หลังจาก ผู้บ่าวไทบ้าน อวสานอินดี้ ทองคำ+ปราณี หนังภาคต่อของ ผู้บ่าวไทบ้านอีสานอินดี้ เข้าฉายทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา สำหรับภาพยนตร์เชื้อชาติลาวอีสาน ความฝันของผู้กำกับภูธร อย่าง บอย อุเทน ศรีริวิ ผู้กำกับหนังผู้บ่าวไทบ้าน คนเมืองขอนแก่นที่กล้าฝันและกล้าทำหนัง แม้จะเริ่มต้นอย่างยากลำบากแต่เขาก็พาหนังที่นำเสนอความเป็นอีสานแบบพื้นถิ่นก้าวสู่โรงภาพยนตร์ เมื่อปี 2557 ในชื่อ “ผู้บ่าวไทบ้านอีสานอินดี้” อย่างเฉิดฉาย
ความอินดี้ของผู้บ่าวไทบ้านปี 2566
สำหรับปีนี้ 2566 เรื่องราวเดินทางมาถึงภาคจบกับชื่อ “ผู้บ่าวไทบ้าน อวสานอินดี้” ก็ได้รับการตอบรับจากแฟนหนังอย่างต่อเนื่อง ภาคนี้กลับมาอีกครั้งกับเรื่องราวบทใหม่ หลังจากระยะเวลา 3 ปีที่ “ปราณี” หนีไปทำงานกับแฟนชาวต่างชาติ แต่ “ทองคำ” ผู้บ่าวไทบ้านผู้แสนอินดี้ก็ยังเฝ้ารอการกลับมาของ ปราณี สาวไทบ้านคนรัก ด้วยความอินดี้ กับเหตุการณ์ฝังใจที่สาวคนรักต้องหนีจากไปเพื่อหาเงินในเมืองใหญ่ ทองคำจึงต่อต้านไทบ้านที่ทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดไปอยู่ที่อื่น จนกระทั่งได้พบกับสาวเพ็ญ บัณฑิตจบใหม่จากกรุงเทพฯ และกลับมาบ้าน ความรัก ความสนุกแบบไทบ้านจึงเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง
10 ปี กับความท้าทายจากก้าวแรกสู่ปัจจุบัน
แม้เรื่องราวในหนังจะเป็นเวลาเพียง 3 ปี ที่ ปราณี และ ทองคำต้องลาจากกัน แต่ความเป็นจริงต้องใช้เวลากว่า 10 ปี ที่หนังจะเดินทางมาสู่บทสรุปของคู่พระนาง การเดินทางจากก้าวแรกของหนังอีสานขนานแท้เมื่อปี 2557 อุเทน ศรีริวิ บอกว่า “เต็มไปด้วยความยากลำบากและข้อท้าทาย “เพราะการทำหนังภาคแรกต้องใช้เวลากว่า 3 ปีในการขอทุน แถมยังเป็นหนังอีสานเรื่องแรก ๆ ที่จะเข้าฉายในโรงหนัง เราไม่รู้เลยว่าคนดูเขาจะชอบไหม หนังจะได้รับความนิยมหรือไม่ จะขาดทุนหรือไม่ หนังอีสานจะได้ไปต่อไหม มันยากมากที่จะคาดเดาความรู้สึกของคนดู แต่ก็อยากทำหนังเรื่องนี้เพราะอยากจะเล่าเรื่องความเป็นอีสานแท้ ๆ ให้กับคนภายนอกได้รับรู้ แต่ปัจจุบันความกังวลเหล่านั้นแทบไม่มี เพราะเรารู้ว่าคนดูเราเป็นใคร และความเป็นอีสานก็มีคนรู้จักมากขึ้น เป็นที่นิยมมากขึ้น”
อีสานอินดี้ (Independent) ความอิสระของหนังไทบ้าน
การถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นอีสานผ่านเนื้อหาของหนัง ยังอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของวิถีชีวิต และบริบทความเป็นไทบ้านอีสานอย่างลึกซึ้ง จากสายตาของผู้ชมอาจมองเห็นความสนุกสาน และได้ระลึกถึงความหลังกับวิถีชีวิตแบบไทบ้านที่หลายคนเคยสัมผัส แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังแฝงด้วยมุมมอง และเสียดสีสังคมปัจจุบัน กับความเป็นลาวอีสานขนานแท้ที่เริ่มลดเลือนหายไป และวัฒนธรรมใหม่เข้ามาแทรกในชุมชนมากมาย แม้ความอหังกาของอีสานยังมีอยู่ในตัวตนหลายคน แต่ก็อาจจะต้านทานทุนนิยมไม่ไหว ความอินดี้ของผู้บ่าวไทบ้าน จะยังคงท้าทายทุนนิยมที่รุกคืบได้ขนาดไหน แต่ความเป็นอีสานของคนทำหนังอีสานก็จะยังถูกถ่ายทอดไปให้คนในสังคมได้เห็น ได้เข้าใจอีสานมากขึ้น
“หนังอีสาน สไตล์มันไม่จำเจ ความเป็นอีสานมันไม่ตาย มีหลายอย่างที่บอกถึงความเป็นอีสาน คนไทบ้าน คนอีสาน เฮาตั้งใจทำให้เป็นอีสานแท้ ๆ ดีเทลต่าง ๆ ถูกซ่อนผ่านหนัง เพื่อบอกถึงความเป็นหนังอีสาน”
บอย อุเทน ศรีริวิ ผู้กำกับหนังผู้บ่าวไทบ้าน อวสานอินดี้ ทองคำ+ปราณี