แถลงการณ์ “ผันน้ำ โขง-เลย-ชี-มูล ไม่ใช่คำตอบของคนอีสาน”

แถลงการณ์ “ผันน้ำ โขง-เลย-ชี-มูล ไม่ใช่คำตอบของคนอีสาน”

หลังจากวันที่ 9 มีนาคม 2558 นายปิติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กล่าวว่าจะฟื้นโครงการผันน้ำโขงเติมในภาคอีสาน โดยให้กรมชลประทานศึกษาแนวทางการผันน้ำโขงเพื่อมาเติมแหล่งน้ำภายในประเทศ ซึ่งเดิมที่ชลประทานเคยศึกษาโครงการผันน้ำโขง-เลย-ชี-มูล ประกาศที่จะนำร่องโครงการรูปแบบใช้แรงโน้มถ่วงดึงน้ำจากแม่น้ำโขงมาทางห้วยหลวง จ.อุดรธานี และสร้างอุโมงค์เฉพาะบางจุด วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ใช้ระยะเวลา 20 ปี

และเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2558 เครือข่ายภาคประชาชนลุ่มน้ำอีสาน เสนอรัฐศึกษาผลกระทบจากโครงการโขง-ชี-มูล เดิมก่อนผลักดันโครงการต่อ พร้อมทั้งเห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เคยทบทวนบทเรียนเรื่องการจัดการน้ำที่ผ่านมา

ล่าสุดวันที่ 18 เมษายน 2558 เครือข่ายภาคประชาชนได้ออกแถลงการณ์ “ผันน้ำ โขง-เลย-ชี-มูล ไม่ใช่คำตอบของคนอีสาน” โดยระบุว่า โครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ในภาคอีสานนั้นเป็นการใช้มายาคติเรื่องอีสานแห้งแห้งซ้ำซากมาเป็นข้ออ้างในการผลักดันโครงการ พร้อมแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับโครงการผันน้ำดังกล่าว โดยหากจริงใจในการแก้ปัญหาเรื่องน้ำจริงต้องเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนให้มีส่วนร่วมในการออกความคิดเห็นด้วย

………….

เนื้อหาในแถลงการณ์ฉบับเต็ม

“ผันน้ำ โขง-เลย-ชี-มูล ไม่ใช่คำตอบของคนอีสาน”

มายาคติเรื่อง “อีสานแล้งซ้ำซาก” กลายเป็นช่องทางของหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบเรื่องน้ำเพื่อนำเสนอโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ในภาคอีสานตลอดมา “โครงการผันน้ำโขง-เลย-ชี-มูล” นับเป็นโครงการล่าสุดที่ กรมชลประทาน และ มูลนิธิน้ำและคุณภาพชีวิต ต่างผลักดันจะให้เกิดขึ้นให้ได้ในยุคนี้ ทั้งที่ปัจจุบันนี้แม่น้ำโขงนั้นมีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงทางระบบนิเวศมาก เนื่องจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงตอนบนและเขื่อนที่กำลังก่อสร้างคือเขื่อนไซยะบุรี ได้ส่งผลต่อการไหลของแม่น้ำโขงและระดับน้ำที่ขึ้นๆลงๆอย่างเห็นได้ชัดทำให้เราไม่สามารถจะกำหนดทิศทางของน้ำได้  ประกอบกับปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอที่จะผันเข้ามาเติมในภาคอีสานอย่างแน่นอน และในฤดูฝนเองน้ำในภาคอีสานก็มีมากอยู่แล้ว จะผัน ไปเก็บที่ไหน นี้คือความจริงที่รัฐจะต้องกล้าที่จะฟังเสียงของคนลุ่มน้ำ ไม่ใช่เร่งแต่จะผลักดันโครงการอย่างเดียวเพื่อนำงบประมาณมาตอบสนองคนแค่ไม่กี่กลุ่ม

บทเรียนการจัดการน้ำด้วยโครงการขนาดใหญ่ในอีสานกว่า 40 ปี แทบจะเป็นบทสรุปความล้มเหลวในทุกโครงการ ได้แก่ โครงการโขง-ชี-มูล เขื่อนปากมูล โครงการชลประทานระบบท่อ โครงการน้ำแก้จน ฯลฯ ผลที่เกิดจากโครงการเหล่านี้ได้ทำให้ระบบนิเวศสำคัญของอีสานพังพินาศไปมากกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่ การแพร่กระจายของดินเค็ม การสูญเสียที่ดินทำกิน การสูญเสียพันธุ์ปลาและความหลากหลายทางชีวภาพ ยังมีชาวบ้านอีกจำนวนมากที่ต้องประสบปัญหาและรอการแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโครงการเหล่านี้มามากกว่า 20 ปี และผ่านมาแล้ว มากกว่า 10 รัฐบาล โครงการบางแห่งก็กลายเป็นอนุสาวรีย์แห่งความล้มเหลวประจานผลงานภาครัฐ บทเรียนและงบประมาณรัฐหลายแสนล้านบาทเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างคุ้มค่าและสร้างปัญหามากมายในภายหลัง แต่ก็ไม่ได้ทบทวนแนวทางรูปแบบโครงการแต่อย่างใด กลับจะเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่โดยละเลยกระบวนการและขั้นตอนที่ภาคประชาชนให้ความสำคัญและติดตามมาตลอด และยังวนเวียนซ้ำซากกับโครงการแบบเดิมๆ ที่เพิ่มขนาดใหญ่ขึ้น ใช้เงินมากขึ้น และสร้างผลกระทบมากขึ้น 

ในยุคที่ทางหน่วยงานรัฐยังพยายามผลักดันโครงการเมกะโปรเจคนี้ โดยไม่คำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของอีสาน การโหมข่าวว่า ภาคประชาชนเห็นด้วยต่อโครงการนี้ และการใช้งานวัฒนธรรมประเพณีของคนลุ่มน้ำโขง ในวันที่ 18 เมษายน 2558 ที่แก่งคุดคู้ จังหวัดเลย เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ นับเป็นวิธีการที่ถือว่าไม่จริงใจ และไม่เคารพวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่น 

พวกเราองค์กรประชาชนต่างๆ ขอแสดงจุดยืน “ไม่เห็นด้วยกับโครงการผันน้ำโขง-เลย-ชี-มูล” และหาก กรมชลประทาน และ มูลนิธิน้ำและคุณภาพชีวิต ในฐานะผู้ผลักดันโครงการมีความจริงใจ ก็ควรจะมีการเปิดเผยข้อมูลและเปิดเวทีให้ประชาชนทั้งภาคอีสาน ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด ได้แสดงความคิดเห็นและเปิดให้มีการถกเถียงกันถึงความจำเป็นของโครงการ รวมทั้งให้โอกาสประชาชนได้เสนอทางเลือกอันหลากหลายในการจัดการน้ำที่สอดคล้องกับระบบนิเวศอีสานทั้งหมดที่ประกอบไปด้วย พื้นที่ทาม ทุ่ง โคก ภู ซึ่งมีลักษณะจำเพาะของแต่ละพื้นถิ่นและสามารถพัฒนารูปแบบที่หลากหลาย สอดคล้อง มีความยั่งยืนกว่า ถูกกว่า บริหารจัดการง่ายกว่า โดยไม่จำเป็นที่จะต้องผันน้ำข้ามลุ่มน้ำ หรือใช้แม่น้ำระหว่างประเทศเลย กรมชลประทานไม่ควรสร้างภาพ บิดเบือน และสมรู้ร่วมคิดกับภาคประชาชนจอมปลอม ทำการรวบรัดตัดตอนดำเนินโครงการ โดยออกแบบกำหนดรูปแบบวิธีการทางวิศวกรรมทั้งหมดเอาไว้แล้ว โดยไม่ฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ของภาคอีสาน รัฐจึงควรจะให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมที่แท้จริง ไม่ใช่มีส่วนร่วมเพียงแค่ทำไปตามรูปแบบขั้นตอนให้เสร็จๆ ไปตามกฎหมายทั้งที่ได้กำหนดทุกอย่างเอาไว้แล้ว ประชาชนคนอีสานไม่ควรถูกบังคับให้ยอมรับการพัฒนาที่พวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการกำหนด และนำความหายนะมาให้เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา 
รัฐต้องหยุด! โครงการผันน้ำ โขง เลย ชี มูล และหาวิธีจัดการน้ำที่ยั่งยืนกว่าร่วมกับประชาชนคนอีสาน

ลงชื่อ

เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน 
ศูนย์พิทักษ์สิทธิการจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำชีตอนล่าง 
กลุ่มศึกษาการพัฒนาภาคอีสาน
โครงการทามมูล จ.สุรินทร์ 
เครือข่ายชุมชนคนฮักน้ำของ จ.อุบลราชธานี 
ศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมอีสาน
ศูนย์สื่อชุมชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำโขง(กรณีคัดค้านเขื่อนปากชม) อ.ปากชม จ.เลย
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี
กลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูลุ่มน้ำลำพะเนียง จ.หนองบัวลำภู
กลุ่มเกษตรและประมงพื้นบ้านเชียงคาน 
กลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา
ศูนย์ข้อมูลชุมชน (ศขช) 
กป.อพช.อีสาน
สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต
เครือข่ายคนรุ่นใหม่กลุ่มลุ่มน้ำโขงศึกษา 
สถาบันชุมชนลุ่มน้ำโขง
มูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ(ประเทศไทย)

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ