อยู่ดีมีแฮง : “ข้าวปุ้นจี่” ขนมรสชาติแซ่บนัวในความทรงจำ

อยู่ดีมีแฮง : “ข้าวปุ้นจี่” ขนมรสชาติแซ่บนัวในความทรงจำ

                                                        ภาพ /เรื่อง : เฉลิมชัย จันทร์ตา

ในอดีต “ข้าวปุ้น” หรือ ขนมจีน เป็นอีกเมนูแนวอยากแนวกินที่อยู่คู่กับคนอีสานมาตั้งแต่บรรพบุรุษ สังเกตจากที่ว่าในงานบุญประเพณีต่าง ๆ จะต้องมีข้าวปุ้นอยู่ในเมนูอาหารร่วมด้วย ตั้งแต่ผู้เขียนจำความได้ก็ได้ยินคำว่า “กินข้าวปุ้น เอาบุญผะเหวด” บุญกฐิน บุญทุกอย่างจะต้องมี ข้าวปุ้นเข้าไปเกี่ยวข้อง แม้กระทั่งงานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ นั่นแสดงให้เห็นว่าข้าวปุ้นอยู่กับคนอีสานมาอย่างยาวนาน

ข้าวปุ้นหรือขนมจีน มีข้อมูลการสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากชาวมอญซึ่งเรียกขนมจีนว่า “คนอมจิน” หมายถึงการทำให้สุก 2 ครั้ง   คำว่า “ขะนอม” มีความหมายอย่างหนึ่งว่าเส้น  ส่วนคำว่า “จิน” ในภาษามอญมีความหมายว่า “สุก” การทำขนมจีน ต้องผ่านการทำให้สุกถึงสองครั้ง ครั้งแรกนึ่งให้สุกแล้วนำไปโขลก ครั้งต่อมาก็เอาแป้งไปโรยในน้ำเดือด จนได้เป็นเส้นขนมจีนออกมา

แต่ในวันนี้ผู้เขียนไม่ได้พามารู้จักแค่ “ขนมจีน” เท่านั้น แต่จะพาไปรู้จัก “ข้าวปุ้นจี่” ขนมโบราณที่หากินยากแต่ที่บ้านท่าศาลา ต.ชีทวน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี คือ จุดมุ่งหมายของเราซึ่งเป็นบ้านของคุณยายอ่อน จันทร์ ธานี ผู้ที่ทำข้าวปุ้นจี่ แบบโบราณมานานกว่า 30 ปี

ข้าวปุ้นจี่ มีวิธีการทำคล้าย ๆ กับขนมจีน คือ แป้งที่ใช้จะมาจากการหมักข้าวเจ้า 3 วัน นำไปโม่จนเป็นแป้ง กรองเอาน้ำออก เอาแป้งที่ได้จากการกรองไปนึ่ง 15 นาที แล้วนำไปนวดอีกครั้งหนึ่ง จะได้เป็นแป้งข้าวปุ้นจี่

ยายอ่อนจันทร์ ธานี ผู้ที่ทำข้าวปุ้นจี่เล่าให้ฟังว่า “ข้าวปุ้นจี่เกิดจากการที่ในอดีต เวลามีงานบุญคนในหมู่บ้านจะมากันทำข้าวปุ้น หรือ ขนมจีน ซึ่งสมัยก่อนจะต้องใช้ “ครกมอง” ซึ่งน้อยคนนักที่จะมีในหมู่บ้านต้องไปต่อคิวเพื่อใช้ในการนวดแป้งข้าวปุ้น บางคนมาต่อคิวนวดแป้งตั้งแต่เช้า กว่าจะได้นวดก็คล้อยบ่ายแล้ว ในระหว่างรอก็ได้นำแป้งบางส่วนของคนที่นวดเสร็จมาจี่ (ปิ้ง) เพื่อกินแทนข้าวซึ่งมีรสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร จากนั้นก็พากันจี่กินตั้งแต่ตอนนั้น เป็นต้นมา”

ยายอ่อนจันทร์ จะทำแป้งข้าวปุ้นไปขายที่ตลาดหมู่บ้าน วันละ 100 ก้อนซึ่งถือว่าไม่มาก  เพราะทุกวันนี้เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักและแทบจะไม่กินขนมชนิดนี้แล้ว จะมีก็แต่คนเฒ่าคนแก่และขาประจำของยายที่ยังแวะเวียนมาอุดหนุนยาย ก้อนละ 10 บาทใช้เวลาจี่ไม่นานก็ขายหมด ซึ่งอาจจะเห็นเพียงคุณยายอ่อนจันทร์ กับเพื่อน ๆ รุ่นราวคราวเดียวกันที่ยังทำขายอยู่ เพราะการทำ “ข้าวปุ้น” มีการทำหลายขั้นตอนและใช้เวลาทำนาน ผู้เชี่ยวชาญในการทำก็อาจจะมีน้อยลง “ข้าวปุ้นจี่” จึงอาจจะกลายเป็นเพียงขนมในความทรงจำและความแซ่บนัวในวัยเยาว์ให้นึกถึงและอาจกำลังจะหายไป

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ