สวัสดีความตาย เสียดายไหมถ้าไม่ได้ทำ

สวัสดีความตาย เสียดายไหมถ้าไม่ได้ทำ

ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราอยากทำอะไร เราเสียใจไหมที่ไม่ได้ทำสิ่งนี้

ฉันถามตัวเองบ่อยๆ ในช่วงตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอายังไงต่อกับความสับสนตรงหน้า 

ในวัย 25 ฉันเรียนรู้ว่าความตายไม่ได้แยกขาดกับชีวิต หากแต่เป็นส่วนหนึ่งและทำงานร่วมกันในภาคคู่ขนานของมนุษย์

ความตายแรกที่จำความได้ คือลมหายใจสุดท้ายของลูกหมาพันธุ์ทาง สีน้ำตาลทั้งขนและนัยน์ตา มันร้องทรมาน หายใจครืดคราด น้ำลายฟูมปากตลอดทั้งคืน ฉันในวัย 7 ขวบนั่งอยู่ตรงนั้น ข้างๆหมากำลังตาย ลูบหัวอย่างไม่รังเกียจเห็บหมัดที่ผลัดกันโดดหนีร่างโรยริน

เฮือก เสียงขาดใจของสัตว์เลี้ยงตัวแรกที่ฉันรักสุดใจ นั่นคือความตายแรกที่ได้รู้จัก เด็กคนหนึ่งเรียนรู้ว่าหมาสีน้ำตาลตรงหน้าชื่อ “พังลา” ไม่เจ็บปวดอีกแล้ว 

พังลา แปลว่า กล้วยน้ำว้า บ้านของฉันมีสวนกล้วยรายล้อม วัยเด็กมีพังลาวิ่งเล่นในสวนกล้วยด้วยกันหลังเลิกเรียน เป็นความทรงจำวัยเยาว์ที่ดีที่สุดของฉัน

ความตายที่ 2 ที่ฉันรู้จักเกิดขึ้นตอน ม.5 ตาฉันตายหลังป่วยอัมพฤตมานานหลายสิบปี 

เช้าวันอาทิตย์แสนธรรมดา เด็กหญิงวัย 17 ตื่นขึ้นมาได้รับสายจากยายว่า “วันนี้มาหาพ่อเฒ่าหน่อยนะ ดูท่าอาการไม่ดี” วันอาทิตย์แสนธรรมดา และประโยคธรรมดาที่ได้ยินมาหลายสิบปีดูเหมือนไม่มีอะไร เด็กหญิงตะหงิดใจ แต่ตัดสินใจไปเรียนพิเศษ 

วันนั้นห้องเรียนยังไม่ทันเริ่ม สายที่สองของแม่โทรมาว่าคุณตาตายแล้ว 

ภาพตรงหน้าคือร่างกายไร้ลมหายใจ นิ้วมือข้างขวาที่เคยหงิกงอ มือขยับไม่ได้ที่ฉันเคยบีบนวด บัดนี้นิ้วนั้นเย็นชืด คืนรูปเป็นมือธรรมดาที่ฉันไม่ชิน

พ่อเฒ่าไม่เจ็บอีกแล้ว ฉันในวัยสิบเจ็ดเรียนรู้เช่นนั้น

เสียงเฮือกสุดท้ายของลมหายใจ กลายเป็นร่างไร้ลม หากแต่วิญญาณยังอยู่ไหม กลายเป็นสิ่งใดหลังจากเราตาย ฉันไม่รู้ 

ความตายล่าสุด ฉันรู้จักและสบตาด้วยตัวเองในวัยยี่สิบห้า 

คืนนั้นเป็นคืนธรรมดาของฉันและเพื่อนร่วมทางอีกสามคน เรานั่งรถฟอร์ดสีขาวไปภูเก็ต ไปดำน้ำ ทำงานกับเยาวชนเรื่องความฝันและตัวตนที่บ้านเกิดของพวกเขา

เราไปด้วยความตื่นเต้น สนุกกับมุขตลก บทสนทนาเรื่องทั่วไปผุดเป็นระยะตลอดเส้นทาง 

ในความทรงจำ เส้นทางนั้นมีโค้งเยอะ แสงวูบวาบของไปหน้ารถ ไฟสีส้มสลัวสองข้างทาง และไฟวูบสุดท้ายก่อนรถคว่ำ 

ฉันนั่งหลังคนขับเห็นภาพเดียวกันก่อนภาพตัด เข็มไมค์ชี้ที่ 170 ไฟรถสาดไปไม่เจออะไร นอกจากความมืด เสี้ยววินาทีนั้นฉันคิดว่า นี่สินะความตาย 

ฉันหลับตา มือกำสายนิรภัยแน่น ราวสิบวิหลังจากนั้นรถหยุดเหวี่ยง ฉันและเพื่อนลืมตามาพบว่าเรายังอยู่ เข็มขัดนิรภัยช่วยเราเอาไว้ 

สิบวินาทีนั้นเงียบมากๆ เงียบเหลือเกิน

เงียบจนได้ยินเสียงเรียกจากภายใน

เสียดายไหม ถ้าตายวันนี้

เส้นทางจากโค้งนั้นถึงจุดหมาย ฉันคิดอะไรได้มากกว่าที่เคยคิด 

ฉันยังไม่ได้เป็นนักข่าวเลย ฝันที่มียังไม่เคยทำ เพราะพร่ำบอกว่ามันยาก น่าขายหน้าจะตายที่ต้องทำอะไรยากๆ ในขณะที่ฉันไม่เก่งราวกับคนโง่ 

ฉันยังไม่เคยมีความรัก รักที่สุดหัวใจที่เราเคยรักใครได้ ฉันไม่เคยมี 

ผีตายโหง โค้ง 9 ศพ วิญญาณหลอกหลอนคงเป็นแบบนี้ ผีที่ยังทำอะไรไม่สำเร็จ ติดค้าง คาใจ พวกเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าตายแล้วกลายเป็นวิญญาน 

หลุดโค้งวันนั้น ฉันเหมือนเกิดใหม่ ถ้ากูตายง่ายขนาดนั้น โลกนี้คงไม่มีอะไรยากแล้ว 

สามเดือนต่อมาหลังวางแผนการเงินได้ ฉันลาออกจากงานที่ไม่ใช่ตัวเอง มาเปิดเพจ ทำ Youtube ทำไปตามความเชื่อ เพื่อไม่เสียดายว่าถ้าตายแล้วไม่ได้ทำจะเป็นอย่างไร จนถึงตอนนี้ที่เขียนเรื่องนี้อยู่ ฉันก็ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรนักหรอก แต่ฉันไม่เสียใจเลยสักวันที่ตื่นมาทำเรื่องเหล่านี้ ไม่เสียดายสักนาทีที่กำลังทำสิ่งที่ฉันสนใจ มีคนเห็นค่า และยังไขว่คว้าโอกาสการเป็นนักข่าว ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงได้ไหม แต่คงเสียใจถ้ายังไม่ได้ทำ

ความตายของคนรักเปลี่ยนเป็นความทรงจำ

คนตายไม่ได้ไปไหน ไม่ได้หายไปในภพภูมิ ในเรื่องเล่าที่คนเป็นเชื่อ

ความตายไม่เคยแยกขาด เหมือนเส้นบางๆ ปลายทางของชีวิตที่เรามองเห็น 

เด็กสาวที่ร้องไห้กับหมาตัวนั้น เฝ้ามองนิ้วที่คลายของคนตายตรงหน้า  เติบโตเป็นหญิงสาววัยยี่สิบห้าที่สบตาความตายกล้าหาญ ฉันไม่อยากใช้ชีวิตอย่างกลัวตาย หรือเสียดายที่ไม่ได้ใช้ชีวิต

อาจจะดูบ้าบิ่น และชีวิตมนุษย์มีเงื่อนไขต่างกัน หลายคนทำไม่ได้ด้วยข้อผูกมัดหรือความคาดหวังอื่นจากสังคม 

แต่การสบตาความตาย หยั่งถามสิ่งที่จิตวิญญาณภายในเรียกหา คือสิ่งที่ได้ผลดีกับฉันเสมอ 
สวัสดีความตาย ถ้าพรุ่งนี้ตาย เสียดายไหมที่ไม่ได้ทำ 

Auther Vivivienn https://linktr.ee/vivivienn

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ