6 หมู่บ้านรอบเหมืองทองคำ จ.เลย กับการต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิชุมชน มีผลทำให้เกิดการฟ้องคดี 9 คดี ชาวบ้าน 33 คนถูกฟ้องทั้งทางแพ่งและทางอาญาเป็นเงิน 50 ล้าน 70 ล้าน 150 ล้าน และบวกเพิ่มวันละ 10 ล้านบาทนับจากวันยื่นฟ้อง รวมถึงวันนี้ชาวบ้านถูกฟ้องถึง 2,000 ล้านบาท ที่สุดวันนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เมื่อบริษัททุ่งคำได้ถอนฟ้องชาวบ้าน เพื่อแลกกับการขนแร่ที่เหลือออกจากเหมือง สถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีนับตั้งแต่บริษัททุ่งคำเข้ามาดำเนินกิจการตั้งแต่ปี 2549 เริ่มมีการเจรจาเรื่อยมา
กระทั่งหมุดหมายสำคัญคือวันที่ 2 ธันวาคม 2557 ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ผู้บังคับการจังหวัดทหารบก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย ตัวแทนบริษัทเหมือง และชาวบ้านได้มีการพูดคุยหาทางออก ชาวบ้านยืนยันว่าบริษัททุ่งคำต้องถอนฟ้องชาวบ้านทั้งหมด 8 คดี พร้อมกันทั้ง 33 คนจึงจะสามารถขนแร่ออกไปได้ การพูดคุยครั้งนั้นนำมาซึ่งการทำบันทึกข้อตกลงหรือ MOU ในวันที่ 4 ธันวาคม ระหว่างกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดและบริษัททุ่งคำ
6 ธันวาคม พนักงานบริษัททุ่งคำเริ่มรื้อถอนซากกำแพงเพื่อเปิดทางให้มีการขนแร่ ขณะที่ชาวบ้านยังไม่แน่ใจว่าบริษัททุ่งคำจะทำตามสัญญาหรือไม่
7 ธันวาคม ชาวบ้านเริ่มจัดเวรยามบริเวณที่เคยเป็นกำแพง เพื่อเฝ้าระวังเกรงว่าบริษัทจะขนแร่โดยที่ยังไม่ได้ถอนฟ้อง ในคืนดังกล่าวมีรถบรรทุกขนาดใหญ่ทยอยเข้าไปในเหมือง
เช้าวันที่ 8 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่บริษัททุ่งคำจะขนแร่ ยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าจะมีการถอนฟ้อง เพราะ บริษัทยังไม่ได้นำเอกสารมาแสดงว่าถอนฟ้องแล้ว ชาวบ้านจึงเริ่มจับมือกันเป็นโล่มนุษย์แล้วนั่งลงบริเวณทางเข้าออกเหมืองทองคำ
11.30 น. ชาวบ้านได้รับข่าวที่รอคอย เมื่อเอกสารถอนฟ้องในชั้นศาลทั้ง 8 คดี กับ 33 คน ได้รับการยืนยันจากแกนนำชาวบ้านว่าเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าอีก 1 คดียังคงอยู่ในชั้นอัยการ
วิรอน รุจิไชยวัฒน์ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด อ.วังสะพุง จ.เลย พูดถึงความรู้สึกของเธอว่า “ที่สุดแล้วจนถึงวันนี้ อ่อนล้า หมดกำลังใจ ท้อ แต่ทุกคนก็ลุกขึ้นมาสู้เหมือนเดิม รวมกันได้เหมือนเดิม เพื่อบ้านเรา ทุกคนไม่ทิ้งบ้านตัวเองถึงแม้จะอ่อนล้า ก็เหนื่อยหน่ายกับการสู้กับเหมือง แต่ทุกคนไม่ทิ้งบ้านตัวเองแน่นอน มั่นใจกับพี่น้องทุกคน”
ภัทราภรณ์ แก่งจำปา หนึ่งในสมาชิกกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด บอกว่า “ ที่ติดคดีมาก็ยอมรับว่าเหนื่อย เพราะว่าต้องไปศาลหลายรอบ ทั้งเอกสารก็เยอะ ไม่ค่อยมีเวลาไปศาล ถ้าเกิดว่าไม่มีเรื่องต้องขึ้นศาล ก็จะมีเวลาทำอย่างอื่น ตอนนี้ค่อยๆ ทบทวนเรื่องที่ พ่อๆ แม่ๆ ทำมาก่อนหน้านี้ ถึงเหนื่อยแต่เราก็สู้”
วันนี้ชาวบ้านยิ้มได้เมื่อหลายคดีความคลี่คลาย แต่เรื่องสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน ยังเป็นสิ่งที่พวกเขายังคงต้องสู้ต่อไป