เดินทะลุฟ้า แวะพักTPBS ก่อนเคลื่อนขบวนคืนอำนาจประชาชนด้วยรัฐธรรมนูญราษฎร์

เดินทะลุฟ้า แวะพักTPBS ก่อนเคลื่อนขบวนคืนอำนาจประชาชนด้วยรัฐธรรมนูญราษฎร์

“เดินทะลุฟ้า” ตั้งหลักจากโคราชมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ รวมระยะทางกว่า 247.5 กม. กับการเดินเท้า 17 วัน โดยกลุ่มราษฎร ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน people Go network เป้าหมาย 3 ข้อเรียกร้อง คือ 1.แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยประชาชน 2.ยกเลิกกฏหมาย 112  3.ปล่อยเพื่อนเรา

ภาพจากทวิตเตอร์นักข่าวพลเมือง เวลา 11:30 น. บริเวณหน้าสนามบินดอนเมือง ถนนวิภาวดีรังสิต การเดินวันที่ 17 ของ #เดินทะลุฟ้า หลังเจอเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน2 กองร้อยสกัด สุดท้ายยอมให้เดินเท้าบนถนนวิภาวดีรังสิต จากเซียรังสิตไปยังจุดหมายวันนี้ที่แยกเกษตร #ม็อบ6มีนา

วันนี้ (6 มีนาคม 2564) ซึ่งเป็นวันที่ 16 ของการเดินทาง ขบวนตั้งต้นเดินจาก ตลาดนัดเซียร์ รังสิต โดยมี ไผ่-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก พร้อมด้วยเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ นำขบวนประชาชนกว่า 200 คน เดินเท้าไปยังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยใช้เส้นทางถนนวิภาวดี และกำหนดจุดพักไว้ทั้งหมด 5 จุด ก่อนจะสิ้นสุดแยกเกษตรบางเขน

  • จุดที่หนึ่ง ลาดจอดรถหน้าซอยวิภาวดีรังสิต 76
  • จุดที่สองใต้สะพานลอยสถานีรถไฟดอนเมือง
  • จุดที่สาม ลานหน้าฟู้ดแลนด์ IT SQUARE
  • จุดที่สี่ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
  • จุดที่ห้า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประตูวิภาวดีรังสิต

มณีนุด อุทัยเรือง หนึ่งในตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันใด (กอช.) ที่ตัดสินใจร่วมเดินทะลุฟ้าในครั้งนี้ บอกว่า ตนและชาวบ้านกำลังต่อสู้และต่อต้านการทำเหมืองหินในพื้นที่ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู เป็นกลุ่มชาวบ้าน 6 หมู่บ้านที่มารวมตัวกัน ก่อตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อต่อต้านการสัมปทานเหมืองหินในพื้นที่มาเป็นเวลานานและเห็นปัญหามานาน

“เราที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด เราเจอปัญหาที่มีมานาน เราเห็นถึงปัญหาที่มีมานานของประเทศไทย เห็นความอยุติธรรม เราเห็นระบบข้าราชการที่มันไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม เราจึงคิดว่าถ้าหากเรามีกำลังเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะสามารถทำให้ประเทศไทยมันเปลี่ยนแปลงได้ก็อยากทำ อยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะเปลี่ยนประเทศนี้ให้ดีขึ้น มีชาวบ้านหลาย ๆ คน ที่มาร่วมเดินด้วยกัน มีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาเรื่อย ๆ มีความหวังเดียวกันทุกคน อยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่มากก็น้อย” มณีนุด อุทัยเรืองพูดถึงความรู้สึก

นายเอกชัย อิสระทะ เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ และผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องสิทธิชุมชนเขาคูหา จ.สงขลา กล่าวย้ำถึงข้อเรียกร้องในการเดินครั้งนี้ว่า การเดินท้าวของขบวนราษฎรในวันนี้เป็นช่วงสุดท้ายที่ พวกเราเดินมุ่งหน้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วยเป้าหมายใน 3 เรื่อง ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องหลักของกิจกรรม ประกอบด้วย 

ประเด็นแรก เป็นเรื่องของการปล่อยเพื่อนเรา มีการจับกุมคุมขัง ไม่เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ซึ่งควรจะปล่อยออกมา จำนวน 4 คน และอื่น ๆ ที่ถูกจับกุมเพิ่ม อาจจะต้องรวมไปถึงพี่น้องบางกลอย เพราะการจับกุมคุมขังแบบไม่ให้ประกันตัว กลายเป็นปัญหาที่มีการกลั่นแกล้งก็เฉพาะกลุ่มคนที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเมือง ซึ่งรัฐมักจะเป็นการกล่าวอ้าง

ส่วนประเด็นที่สอง เป็นเรื่องของการเขียนรัฐธรรมมูญใหม่ เราคิดว่าสังคมไทยมีปัญหา ในช่วงหลังจากที่ทหาร ปฏิวัติมา ทำให้รัฐธรรมนูญมันถูกแก้ไขและเบี่ยงเบนไปมาก รัฐธรรมนูญควรถูกจัดการใหม่ และเขียนโดยประชาชน การที่จะเขียนใหม่ก็เลยมีความจำเป็นที่พวกเราต้องเรียกร้องให้มีกระบวนการเขียนใหม่ ล่าสุดเข้าใจว่ามีการพยายามที่จะทำให้การร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่เป็นของภาคประชาชนซึ่งล้มไปแล้ว คิดว่าต้องมีการร่างใหม่ ก็กังวลใจอยู่ว่าศาลรัฐธรรมนูญเองก็อาจจะถ้าเกิดไม่อนุญาตให้มีการทำ ตั้ง สสร. ได้ โดยภาคประชาชนในการเรียกตั้ง ก็อาจจะมีปัญหา ไร้ความชอบธรรมที่จะมาโหวตเรื่องเหล่านี้  

สำหรับประเด็นที่สามเป็นเรื่องของการยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 ซึ่งเราพบว่ามีการใช้กฎหมายนี้ในเชิงการกลั่นแกล้ง และกฎหมายเหล่านี้มีกระบวนการที่ลัดขั้นตอน ทั้งที่ภายใต้กฎหมายเดียวกันก็มีกฎหมายหมิ่นประมาทอยู่  ก็มีการดำเนินการมากกว่านั้น แต่กฎหมาย ม.112 เป็นกฎหมายที่โทษสูงมาก มีการจำคุก 3-20 ปี คิดว่าโทษสูงเกินไป แม้กระทั่ง อาจารย์ ส. ศิวรักษ์ ก็ยังได้เอ่ยว่าตนเองได้ถูกจำคุกฟรี โดยที่ไม่มีกระบวนการใด ๆ ทั้งกล่าวอ้าง ยกขึ้นมาพิจารณาในชั้นศาล ซึ่งมาตรา 112 ถูกใช้ไปในกระบวนการกลั่นแกล้งทางการเมืองมากกว่าการใช้ดำเนินการอย่างเป็นจริงและใช้กระบวนการยุติธรรมให้เป็นประโยชน์ ดังนั้น ม.112 จึงไม่มีความจำเป็นต่อสังคมไทย  

“หากสังคมไทยจะเคารพซึ่งกันและกันในการไม่หมิ่นประมาท ไม่อาฆาตมาดร้าย ก็ใช้กฎหมายอื่น ๆ ทั่วไป ซึ่งก็เป็นกระบวนการที่ยุติธรรมกว่า เราคิดว่าการยกเลิกมาตรา 112  ก็น่าจะมีผลชัดเจนต่อการสร้างสังคมอยู่ภายใต้กรอบ กติกาเดียวกัน”

ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องสิทธิชุมชนเขาคูหา จ.สงขลา กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันด้วยว่า รัฐบาลที่นำโดยนายกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไร้ความชอบธรรม และจนถึงวันนี้ 7 ปี ที่บริหารราชการมา แทบจะไม่มีผลงานเป็นเนื้อเป็นหนัง จนถึงวันนี้เองก็ควรเปลี่ยนรัฐบาลได้แล้ว เพราะนอกจากไม่มีผลงานแล้วยังสร้างกติกา ยุทธศาสตร์ชาติ หรือกลไกต่าง ๆ ที่เข้ามาครอบงำ และสร้างกระบวนการที่ไม่ชอบธรรม นี่จะเป็นปัญหาสังคมไทยระยะยาว ที่ไม่สามารถเคลื่อนหรือเปลี่ยน หรือสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศไทยได้ นี่กลายเป็นปัญหาใหญ่

“รัฐบาลประยุทธ์ ก็ถึงเวลาที่จะต้องออกจากการบริหารงานไป กระบวนการที่จะทำรัฐธรรมนูญใหม่ ก็จะทำให้สร้างระบบสังคมไทยที่น่าจะเกิดขึ้นมากกว่า” นายเอกชัย กล่าว

นายเอกชัย อิสระทะ กล่าวถึงกิจกรรมวันนี้ว่า หลังจากที่เดินขบวนออกจากไทยพีบีเอส จุดต่อไปก็เป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วันนี้ก็จะมีกิจกรรมเล็ก ๆ โดยให้คนละ 1 คำถามต่อรัฐบาลประยุทธ์ ทุกคนคิดเห็นอย่างไร เหตุผลในการมาร่วมเดินของแต่ละคนนั้นมาด้วยเหตุผลอะไร เป็นกิจกรรมช่วง 17:00 – 19:00 น. ที่สี่แยกเกษตรฯ และพรุ่งนี้จะเดินไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นปลายทางที่จะครบ 247.5 กิโลเมตร

ด้านนายสมเกียรติ จันทรสีมา ผู้อำนวยการสำนักเครือข่ายสื่อสาธารณะ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวถึงการเปิดพื้นที่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมแวะพักว่า พื้นที่สาธารณะเป็นพื้นที่กลาง ให้กับทุกกลุ่มนี่ก็เป็นหน้าที่เราต้องช่วยดูแลให้ประชาชนมีประกันเสรีภาพในการแสดงออก แต่อีกด้านก็พยายามจะช่วยดูแลเรื่องของความปลอดภัยด้วย 

“ในแง่ของการชุมนุมที่ผ่านมาทางกลุ่มดำเนินการราบรื่นมาโดยตลอด กลุ่มที่เข้ามาเราก็เห็นเป็นประชาชนที่เขามีความเดือดร้อนอยู่ หน้าที่เรา เราต้องเป็นเสียงหนึ่งให้กับคนในสังคมได้รับรู้ว่ามีคนที่เขาเดือดร้อนจากเหตุการณ์ อาจจะเอาเสียงของภาครัฐหรือคนที่เกี่ยวข้องมาตอบให้กับเขาด้วย” สมเกียรติ จันทรสีมา กล่าว

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ