ชาวบ้านรอบเหมืองทอง อ.วังสะพุง จ.เลย จัดเวรยามเฝ้าระวังการขนแร่ ซึ่งก่อนหน้านั้นตามข้อตกลงการขนแร่ บริษัททุ่งคำต้องถอนฟ้องชาวบ้านทุกคดีจึงจะสามารถขนแร่ออกไปได้ แต่จากหลายวันที่ผ่านมา ชาวบ้านตั้งข้อสงสัยว่าบริษัทจะทำตามข้อตกลงหรือไม่ โดยหากมีการขนแร่ออกไปโดยที่ยังไม่ถอนฟ้องคดีความชาวบ้าน 33 คนกับ 8 คดีความ เท่ากับว่าทำผิดข้อตกลง
คืนวันที่ 7 ธันวาคม 2557 มีรายงานจากบริเวณสี่แยกทางเข้าเหมืองว่า ชาวบ้านจำนวนมากนำเต๊นท์มานอนเฝ้าพร้อมจัดเวรยามป้องกันการขนแร่ พร้อมกับรายงานสถานการณ์เป็นระยะๆ
เวลาประมาณ 23.10 น. ชาวบ้านพบว่ารถคอนเทนเนอร์ทยอยเข้ามาในพื้นที่และขึ้นไปบนเหมือง ชาวบ้านเข้าไปสอบถามว่าจะขนแร่ออกไปคืนนี้หรือตอนไหน คนขับมีทีท่าไม่แน่ใจตอบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า “พรุ่งนี้เช้า” หลังจากนั้นมีรถกระบะขนคนเข้ามาแต่งชุดคล้าย อส. เข้าไปในเหมือง
เช้าวันที่ 8 ธันวาคม 2557 เวลา 06.20 น. มี อส. 7 คน พร้อมคนงานเหมืองอีก 2 คนลงมาสังเกตุการณ์ตรงจุดที่ชาวบ้านร่วมตัวกันเฝ้าระวัง
เวลา 06.40 น. ชาวบ้านเริ่มทำพิธีเรียกขวัญกำลังใจ ณ บริเวณจุดเฝ้าระวังสี่แยกทางเข้าเหมืองที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘กำแพงใจ’
เวลา 7.20 น. ชาวบ้านเริ่มทยอยรวมตัวจับมือแล้วนั่งลงบริเวณสี่แยกกำแพงใจ
เวลา 07.50 น. มี อส. และพนักงานเหมืองเข้ามาดูสถานการณ์อีกรอบ สักพักมีชาวบ้านเข้ามาบอกว่าเห็น อส. และตำรวจ ประมาณ 40 นาย พร้อมโล่และกระบองมาถึงทางเข้าเหมืองแล้ว
เวลา 08.35 น. มีชายปิดบังใบหน้ามาคุยกับชาวบ้านบอกว่าข้อตกลงอะไรที่บริษัทรับไปเขากำลังดำเนินการให้อยู่ ขอให้ชาวบ้านหลบทางให้รถออกไปก่อน แต่ชาวบ้านยังยื่นยันหลักการเดิมว่า “ต้องถอนฟ้องคดีให้เสร็จสิ้นเสียก่อนถึงจะยอมให้ขนแร่ออกไปได้”
เวลา 9.20 น. พันเอกอำนวย จุลโนนยาง รองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเลย เข้ามาเจรจากับชาวบ้านพร้อมกับหัวหน้าศาล โดยระหว่างตัวแทนชาวบ้าน 7 คนจะขึ้นไปตรวจนับแร่ พันเอกอำนวยบอกว่าจะอยู่รอกับชาวบ้านในพื้นที่
เวลา 10.56 น. ชาวบ้านที่ขึ้นไปตรวจสอบแร่แจ้งว่า สินแร่ส่วนหนึ่งได้ใส่รถเอาไว้พร้อมทำการซีลเรียบร้อยแล้ว โดยพนักงานเหมืองบอกว่าเปิดให้ดูไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย ชาวบ้านจึงลงมาปรึกษากันพร้อมตกลงร่วมกันว่า ต้องถอนฟ้องก่อนขนแร่เท่านั้น
สำหรับความคืบหน้าสถานการณ์นี้จะรายงานให้ทราบเป็นระยะ