งเชื่อมโยงกับการจับกุมนักศึกษาที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาล และมีกิจกรรมในการแสดงออก เพื่อสื่อสารความคิดนี้ด้วยแนวทางสันติวิธี รัฐบาลกลับเลือกใช้มาตรการที่รุนแรงในการจัดการกับผู้ที่มีความคิดเห็นต่าง ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงการปิดช่องทางการแสดงออก และการนำเสนอปัญหาของประชาชน ที่มีความต่างจากรัฐบาล ซึ่งอาจถูกจับกุม และดำเนินการโดยวิธีเดียวกัน ในประวัติศาสตร์ กลุ่มนักศึกษาเป็นกลุ่มที่เลือกที่จะยืนเคียงข้างคนจน มีอุดมการณ์ที่ต้องการเห็นสังคมที่ดีขึ้น ไม่ต่างจากนักศึกษากลุ่มนี้ที่ต้องการเห็นสังคมที่ดีงาม มีประชาธิปไตย ดังนั้นการลงทุนของรัฐบาลโดยใช้ทรัพยากรด้านกำลังคน และงบประมาณ มาติดตาม ควบคุม ดำเนินการกับการแสดงความเห็นของกลุ่มต่างๆ ตามวิถีประชาธิปไตย และสันติวิธี เป็นการลงทุนที่ไม่เกิดประโยชน์ แทนที่จะนำทรัพยากรเหล่านี้มาแก้ปัญหาให้ประชาชนจะเกิดประโยชน์ และคุ้มค่ากว่ามาก เครือข่ายสลัม 4 ภาค เชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตยว่าเป็นระบบที่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ ไม่ใช่การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการจัดการปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าแก้ปัญหาความขัดแย้งได้จริง แต่เป็นการสะสมความขัดแย้งที่ลึกขึ้น และยากที่จะคลี่คลายลงได้ และการปฏิรูปไม่สามารถเกิดได้จริงในบรรยากาศนี้ ดังนั้นเครือข่ายสลัม 4 ภาค ขอเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวนักศึกษาทันที โดยไม่มีเงือนไข |
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ความเคลื่อนไหวในออนไลน์ มีการทำแคมเปญรณรงค์ในเว็บไซต์ www.change.org เรียกร้องรัฐบาลและคสช.ปล่อยตัวนักศึกษาทุกคนอย่างไม่มีเงื่อนไข โดย ภัควดี วีระภาสพงษ์ ล่าสุดมีผู้ร่วมลงชื่อจำนวนถึง 3,812 คน ในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง (15.00 น. วันที่ 28 มิ.ย.2558)
แถลงการณ์ของประชาชนผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการประชาธิปไตยใหม่
ถ้าการต่อสู้ด้วยสันติวิธีกลายเป็นอาชญากรรม
ถ้าการเรียกร้องประชาธิปไตยกลายเป็นความผิด
ถ้าการสนับสนุนสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชนและการมีส่วนร่วมของประชาชนกลายเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ
ถ้าการเพรียกหาความยุติธรรมกลายเป็นการถูกลงโทษทัณฑ์
ประเทศแบบไหนกันที่รัฐบาลทหารและ คสช.กำลังสร้างทิ้งไว้ให้เรา?
ในขณะที่เศรษฐกิจประเทศกำลังทรุดหนัก ภัยแล้งกำลังสร้างความทุกข์ยากเดือดร้อนทั่วทุกหัวระแหง โรค MERS กำลังเป็นภัยคุกคามใหม่ต่อชีวิตประชาชน รัฐบาลทหารของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชากลับมีเวลาว่างมากพอที่จะระดมกำลังออกมาจับนักศึกษา 14 คน ระบบราชการที่ไม่เคยทำงานเกินสี่โมงเย็นกลับสามารถออกหมายจับหมายค้นนอกเวลาราชการ แถมยังเปิดศาลทหารพิจารณาคดีตอนสี่ทุ่มได้ราวกับร้านสะดวกซื้อ
นี่ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลทหารของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาทำงานเพื่อใคร? พวกเขาไม่ได้ทำงานเพื่อประเทศชาติหรือประชาชนอย่างที่พล่ามปาว ๆ แต่ทำงานเพื่อความมั่นคงของตัวเองและตัวเองเท่านั้น
ทั้งที่มีอำนาจล้นฟ้า มีแสนยานุภาพเต็มอัตราศึก มีมาตรา 44 ในกำมือ มีศาลทหารไว้ข่มขู่ประชาชน มีอันธพาลนอกเครื่องแบบคอยทำร้ายคุกคามคนคิดต่าง แต่รัฐบาลทหารก็ยังรู้สึกไม่มั่นคง พวกเขากลัวนักศึกษาที่ทำแค่ชูป้ายผ้า ตัวสั่นเทาเมื่อได้ยินคำว่า “คสช.ออกไป!” ความกลัวของพวกเขาใหญ่กว่าอำนาจและอาวุธในมือเสียอีก
รัฐบาลทหารของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชากลัวการแสดงความคิดเห็นแตกต่าง เพราะพวกเขารู้ตัวดีว่าบริหารประเทศไม่เป็น ไม่มีปัญญาแก้ปัญหาอะไรได้ แต่พวกเขายังดื้อดึงอยู่ต่อไป เพื่อรักษาอำนาจและรักษาผลประโยชน์ของตัวเองไว้ท่ามกลางความฉิบหายของบ้านเมือง
ถ้าวันนี้เราปล่อยให้รัฐบาลทหารลงโทษนักศึกษาที่ต่อสู้เพื่อประเทศชาติและประชาชน ต่อไปเราก็ต้องยอมก้มหน้าจำนนอยู่ภายใต้อำนาจบาตรใหญ่ของรัฐบาลเผด็จการโง่เง่าไร้ประสิทธิภาพ เราจะปล่อยให้อนาคตของตัวเราอยู่ในกำมือของคนเขลาคลั่งอำนาจหรือ? หรือเราจะลุกขึ้นและทวงการกำหนดชะตากรรมของตัวเราคืนกลับมา?
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเคยกล่าวเองว่า “ไม่มีใครเรียกผม ผมมาเอง” นั่นเท่ากับยอมรับแล้วว่าเขาไม่เคยมีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ แต่การจะนั่งรอให้เขาสำนึกได้เองและยอมสละจากอำนาจนั้นคงยากยิ่งกว่าสอนกบเต้นรำ ประชาชนเท่านั้นที่จะผลักให้เขาลงจากอำนาจได้
อย่าได้วอนขอความเมตตาจากเผด็จการ เพราะนั่นเท่ากับเรายอมรับอำนาจของคนบ้า ประชาชนจงลุกขึ้นและบอกเผด็จการเถิดว่าปล่อยนักศึกษาเดี๋ยวนี้ ปล่อยนักศึกษาออกมาอ่านหนังสือสอบ ออกมาตีปิงปอง ออกมาเล่นเกมส์ฟีฟ่าออนไลน์ ออกมาเปลี่ยนกางเกงใน ออกมาชูป้ายผ้าประชาธิปไตย และออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี
นี่คืออนาคตของเรา ประชาชนต้องการอำนาจตัดสินใจคืนมา คสช.ต้องออกไปและคืนอำนาจให้ประชาชน!