กว่า 10 กว่าวันแล้วนะครับ ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ในไทยสูงเกือบแตะ 2 หมื่นราย และหนึ่งในจังหวัดที่พบการระบาดสูงสุดคงจะหนีไม่พ้นเมืองหลวง มียอดผู้ติดเชื้อรายวันกว่า 2 พันราย ที่สำคัญการระบาดรอบนี้ กลุ่มเด็กติดสูงขึ้น
จากข้อมูลเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 65 สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เผยถึงสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในเด็กว่า ปัจจุบันมีเด็กติดเชื้อโควิด-19 สูงขึ้นจากเดิมในเดือนมกราคม 2565 มีเด็กติดเชื้ออยู่ประมาณ 200 ราย และในเดือนกุมภาพันธ์ วันนี้มีเด็กติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 250 ราย และมีแนวโน้มการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้เตียงเด็กตอนนี้เต็ม ที่ครูจิ๋วเช็คไป เต็มทุกแห่ง
ครูจิ๋ว ทองพูล บัวศรี มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
ครูจิ๋ว ทองพูล บัวศรี มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก เล่าว่าตอนนี้จำนวนเด็กติดมากขึ้น และติดแบบไม่มีอาการ จากข้อมูลภาพรวมการสำรวจเตียงเด็ก 20 กว่าแห่งทั่วกรุงเทพ ในเครือข่ายสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ข้อมูลจากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี วันที่ 21 ก.พ. 65 พบว่ามีประมาณ 500 กว่าเตียง และตอนนี้มีการครองเตียงแล้วกว่า 80%
ตอนนี้สถาบันเด็กฯ ก็มีความคิดว่า มันรักษาที่บ้านได้ แต่เด็กที่อยู่ในแคมป์แรงงานก่อสร้าง หรือว่าอยู่ในชุมชนแออัดล่ะ ที่พักมันไม่ได้เหมาะสม เพราะมีความชื้น นั่นยิ่งจะทำให้เด็กป่วยมากขึ้น ที่ผ่านมาก็มีเด็กที่รักษาที่บ้าน รักษาไปแล้ว 6 วัน ไม่ดีขึ้น ก็เลยต้องประสานให้ไปโรงพยาบาล โชคดีว่าเชื้อไม่ลงปอด
ครูจิ๋ว ทองพูล บัวศรี มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
ครูจิ๋วและทีมอาจมีหลายความกังวลใจในเวลานี้ ซึ่งถ้าจะเปลี่ยนในวันสองวัน คงไม่เกิดขึ้น แต่สถานการณ์ตอนนี้ที่ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรายวัน ฉะนั้นสิ่งที่จะทำได้ คือการส่งต่อถุงยังชีพ
หน้าที่ของรถโรงเรียนคันนี้ แต่ก่อนมีหน้าพาเด็กที่อยู่ในแคมป์เข้าสู่ระบบการศึกษา อย่างปีที่แล้วเราเอาเข้าได้ 5 คน และเด็กก็ต้องมีฐานต่าง ๆ เช่น เด็กต้องตั้งใจเรียน พ่อแม่ต้องไม่ย้ายงานภายใน 3 ปี 5 ปี มีพื้นฐานในการอ่าน แต่อนนี้ยังเข้าระบบยาก เพราะว่าเด็กหลายคนพ่อแม่ก็ยังผิดกฎหมาย บวกกับสถานการณ์โควิด-19 มูลนิธิสร้างสรรค์เด็กจึงเข้าไปช่วยหน้างานก่อน อย่างถ้าเด็กติดโควิด-10 ครูจะส่งยาที่จำเป็น ส่งสมุนไพร ไปให้เด็กเหล่านั้น
ครูจิ๋ว ทองพูล บัวศรี มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
ในช่วงสุดท้ายของเดือนแห่งความรัก ครูจิ๋วได้รับแจ้งมาว่า มีแคมป์แรงงานก่อสร้างแห่งหนึ่งมีผู้ติดเชื้อและต้องการความช่วยเหลือ ทางทีมมูลนิธิสร้างสรรค์เด็กจึงต้องเร่งประสานเพื่อหาของใช้จำเป็น ข้าวสาร อาหารแห้ง ของใช้สำหรับเด็ก เพื่อนำไปช่วยเหลือเด็กที่อยู่ในแคมป์เกือบ 20 ครอบครัว มีทั้งเด็กตั้งแต่ 3 ขวบ ไปจนถึง 15 ปี
เราทราบว่ามีผู้ติดเชื้อวันอังคารที่ผ่าน เราเร่งประสานหาของที่จำเป็น เพราะตอนนี้เราไม่มีสต็อกเลย แจกไปหมดแล้ว และตอนนี้ของก็หายาก แต่เราก็พยายามประสานจนได้ของมาเมื่อวันศุกร์ก็เลยจัดของกันเป็นชุด ๆ แต่ครอบครัวไหนที่มีเด็ก เราก็จะให้พิเศษ เพราะเราดูแลเด็ก เด็กต้องมาก่อน
ครูจิ๋ว ทองพูล บัวศรี มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
เด็กที่อยู่ในแคมป์ส่วนใหญ่ จะเป็นเด็กที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์ เป็นเด็กตามพ่อแม่มา หรือเด็กบางคนเกิดในประเทศไทยและอาศัยอยู่ในแคมป์แต่ยังไม่มีการแจ้งเกิด พอเกิดโควิด-19 ขึ้นมาแบบนี้ การเข้าถึงระบบการักษานั้นเป็นไปได้ยาก
ก็มีถุงยังชีพที่เราเอาไปให้แบบนี้ และอันที่ 2 สิ่งที่ตามมาคือเรื่องยา ก็จัดยาฟ้าทลายโจร ยาพารา ยาแก้ไอ
ครูจิ๋ว ทองพูล บัวศรี มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
โควิดติดได้ง่าย แต่การเข้าสู่ระบบการรักษาของเด็กไร้สถานะยังยาก เพราะอย่างที่ครูจิ๋วบอกไว้ พ่อแม่หลายคนยังผิดกฎหมาย ทุกแคมป์ที่ครูจิ๋วไปสำรวจ มีแรงงานถูกกฎหมายเพียงแค่ 40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะฉะนั้นย้อนกลับมาที่ตัวเด็ก ๆ ถ้าต้องกักตัวหรือติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นมา การเข้าสู่ระบบการรักษามันก็เลยต้องใช้ “ระบบเมตตากับมนุษยธรรม”
เวลาครูจิ๋วเจอเด็กเหล่านี้ ครูจิ๋วจะบอกว่าพวกเขาเป็นโรคระบาด ถ้าไม่ดูแลเขา ไม่ให้เขาได้รับวัคซีน เขาก็จะไปแพร่เชื้อให้คนอื่น ในเมื่อ WHO (องค์การอนามัยโลก) ประกาศว่าเป็นโรคระบาด ทุกคนต้องรักษาโดยไม่เสียเงิน นี่เป็นเรื่องที่ให้โอกาสเด็กเหล่านี้ได้เข้าถึงระบบการรักษา
ครูจิ๋ว ทองพูล บัวศรี มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
ในวันที่ไร้สถานะ หากติดโควิดขึ้นมา จนถึงตอนนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าสู่ระบบการรักษา คงมีแค่เพียง ระบบเมตตากับมนุษยธรรม ที่พอจะคอยบรรเทาได้บ้าง แต่ก็ใช่ว่าระบบนี้จะสอดส่องแสงลงไปถึงทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือ
