พอช. / สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ‘พอช.’ อนุมัติงบ 6.1 ล้านบาท ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อจัดทำครัวชุมชนหรือ ‘ครัวกลาง’ ทำอาหารแจกจ่ายผู้ประสบภัย 4 ภูมิภาค เหนือ อีสาน กลางตะวันตก กรุงเทพฯ ปริมณฑล รวม 16 จังหวัด 85 จุด ด้านเครือข่ายเครือข่ายภัยพิบัติลุ่มน้ำมูลฯ จ.อุบลราชธานี เสนอรัฐตั้งกองทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยสร้าง ‘บ้านลอยน้ำ’ ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยใกล้บ้าน โดยชุมชนร่วมกันสร้าง ใช้รูปแบบ ‘บ้านมั่นคง’ ของ พอช.
จากสถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมเกือบทุกภาคของประเทศไทยในขณะนี้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติอย่างใกล้ชิด โดยสำนักงานในภาคต่างๆ ของ พอช. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานความช่วยเหลือกับพี่น้องขบวนองค์กรชุมชน เช่น เครือข่ายกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบล เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตำบล ฯลฯ นำข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค สิ่งของจำเป็น ฯลฯ ไปมอบให้แก่ชุมชนผู้ประสบภัย
พอช.หนุนทำครัวกลาง–จัดทีมเยี่ยมผู้ประสบภัย
ล่าสุด พอช.ได้จัดทำโครงการบรรเทาความเดือดร้อนภัยพิบัติน้ำท่วมปี 2565 เพื่อสนับสนุนงบประมาณการจัดทำครัวชุมชน หรือ ‘ครัวกลาง’ เพื่อทำอาหารปรุงสุก แจกจ่ายให้แก่พี่น้องที่ประสบภัย เนื่องจากขณะนี้หลายพื้นที่ หลายจังหวัดระดับน้ำยังไม่ลดลง ชาวบ้านไม่สามารถออกไปทำมาหากินหรือหารายได้ได้ตามปกติ เพราะบ้านเรือนโดนน้ำท่วม เช่น จังหวัดอุบลราชธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ฯลฯ หลายชุมชนต้องอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว บางส่วนอาศัยอยู่บนชั้นสองของบ้านเพื่อเฝ้าระวังทรัพย์สิน
โดย พอช. ได้อนุมัติงบประมาณสนับสนุนการจัดทำครัวกลางใน 4 ภูมิภาค คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ภาคกลางและตะวันตก กรุงเทพฯ ปริมณฑลและตะวันออก รวม 16 จังหวัด 85 จุด จำนวนผู้เดือดร้อนรวม 41,454 ครอบครัว รวมงบประมาณทั้งหมด 6,100,000 บาท (สนับสนุนจุดละ 50,000-200,000 บาท ตามจำนวนผู้เดือดร้อน)
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เครือข่ายชาวบ้านและองค์กรชุมชนในจังหวัดต่างๆ ได้ร่วมกันจัดทำครัวกลางขึ้นมาแล้วในหลายพื้นที่ เช่น อุบลราชธานี ขอนแก่น นครสวรรค์ ฯลฯ โดยมีเครือข่ายกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบล กองทุนสวัสดิการชุมชน เครือข่ายบ้านมั่นคง ฯลฯ ระดมเงินบริจาค ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม สิ่งของจำเป็นไปมอบให้แก่พี่น้องที่มีความเดือดร้อน
นอกจากนี้ สำนักงานภาคกลางและตะวันตก สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ร่วมกับขบวนองค์กรชุมชน และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (พมจ.) จะเข้าไปเยี่ยมเยียนและมอบสิ่งของจำเป็นให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ตำบลคลองสระบัว อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ และวันที่ 27-28 ตุลาคมที่จังหวัดต่างๆ ในภาคกลาง เช่น อ่างทอง สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ฯลฯ
เครือข่ายภัยพิบัติอุบลฯ เสนอรัฐตั้งกองทุนสร้าง ‘บ้านลอยน้ำ’
สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดอุบลราชธานีหลายอำเภอยังหนักหน่วง โดยเฉพาะชุมชนริมฝั่งแม่น้ำมูลในเขตอำเภอวารินชำราบและอำเภอเมือง เนื่องจากจังหวัดอุบลฯ เป็นพื้นที่รองรับน้ำจากแม่น้ำ 2 สายสำคัญในภาคอีสาน คือ แม่น้ำมูลและแม่น้ำชี ก่อนจะรวมกันเป็นแม่น้ำมูลและไหลผ่านเขื่อนปากมูลลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอโขงเจียม
โดยล่าสุดวันนี้ (20 ตุลาคม) แม้ระดับแม่น้ำมูลจะเริ่มลดลง แต่แม่น้ำมูลยังคงสูงกว่า 11 เมตร และสูงกว่าระดับน้ำที่เคยท่วมหนักในปี 2562 กว่า 4 เมตร ชุมชนริมฝั่งแม่น้ำมูลและแม่น้ำสาขายังถูกน้ำท่วมในหลายอำเภอ ชาวบ้านต้องอยู่อาศัยในศูนย์พักพิงชั่วคราวกว่า 20 แห่ง และมีบางส่วนที่ยังอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมเพื่อเฝ้าระวังทรัพย์สินและสิ่งของต่างๆ
ขณะที่จังหวัดอุบลราชธานีได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัยปี 2565) ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นมา จำนวน 18 อำเภอ 34 ชุมชน 670 หมู่บ้าน
นายจำนงค์ จิตรนิรัตน์ มูลนิธิชุมชนไท ที่ปรึกษาเครือข่ายภัยพิบัติลุ่มน้ำมูลและลุ่มน้ำเซบก จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ชาวชุมชนริมฝั่งแม่น้ำมูลและแม่น้ำสาขาถูกน้ำท่วมหนักในปี 2562 ชาวชุมชนต่างๆ จึงรวมตัวกันเป็นเครือข่ายภัยพิบัติลุ่มน้ำมูลและลุ่มน้ำเซบก มีสมาชิกประมาณ 30 ชุมชน และต่อมาในปี 2563 ได้ร่วมกันต่อเรือติดเครื่องยนต์เพื่อเตรียมพร้อมอพยพ รวม 28 ลำ และต่อแพ 1 ลำเพื่อใช้ขนข้าวของออกจากพื้นที่น้ำท่วม โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ เช่น ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลฯ มูลนิธิชุมชนไท เครือข่ายพี่น้องอันดามัน พอช. ฯลฯ
“เมื่อเกิดน้ำท่วมในปีนี้ เรือของเครือข่ายฯ ได้ช่วยอพยพพี่น้องที่ถูกน้ำท่วมออกมาจากพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย และแพก็ยังสามารถใช้เป็นที่พักชั่วคราวในช่วงน้ำท่วมได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านในตำบลหนองกินเพล อำเภอวารินชำราบ ทำแพเอาไว้ก่อนช่วงน้ำท่วมเพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว ไม่ต้องอพยพหนีน้ำ ถือเป็นการปรับตัวเพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่กับน้ำได้ เครือข่ายฯ จึงมีแนวคิดที่จะจัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้จัดตั้ง ‘กองทุนพัฒนาที่อยู่อาศัย’ เพื่อนำมาสร้างเป็น ‘บ้านลอยน้ำ’ เพราะจังหวัดอุบลฯ เป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก”
จำนงค์ เสนอแนวคิด
เขาขยายความว่า ‘บ้านลอยน้ำ’ มีลักษณะเป็นแพ โดยใช้ถังพลาสติกขนาด 200 ลิตรแทนทุ่นไม้ไผ่เพื่อพยุงแพหรือบ้าน ใช้เหล็กนำมาเชื่อมเป็นพื้น ใช้ไม้อัดปูพื้น ฝาบ้านและหลังคาใช้แผ่นสังกะสีหรือเมทัลชีท ขนาดประมาณ 4 X 6 ตารางเมตร ราคาวัสดุประมาณ 40,000 บาท ใช้วัสดุเหลือใช้หรือรีไซเคิลมาเป็นส่วนประกอบเพื่อลดต้นทุน ใช้แรงงานจากชาวบ้าน ก่อสร้างบ้านลอยน้ำตามแนวทาง ‘บ้านมั่นคง’ ของ พอช. โดยรัฐสนับสนุนงบประมาณ ชาวบ้านร่วมสมทบแรงงาน นอกจากนี้ชาวบ้านในแต่ละชุมชนต่างก็มีกลุ่มออมทรัพย์ของชุมชนและของเครือข่ายฯ เป็นทุนตั้งต้นอยู่แล้ว
ที่ปรึกษาเครือข่ายภัยพิบัติลุ่มน้ำมูลและลุ่มน้ำเซบกบอกด้วยว่า ชาวบ้านในจังหวัดอุบลราชธานีคงจะต้องอยู่กับสภาพน้ำท่วมอีกนานนับเดือน ไม่สามารถทำมาหากินได้ตามปกติ ขณะที่เสบียงอาหารที่ชาวบ้านเตรียมเอาไว้เริ่มร่อยหรอ ครัวกลางที่ทำแจกจ่ายกันในศูนย์พักพิงวันละ 1-2 มื้อไม่เพียงพอ
“ตามระเบียบของกระทรวงการคลัง ชาวบ้านจะได้รับเงินช่วยเหลือเมื่อประสบภัยพิบัติเพื่อจัดทำอาหารคนละ 50 บาทต่อมื้อ หรือคนละ 150 บาทต่อวัน แต่ตอนนี้ชาวบ้านยังไม่รู้ว่าเงินค่าอาหารตอนนี้มาถึงหรือยัง หรือเอาไปจัดสรรอย่างไร จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบหรือชี้แจงด้วย เพราะตอนนี้อาหารที่ชาวบ้านทำแจกกันนั้นกำลังจะหมดแล้ว”
ที่ปรึกษาเครือข่ายกล่าวในตอนท้าย
เรื่องและภาพ : สำนักพัฒนานวัตกรรมชุมชนจัดการความรู้และสื่อสาร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)