แถลงการณ์คนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม รุ่น2 และกลุ่มนักกิจกรรมทางสังคม
เอาทหาร-ตำรวจ เอาบ่อก๊าซออกไป ที่นี่ยังมีชีวิตคน
จากเหตุการณ์ที่บริษัท อพิโก้(โคราช) จำกัด ได้ขนอุปกรณ์ขุดเจาะปิโตรเลียม เข้ามาในพื้นที่บ้านนามูล ต.ดูนสาด อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เพื่อทำการสำรวจแปลง L27/43 หลุมดงมูล-บี (ดงมูล-5) ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 เบื้องต้นแปลงสัมปทานนี้ได้ผ่านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในเรื่องของโครงการเจาะหลุมสำรวจ / ประเมินปิโตรเลียม ที่ผ่านมาสังคมต่างตั้งคำถามต่อบทบาทและท่าทีของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ที่เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการทุกขั้นตอน ตั้งแต่การรับฟังความคิดเห็น จนถึงกระบวนการล่าสุด คือ การอำนวยการขนย้ายอุปกรณ์ ป้องกันชาวบ้านขัดขวางการขนย้าย
ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา มีความพยายามขนย้ายอุปกรณ์ขุดเจาะปิโตรเลียมของบริษัท เข้ามาในพื้นที่แต่ถูกชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติบ้านนามูลคัดค้าน ต่อมาเจ้าหน้าที่รัฐทั้งทหาร ตำรวจ ในและนอกเครื่องแบบ รวมทั้งฝ่ายปกครอง กว่า 20 นาย เข้ามาเจรจาไม่ต้องการให้ชาวบ้านขัดขวาง จนเมื่อ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ตำรวจประมาณ 10 นาย เข้ามาขอเคลียร์พื้นที่ในตอนเช้าเพื่อทำให้สามารถขนเครื่องจักรเข้าไปในพื้นที่ได้ ในวันและเวลาเดียวกัน รถขนอุปกรณ์ขุดเจาะปิโตรเลียมกว่า 10 คันจอดเตรียมความพร้อมบริเวณหน้าค่ายเปรมติณสูลลานนท์รอ ได้เคลื่อนเข้าสู่หมู่บ้าน โดยมีบริษัท ตำรวจ ทหาร กอ.รมน. เข้ามาเจรจากับชาวบ้านเพื่อขอให้เปิดทาง พร้อมทั้งยังอำนวยความสะดวก ในการขนย้ายเครื่องจักรเข้าไปหลุมขุดเจาะ ซึ่งชาวบ้านได้ท้วงติงว่าตามมาตรการขนย้ายอุปกรณ์ใน รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จำเป็นต้องแจ้งการขนย้ายอุปกรณ์ล่วงหน้า 15 วัน ให้ชุมชนได้รับทราบ แต่ครั้งนี้กลับไม่มีการดำเนินการตามมาตรการใน EIA ทั้งนี้ ตัวแทนบริษัทกลับไม่มีคำตอบให้ชาวบ้าน หลังจากนั้นเป็นต้นมา มีการขนย้ายอุปกรณ์เข้ามาในพื้นที่เรื่อยๆ โดยมีเจ้าหน้ารัฐกว่า 200 คนกันชาวบ้านไม่ให้ขวางการลำเลียง อำนวยความสะดวกให้ทุกครั้งที่มีการขนย้าย จนเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.อ.จตุรพงศ์ บกบน รอง ผอ.รมน.จ.ขอนแก่น และนางนิภา สุวรรณสุจริต นายอำเภอกระนวน ร่วมอำนวยการขนย้ายด้วยตัวเอง ด้านชาวบ้านไม่ต้องการการปะทะ จึงทำกิจกรรม สวดมนต์ และอ้อนวอนทั้งน้ำตาขอความเห็นใจ
“อีแม่ธรณีเอ้ย..เพิ่นสิเอาสารพิษมาทิ่มใส่อีแม่แล้วเด้อ อย่ายอมมันเด้อ”
“ที่นี่มีชีวิตเด้อ บ่ได้มีแต่ก๊าซ”
เสียงตะโกนก้องผสมคราบน้ำตาของชาวบ้านผู้คัดค้านการทวงถามต่อผู้ที่เข้ามาขโมยทรัพยากร
ท่ามกลางเสียงสะอื้นไห้ แต่เจ้าหน้าที่รัฐกลับเฉยเมย บางคนมองดูชาวบ้านด้วยสายตาดูหมิ่นดูแคลน ไม่เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ชาวบ้านไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากการหลั่งน้ำตา ร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดใจ พร้อมกับคุกเข่าพนมมือสวดมนต์ และกราบลงแทบเท้าแผ่นดินเกิด ขอขมาแม่ธรณี หลวงปู่ดงมูน และเจ้าพ่อคลองไทร ที่ลูกหลานไม่สามารถปกป้องแผ่นดินของบรรพบุรุษได้ บางคนเอาคำข้าวเหนียวไปป้อนเหล่าองครักษ์พิทักษ์นายทุน เพื่อที่จะบอกว่า “คำข้าวนี้แหละที่หล่อเลี้ยงชีวิตพวกเราและลูกหลานพวกเราสืบไป ไม่ใช่บ่อก๊าซและสารพิษที่พวกนายทุนนำมา”
ที่ผ่านมาชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับโครงการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียม เพราะเกรงว่าอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมโดยรอบชุมชน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีหลุมเจาะดงมูลที่บ้านนาคำน้อย ห่างจากบ้านนามูล ประมาณ 5 กม. ได้รับผลกระทบเมื่อมีการเผาไหม้แก๊สตลอดเวลา ทั้งไร่สวน ไร่นาและสุขภาพชาวบ้านต่างได้รับผลกระทบ การทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ทีผ่านมาบริษัทไม่มีความชอบธรรมในการทำประชาพิจารณ์มีเพียงผู้นำชุมชนและคนที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชนไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เข้าร่วม เป็นการให้ข้อมูลเพียงด้านเดียว ไม่เปิดเผยเรื่องของผลกระทบจากการขุดเจาะว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อชุมชน และจะมีมาตรการรองรับอย่างไรเมื่อเกิดผลกระทบ
เราในนาม คนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม รุ่น2 และนักกิจกรรมทางสังคม ได้ติดตามและสนใจประเด็นทางสังคมเห็นว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐในเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ชอบธรรม ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน จึงมีข้อเสนอ ดังนี้
1. ให้เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง หยุดคุ้มกันขบวนรถขนอุปกรณ์หรืออำนวยควาสะดวกในแก่บริษัท ให้ตะหนักไว้ว่าเงินเดือนที่ท่านมีใช้อยู่มาจากภาษีประชาชน และหน้าที่ของพวกท่านคือรับใช้ประชาชนมิใช่รับใช้บริษัทนายทุน
2. ให้ถอนกองกำลังทหาร ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด เพราะเรื่องการขนย้ายอุปกรณ์ขุดเจาะปิโตรเลียมนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับหน้าที่พวกท่าน มาทำเพื่อ…อะไร? กลับไปทำงานตามหน้าที่ของตน
ขอเป็นกำลังใจให้ชาวบ้านที่ต่อสู้อยู่ในพื้นที่ เราในนามคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม รุ่น2 และกลุ่มนักกิจกรรมทางสังคม จะอยู่เคียงข้างพวกท่านและจะร่วมต่อสู้คัดค้านกับการกระทำอันไม่ชอบธรรมของเจ้าหน้าที่ภาครัฐและบริษัทนายทุน ที่รวมหัวกันปล้นทรัพยากรชุมชนโดยไม่ฟังเสียงของชาวบ้านผู้เป็นเจ้าของพื้นที่กระทำราวกับว่าชาวบ้านเพียงเบี้ยล่าง ดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน ในขณะที่รัฐบาลกำลังพูดถึงเรื่องการปฏิรูป การปรองดอง รวมทั้งเรื่องสัมปทานปิโตรเลียมโดยอ้างผลประโยชน์ของประเทศ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนี้ยิ่งทำให้เห็นว่า “รัฐบาลมันกำลังบ้าอำนาจ!!!”
22 กุมภาพันธ์ 2558
องค์กร
คนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม รุ่น2
กลุ่มเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชน ดาวดิน
อาสากลางมช.
กลุ่มลุ่มน้ำโขงศึกษา
กลุ่มเอื้องหลวง (นศ.รุ่นใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม)
กลุ่มอิสระกล้า เทียน หิน
กลุ่มคนรุ่นใหม่ภาคกลางวิทยาเขตศิริราช
กลุ่มเสรีนนทรี
author
