ลูกสาวแห่งทะเลจะนะ กลับมาทวงสัญญายืนยัน “นิคมอุตสาหกรรมไม่ใช่อนาคตของพวกหนู”

ลูกสาวแห่งทะเลจะนะ กลับมาทวงสัญญายืนยัน “นิคมอุตสาหกรรมไม่ใช่อนาคตของพวกหนู”

วันนี้ (25 พฤศจิกายน) ไครียะห์ ระหมันยะ เยาวชนวัย 18 ปี เดินทางมาจากอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เพื่อมาทวง คำสัญญาจากลุงอีกครั้งและยังยืนยันคำเดิมว่าให้ยุติโครงการ จะนะ เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต เพราะ “นิคมอุตสาหกรรมไม่ใช่อนาคตของพวกหนู” ซึ่งตอนนี้บริษัทเอกชนยังเดินหน้าจัดเวทีศึกษาอีไอเอรับฟังความคิดเห็นประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ระหว่างวันที่ 13-23 ธันวาคม 2564 ธันวาคม ไครียะห์ได้เดินทางไป “ยื่นจดหมายเปิดผนึก”ถึงนายกรัฐมนตรี หน้าทำเนียบรัฐบาล และสิ้นเดือนนี้เธอจะมาฟังคำตอบที่หน้าทำเนียบรัฐบาล

หนังสือซึ่งมีใจความดังนี้ สวัสดีค่ะ ลุงตู่ หนูชื่อไครียะห์ ระหมันยะ บ้านอยู่สวนกง อำเภอจะนะ บ้านหนูอยู่ติดทะเล จึงไม่ต้องสงสัยว่าชีวิตหนูกับทะเลมีความผูกพันธ์กันอย่างไร หนูจึงรู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งเมื่อมีใครเรียกหนูว่า “ลูกสาวแห่งทะเลจะนะ”

ลุงคงไม่รู้จักหนู และคงไม่รู้ว่า หนูเป็นลูกหลานชาวประมงพื้นบ้าน พวกเราอยู่กันได้เพราะมีฐานทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ เราจับปลาด้วยเครื่องมือประมงที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเลือกจับเฉพาะสัตว์น้ำที่โตได้ขนาด โดยใช้ภูมิปัญญาแบบพื้นถิ่น สัตว์น้ำที่จับได้ล้วนเป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภคทั้งในจังหวัดสงขลาและยังส่งขายทั่วไปถึงต่างประเทศ รายได้หลักที่ทำให้พวกเราอยู่กันมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็คือทะเล ทะเลจะนะจึงเป็นสิ่งมีค่าที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้ ที่พวกเราไม่เคยคิดเนรคุณ

หนูอยากจะบอกลุงด้วยว่า อำเภอจะนะบ้านของหนู มีฐานทรัพยากรหลากหลาย ที่ไม่ใช่แค่ทะเลเท่านั้น ถัดจากชายฝั่งออกไป เป็นผืนแผ่นดินที่พวกเราสามารถเพาะปลูกพันธุ์พืชได้หลายชนิด ทั้งแตงโมจะนะ นาข้าวพันธุ์พื้นถิ่น หรือข้าวลูกปลาที่คนสงขลารู้จักกันดี และยังมีสวนผลไม้อื่น ๆ ตามฤดูกาล นอกจากนั้นแล้ว อำเภอจะนะยังขึ้นชื่อเรื่องแหล่งเพาะเลี้ยงนกเขาชวาเสียง และเป็นที่ยอมรับของประเทศเพื่อนบ้านแถบนี้ ทั้งยังเป็นอำเภอที่มีการทำกรงนกเขาส่งออกไปทั่วประเทศ สร้างรายได้ให้กับคนจะนะเป็นกอบเป็นกำ

“นิคมอุตสาหกรรมไม่ใช่อนาคตของพวกหนู”

หนูภาคภูมิใจที่มีชีวิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ชายฝั่งทะเลจะนะ ซึ่งมีหาดทรายที่สวยงามไม่แพ้ที่ใดในประเทศนี้ มีแหล่งเพาะปลูก มีฐานทรัพยากรที่เกื้อหนุนพวกเราอย่างไม่หมดสิ้น และที่สำคัญพวกเรายังอยู่ในสภาพอากาศที่บริสุทธิ์ปลอดภัย แบบที่ไม่ต้องซื้อหา

ลุงจำมั้ยว่า เมื่อปีที่แล้วญาติพี่น้องของหนู มาอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลแห่งนี้ เพื่อบอกกับลุงว่า บริษัทเอกชนใหญ่แห่งหนึ่งกำลังเข้ามาสร้างนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้ที่ดินกว่า 16,000 กว่าไร่ ตรงบ้าน ตรงที่ทำกิน และที่เพาะปลูกของพวกหนูทั้ง 3 ตำบล บ้านของพวกหนูจะถูกแทนที่ด้วยโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก บริษัทเอกชนแห่งนั้นบอกว่าจะนำพาความเจริญมาให้ และอ้างว่าจะทำให้พวกเราทุกคนมีงานทำ มีอนาคต และมีรายได้จากนิคมอุตสาหกรรมที่เขาเป็นเจ้าของ ซึ่งเราไม่เคยเชื่อว่านั่นคืออนาคตของเรา หากแต่เป็นอนาคตของพวกเขามากกว่า เราจึงบอกลุงในครั้งนั้นว่า “เราไม่ต้องการการพัฒนาแบบนั้น” ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องการการพัฒนา แต่การพัฒนานั้นจะต้องสอดคล้องกับฐานทรัพยากรที่เรามีอยู่

ไครียะห์ ทิ้งท้ายจดหมาย

ในวันเดียวกัน ชาวบ้านจากพื้นที่ 3 ตำบล ของ อ.จะนะ เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดสงขลา เพื่อสอบถามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา กรณีการผลักดันโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคตอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา พร้อมยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมเเถลงการณ์ขอให้ยกเลิกเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชน ที่จะดำเนินการในเดือนธันวาคมนี้

การให้บริษัททีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ประกาศที่จะจัดเวทีศึกษาอีไอเอ ในโครงการย่อยจำนวน 4 ฉบับรวด ระหว่างวันที่ 13 – 20 ธ.ค. 2564 ของโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคตอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา รวมถึงการเปลี่ยนสีผังเมืองเป็นสีม่วงเพื่อรองรับนิคมอุตสาหกรรม และการดำเนินการอื่น ๆของศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ต่อโครงการนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพและความไม่จริงใจของรัฐบาลต่อการแก้ไขปัญหาประชาชน ทั้งที่เคยมีการจัดทำบันทึกข้อตกลงกันไว้ เมื่อคราวที่พวกเราเดินทางไปเสนอทางออกต่อเรื่องนี้ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 (เมื่อปีที่แล้ว) ที่ทำเนียบรัฐบาล

ในข้อตกลงดังกล่าว นำมาซึ่งการออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการเพื่อให้มีการตรวจสอบโครงการนี้โดยนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา  เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564  นั่นหมายถึงการยอมรับว่าโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะมีการดำเนินงานที่เป็นปัญหา โดยท่านย้ำว่าให้คณะกรรมการใช้อำนาจตรวจสอบอย่างเต็มที่ตรงไปตรงมา และเมื่อเรียบร้อยแล้วให้รายงานผลตรวจสอบข้อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี  โดยเชิญผู้แทนส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐและบุคคลเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงของผลการตรวจสอบต่อไป

จนถึงวันนี้ พวกเรายังไม่เคยรับรู้เลยว่า ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการเป็นอย่างไร ในขณะที่ ศอ.บต. กำลังผลักดันให้มีการเปลี่ยนสีผังเมืองเพื่อรองรับนิคมอุตสาหกรรม และยังปล่อยให้บริษัททีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (จำกัดมหาชน) จัดเวทีศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือ EIA. ทั้ง 4 ฉบับ ซึ่งถือเป็นการไม่ยอมรับในกระบวนการแก้ไขปัญหา อันสะท้อนได้ถึงความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารราชการของรัฐบาล

พวกเราจึงขอประกาศว่า รัฐบาลจะต้องดำเนินการตามข้อตกลงที่เคยให้ไว้เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยจะต้องหยุดการดำเนินการทุกไว้ก่อน ทั้งการเปลี่ยนสีผังเมืองเป็นสีม่วง และการจัดเวทีของบริษัททีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (จำกัดมหาชน) จนกว่าจะมีรูปธรรมการแก้ไขปัญหาตามที่พวกเราได้เสนอไปแล้วทั้งหมด ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเราจะเดินทางไปทวงคำสัญญาต่อเรื่องนี้อีกครั้งในวันครบรอบ 1 ปี ที่จะถึงในเดือนธันวาคม 2564 นี้

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ