วันนี้ 13 ธ.ค 64 ชาวบ้านจะนะ เดินทางไปยื่นหนังสือ เพื่อคัดค้านการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแผนเร่งด่วนการลงทุนของเอกชน อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ย้ำขอยืนยันการกำหนดพื้นที่สีเขียวตามร่างผังเมืองรวมชุมชนจะนะ ซึ่งผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่แล้ว ขณะเดียวกัน เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นที่ปักหลักอยู่หน้าอาคารสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย รวมถึงเครือข่ายอื่น ๆ ที่ร่วมเดินทางมาสมทบ เตรียมเคลื่อนขบวนมายังทำเนียบรัฐบาลประตู 1 เพื่อทวงถามข้อเรียกร้อง
นายกิตติภพ สุทธิสว่าง ผู้ประสานงานเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น กล่าวว่า เรามีความกังวลใจ และเป็นห่วงอย่างยิ่ง ในขณะที่พี่น้องเรา โดนสลายการชุมนุม เพียงเพราะมาทวงสัญญาจากรัฐบาล ซึ่งรัฐรับปากว่าจะให้หยุดทุกอย่างไปก่อน เช่น กระบวนการเปลี่ยนผังเมือง กระบวนการรับฟังความคิดเห็น แล้วมาศึกษาศักยภาพในพื้นที่ ทำ SEA (Strategic Environmental Assessment : การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์) แต่ตอนนี้ไม่มีการหยุดตามกระบวนการจริง พวกเราเลยเดินทางมายังอบจ.สงขลา เพื่อขอคัดค้านการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแผนเร่งด่วนการลงทุนของภาคเอกชน
เราจัดทำผังเมืองรวมชุมชนจะนะตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อกระบวนการจัดทำ (พ.ศ.2559) จนกระทั่งมีการจัดทำร่างผังเมืองรวมชุมชนจะนะ ซึ่งมีการกำหนดเป็นพื้นที่สีเขียวชนบทและเกษตรกรรม ทำมา 4 ปีเต็ม ๆ
ผู้ประสานงานเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น กล่าวอีกว่า ขอยืนยันการกำหนดพื้นที่สีเขียวหรือเขตพื้นที่เกษตรกรรมตามร่างผังเมืองรวมชุมชนจะนะ ซึ่งได้จัดทำขึ้นโดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่มาแล้วหลายครั้งตามกระบวนการของพระราชบัญญัติการผังเมืองอย่างถูกต้องชอบธรรม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปกป้องดูแลรักษาศักยภาพความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของชุมชนในพื้นที่ไม่ให้เสียหายถูกทำลายลงโดยมลพิษและผลกระทบจากโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กรมโยธาธิการและผังเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงควรดำเนินการปรับปรุงและเพิ่มเติมองค์ประกอบของผังให้มีความครบถ้วนตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ.2562 เท่านั้น กล่าวคือ การเพิ่มแผนผังทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแผนผังแสดงแหล่งน้ำ และควรมีกระบวนการชี้แจง กำหนดแนวทางร่วมกันกับชุมชนก่อน มิใช่แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินจากพื้นที่ชนบทเกษตรกรรมที่ผ่านกระบวนการรับฟังและเห็นชอบร่วมกัน มาเป็นการใช้เพื่อนิคมอุตสาหกรรมและเมืองอุตสาหกรรม
“ถ้าผังเมืองเปลี่ยนสีเป็นสีม่วง นั้นหมายความว่า อนาคตของคนจะนะจะไม่มีทะเล ไม่มีแหล่งอาหาร ไม่มีชายหาด ไม่มีอากาศที่บริสุทธ์รวมถึงอาชีพอื่น เช่น นกเขา แตงโม ปาล์ม ยาง เพราะถ้าเป็นสีม่วงแล้วห้ามทำเกษตร นี่คือสิ่งที่เราร้องขอเพราะเห็นว่า อบจ.สงขลาเป็นที่พึ่งของเรา แล้วเราจะมาติดตามทวงถามความคืบหน้า“
ผู้ประสานงานเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น กล่าวทิ้งท้าย
ขณะเดียวกันวันนี้ เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นและเครือข่ายอื่น ๆ ที่เดินทางมาสมทบ บริเวณด้านหน้าหน้าองค์การสหประชาชาติ ทุกเครือข่ายยืนยันว่า จะร่วมเดินทางไปทวงสัญญาจากรัฐบาล ที่ประตู 1 หน้าทำเนียบรัฐบาล รวมกับ เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ออกเดินตามเส้นทาง ในช่วงเวลา 15.00 เพื่อทวงถามตามข้อเรียกร้อง
นายรุ่งเรือง ระหมันยะ เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น กล่าวก่อนออกเดินทางไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า ตอนนี้รัฐบาลไม่มีเส้นทางให้เราดินเลย ตั้งแต่เราประกาศไป จนถึงวันนี้ มีตำรวจ ทหารมาคุมเข้มทุกเส้นทาง มีตู้คอนเทนเนอร์ ที่ร้ายไปกว่านั้นมีลวดหนามกั้นด้วย แต่เราจะพยายามเดินทางไป เพื่อใกล้ทำเนียบรัฐบาลมากที่สุดและจะพยายามเจรจากับรัฐบาล ถึงการมาของเราครั้งนี้
“เรามาด้วยหัวใจ ขอร้องว่าอย่าปิดเส้นทางเราเลย เราแค่มาทวงสัญญา“
ทุกครั้งที่เรามาเรียกร้อง เราไม่เคยก่อความวุ่นวาย เราไม่เคยละเมิดสิทธิใคร และเราไม่เคยทำร้ายใคร แม้ครั้งนี้ความหวังจะริบหรี่ แต่เราก็มีกำลังใจเต็มเปี่ยม ทั้งคนที่บ้านส่งมาและคนที่มีหัวใจรักในทรัพยากรบ้านเกิด เขาก็คอยเป็นกำลังใจให้เราอยู่ เราจะพยายามไปให้ใกล้ ทำเนียบรัฐมากมากที่สุด จะขอเจรจากับทุกด่าน
เรายังยืนยันตามข้อ เรียกร้องให้รัฐบาลหยุดโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะแล้วเริ่มดำเนินการศึกษา SEA แต่เดิมมี 3 ข้อเรียกร้อง ประกอบด้วย
- รัฐบาลต้องตรวจสอบศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) อีกครั้ง
- รัฐบาลจะจัดให้มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างครบถ้วน เพื่อให้มีข้อมูลทางวิชาการที่ถูกต้องประกอบการตัดสินใจเดินหน้า
- รัฐบาลต้องยุติการดำเนินการทั้งหมดไว้ก่อนจนกว่าจะดำเนินการตามข้อ 1 และ 2 แล้วเสร็จ และข้อสุดท้ายที่มีการเรียกร้องเพิ่มเติมคือ รัฐบาลต้องยุติการดำเนินคดีกับเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นทั้ง 37 คนที่เกิดจากการสลายการชุมนุมหน้าทำเนียบเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา