พีมูฟออกแถลงการณ์ย้ำจุดยืนเตรียมผลักดันให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ร่วมกับเครือข่ายต่าง ๆ หลังสมาชิก 11 คนถูกหมายเรียกข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ จากการไปทวงสิทธิ กำหนดชีวิตตัวเอง
14 ก.พ. 2565 – ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ P-move (พีมูฟ) เผยแพร่แถลงการณ์ เรื่อง ประกาศจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล กรณีออกหมายเรียกสมาชิกพีมูฟ 11 คน จากกรณีเดินทางมาชุมชุมเพื่อ “ทวงสิทธิ สร้างอำนาจกำหนดชีวิตประชาชน ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 2565 และต่อมาได้ยุติการชุมนุม หลังใช้เวลา 15 วัน
แถลงการณ์ระบุว่า การเคลื่อนไหวชูข้อเรียกร้องเชิงนโยบายทั้งสิ้น 15 ข้อ จนมีมติคณะรัฐมนตรีรับรอง รวมถึงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาหนึ่งชุด และคณะอนุกรรมการอีกหนึ่งชุด เพื่อติดตามเร่งรัดการแก้ไขปัญหาที่เรื้อรังในระดับพื้นที่ จนถึงการผลักดันแนวนโยบายที่จะเป็นการทวงสิทธิเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งได้ออกหมายเรียกสมาชิกพีมูฟจำนวน 11 คน ในข้อหา “ร่วมกันฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ” ให้ไปรายงานตัว ณ สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ในวันที่ 22 ก.พ. 2565 เวลา 10.00 น. ซึ่งคาดว่าเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาจากการเคลื่อนไหวของพีมูฟ ร่วมกับองค์กรเครือข่ายอื่น ๆ ในระหว่างวันที่ 20 ม.ค. – 3 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยจากการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 11 รายนั้นประกอบด้วย สมาชิกเครือข่ายสลัมสี่ภาค 4 คน สมาชิกเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง 2 คน สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ 2 คน สมาชิกกลุ่มบางกลอยคืนถิ่น 1 คน และกองเลขานุการพีมูฟ 2 คน
แถลงการร์ระบุด้วยว่า การกลับมาเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นไปเพื่อการทวงสิทธิที่รัฐบาลและหน่วยงานรัฐได้พรากไปจากประชาชน พี่น้องต้องเดินทางมาจากหลากหลายพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดเพื่อเรียกร้องสิทธิที่ตนเองพึงมี การใช้มาตรการทางกฎหมายเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง พีมูฟจึงขอประกาศจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ดังนี้
1.การชุมนุมติดตามการแก้ไขปัญหาของพีมูฟเป็นไปตามหลักสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามหลักการประชาธิปไตยที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญทุกฉบับและหลักสิทธิมนุษยชนสากล ไม่ควรถูกจำกัดด้วยพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2.ขอเรียกร้องให้ยกเลิกการออกหมายเรียกตัวแทนพีมูฟทั้ง 11 คน และยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และ3.พีมูฟจะประสานงานเครือข่ายทั่วประเทศเพื่อติดตามให้ยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และยุติการออกหมายเรียกดังกล่าวต่อไป