“เดินทะลุฟ้า” วันที่ 2 ไผ่ยันการเดินคือการต่อสู้ ด้านอัยการเลื่อนฟังคำสั่งฟ้องคดี 112

“เดินทะลุฟ้า” วันที่ 2 ไผ่ยันการเดินคือการต่อสู้ ด้านอัยการเลื่อนฟังคำสั่งฟ้องคดี 112

ไผ่ – จตุภัทร์ เปิดใจ “เดินทะลุฟ้า” ปล่อยเพื่อนเรา

17 ก.พ. 2564 เมื่อเวลา 10.00 น. ไผ่ – จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา นักกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งวันนี้จะต้องไปรายงานตัวในคดีอาญามาตรา 112 ที่สำนักอัยการสูงสุด กรุงเทพมหานคร พร้อม นักกิจกรรมและผู้ถูกฟ้องคดีการเมืองอีกหลายคน กล่าวในระหว่างร่วมขบวน “เดินทะลุฟ้า” เดินเท้าจาก จ.นครราชสีมา เข้ามากรุงเทพฯ ในช่วงพักขบวนว่า วันนี้เป็นวันที่สองของการเดินทะลุฟ้า เดินเพื่อปล่อยเพื่อนเรา และไม่จับเพิ่ม โดยขณะนี้เพื่อน 4 คน ยังคงถูกจองจำในคดี 112

“เราไม่สามารถอดทนหรือนิ่งเฉยต่อความอยุติธรรม ต่อการขังเพื่อนของเราได้ เราจึงตัดสินใจที่จะเดิน การเดินของเราคือการต่อสู้ คือหาแนวร่วม เชื่อมโยงประชาชน การเดินของเราเพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่เรากำลังต่อสู้ มันยากลำบากแค่ไหน มันมีอุปสรรคขวากหนามแค่ไหน” จตุภัทร์กล่าว

จตุภัทร์ กล่าวด้วยว่า การเดินครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการใช้กฏหมายเป็นเครื่องมือ เพื่อปิดปาก ในการปิดกั้นเสรีภาพ การเดินเป็นบทพิสูจน์หนึ่งว่าการต่อสู้ในเส้นทางนี้ พวกเราทั้งหมดจะสามาถเดินไปด้วยกัน ฝ่าฟันอุปสรรคได้หรือไม่ เพราะนี่คือการต่อสู้อย่างหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นว่าเราทนไม่ไหวต่อความอยุติธรรม

“วันนี้อัยการเรียกรายงานตัวเพื่อสั่งฟ้อง ตามกำหนดการผมก็ต้องไปรายงานตัว ฉะนั้นการเดินไปครั้งนี้ สำหรับผม ส่วนหนึ่งคือการเดินเพื่อไปรายงานตัว ผมคิดว่ากระบวนการยุติธรรมที่เกิดขึ้น เป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ เป็นเพียงการใช้กฎหมายสกัดกั้นการเคลื่อนไหว หยุดยั้งการเติบโตของประชาธิปไตย หยุดยั้งการต่อสู้ของประชาชน”

“ผมมิอาจทนได้นานขนาดนั้น กับการที่ใช้กฎหมายในการปิดปากประชาชน หลาย ๆ คน วิจารณ์รัฐโดน 116 วิจารณ์รัฐ โดน พ.ร.บ.ความสะอาด วิจารณ์รัฐโดน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน วิจารณ์สถาบันฯ โดน 112 สังคมไทยเหลืออะไรให้เราพูดอีก ไม่เหลืออะไรให้เราพูดแล้ว”

“กระบวนการตรงนี้ ผมรู้สึกว่าไม่ทนอีกต่อไป ผมยืนยันเจตนารมรณ์ เราไปตามกระบวนการ เรากำลังเดินไปอยู่ ถ้าเจ้าหน้าที่ ถ้ารัฐเอง ผู้มีอำนาจเอง ต้องการใช้ตรงนี้เป็นเครื่องมือ เพื่อเล่นงาน คุณเล่นงานผมได้ แต่คุณไม่อาจขัดขวางการเดินครั้งนี้ได้  คุณไม่สามารถขัดขวางการปล่อยเพื่อนเราในครั้งนี้ได้ เพราะการเดินครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ผม ถ้าคุณจะใช้กฎหมาย จะใช้ช่องว่างในการออกหมายจับหรืออะไรก็แล้วแต่ คุณก็จับได้แค่ผม คุณไม่สามารถหยุดยั้งการปล่อยเพื่อนเราทั้ง 4 คน และไม่จับเพิ่มได้ ไม่สามารถหยุดยั้งขบวนการเดินที่นี่ ไม่สามารถหยุดยั้งความคิดความฝันของผู้คนที่นี่ได้”

หลังจากนั้น จตุภัทร์เปิดเผยว่า พรุ่งนี้เป็นวันเกิดแม่ เดิมทีจะนัดน้องสาวกับแม่เจอกันวันเกิด แต่ไม่สามารถทำได้ จึงเชิญชวนทุกคนช่วยร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้แม่ ก่อนจะกล่าวถึงแม่จบท้ายว่า

“แม่ครับ อาจทำให้ผิดหวังบ้าง ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ไม่รู้จะทำยังไง เราไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวได้ เข้าใจว่าแม่เป็นห่วง เคยติดไปแล้วรอบหนึ่ง เข้มแข็งไว้นะครับแม่ สบายมากไม่ต้องห่วง อาจจะไม่ได้อยู่ด้วย เราก็คงชินกันแล้วนะครับ การที่วันเกิดไม่ได้อยู่ด้วยกัน ขอโทษแม่ด้วย” ไผ่กล่าว

000

อัยการเลื่อนฟังคำสั่งฟ้อง คดี 112 วันที่ 8 มี.ค.

ในวันเดียวกัน (17 ก.พ. 2564) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด รุ้ง – ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และ ไมค์ – ภาณุพงศ์ จาดนอก กลุ่มราษฎร เดินทางมาตามนัดที่พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม นัดส่งสำนวนให้อัยการในคดีชุมนุม “19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร” เมื่อวันที่ 19 – 20 ก.ย. 2563 ที่มีการแจ้งข้อหากลุ่มผู้ชุมนุม 18 คน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, มาตรา 116 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากที่ก่อนหน้านี้มี 4 สมาชิกกลุ่มราษฎรและนักกิจกรรมถูกสั่งฟ้องและไม่ได้รับการประกันตัว

ไทยพีบีเอส รายงานว่า เมื่อถึงเวลานัด พนักงานอัยการแจ้งเลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้องไปเป็นวันที่ 8 มี.ค.2564 เนื่องจากเมื่อรับสำนวนคดีจากพนักงานสอบสวนแล้ว จำเป็นที่ต้องใช้เวลาในการพิจารณาสำนวนคดีว่ามีรายละเอียดครบถ้วนสำนวนสมบูรณ์พอให้พิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ ทำให้ทั้ง 17 คน ที่มารายงานตัวในวันนี้ (ยกเว้น ไผ่ – จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา) ไม่ต้องลุ้นผลการประกันตัวชั่วคราว จากนั้นทุกคนทยอยเดินทางกลับ

ด้านไทยโพสต์ รายงานคำสัมภาษณ์ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า วันนี้ที่สำนักงานอัยการฯ ถ.รัชดาฯ ผู้ต้องหามาเกือบครบทุกคน ยกเว้นนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา โดยได้รับการประสานว่าอยู่ระหว่างเดินทาง ซึ่งพนักงานอัยการก็นัดฟังคำสั่งอีกวันที่ 8 มี.ค. 2564 ส่วนอีกคดีที่สำนักงานอัยการสูงสุดกรุงเทพใต้ ทางพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ก็นัดส่งตัวราษฎร 13 คนให้อัยการ จากคดีชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี ด้วยมาตรา 112 และมาตรา 116 เช่นเดียวกัน ทราบว่าพนักงานอัยการนัดฟังคำสั่งวันที่ 25 มี.ค.นี้

000

ราษฎร x people go network “เดินทะลุฟ้า” เรียกร้อง “ปล่อยเพื่อนเรา”

สำหรับกิจกรรม “เดินทะลุฟ้า” เกิดจากความร่วมมือของ ราษฎร x people go network ตั้งเป้าการเดินเท้าเดินจากนครราชสีมาถึงกรุงเทพฯ ระยะทาง 247.5 กิโลเมตร เพื่อเรียกร้อง “ปล่อยเพื่อนเรา” โดยให้ปล่อยตัวนักกิจกรรรมและผู้ที่ถูกควบคุมตัวไปก่อนหน้านี้ และยังรณรงค์เรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับทุกมาตรา ซึ่งคาดว่าการเดินทางครั้งนี้จะใช้เวลาทั้งหมด 15 วัน

ขบวนเริ่มออกเดินเท้าเมื่อวันที่ 16 ก.พ.64 จากสวนสุรนารี (สวนรักษ์) ข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา ก่อนจะเริ่มเดินมีการอ่านแถลงการณ์ แสดงเจตจำนงในการเดินทางนี้

โดยเนื้อหามีดังนี้

แถลงการณ์

เดินทะลุฟ้า คืนอำนาจประชาชน

วันนี้เป็นวันที่รอคอย นับตั้งแต่การเดินมิตรภาพก้าวแรกเมื่อต้นปี 2561 เพื่อปลดปล่อยเสรีภาพประชาชนที่ถูกคุมขังโดยรัฐเผด็จการทหาร คสช.

วันนี้คือก้าวที่สองที่เสรีภาพของเพื่อนเราถูกคุมขังจองจำจากการออกมาเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญและปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ทั้ง ๆ ที่ศาลควรยึดหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจําเลยที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคําพิพากษาถึงที่สุด หรือให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าก่อนมีคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยหรือบุคคลใดได้กระทําความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทําความผิดมิได้ อันเป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญในการดำเนินคดีที่ถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายและรัฐธรรมนูญ

ดังนั้น คำสั่งไม่ให้ประกันตัวของผู้ถูกสั่งฟ้องโดยที่กระบวนการไต่สวนยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น และยังไม่มีคำพิพากษาอันถึงที่สุด จึงขัดกับบทบัญญัติอันเป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญยิ่งในกฎหมายและรัฐธรรมนูญ

เราจึงมาร่วมเดินก้าวที่สอง เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนเรา ราษฎรทั้ง 4 คนที่ถูกกักขังจองจำไปแล้ว และต้องไม่จับเพิ่มอีก 24 คน ที่คาดว่าจะถูกกักขังจองจำในวันพรุ่งนี้ และที่จะเพิ่มขึ้นอีกตามจำนวนผู้ที่ถูกกล่าวหาโดยมาตรา 112 ไปแล้วถึง 58 ราย และเดินเพื่อรณรงค์บอกเล่าถึงรากเหง้าของปัญหาที่เพื่อนเราถูกดำเนินคดีกลั่นแกล้งจากการใช้สิทธิและเสรีภาพอันพึงมีเพื่อขอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกหมวดทุกมาตรา

ในขณะที่เราเดินอยู่ที่นี่ ระยะทาง 247.5 กิโลเมตร จากโคราชสู่กรุงเทพฯ เราขอส่งกำลังใจไปถึงพี่น้องบางกลอยที่กำลังต่อสู้อยู่กับการถูกรุกไล่ออกมาจากใจแผ่นดิน ขอให้ประสบผลสำเร็จ หากมีผลตรงกันข้าม ก้าวที่สามของเรา, เราจะเดินไปให้ถึงใจแผ่นดินเพื่อปกป้องพี่น้องบางกลอยให้กลับไปอยู่ที่ใจแผ่นดินอย่างสุขสงบ

เราได้ตระหนักอย่างถ่องแท้ว่าการต่อสู้เคลื่อนไหวของราษฎรที่ผ่านมา และที่กำลังเป็นอยู่ คือการระเบิดสังคมไทยเข้าสู่ยุคแสงสว่างทางปัญญา ซึ่งเป็นห้วงเวลาอันสำคัญที่จะทำให้บ้านเมืองเราไม่หันหลังกลับเข้าสู่ยุคมืดอีกต่อไป

ขอให้พี่น้องและราษฎรทุกท่านจงมาร่วม “เดินทะลุฟ้า คืนอำนาจประชาชน” กับเรา เพื่อให้รัฐบาลที่สืบทอดอำนาจของเผด็จการทหาร คสช. ที่ชักใยอำนาจตุลาการปล่อยเพื่อนเราให้จงได้ เราจะไม่มีวันหันหลังกลับจนกว่าจะปล่อยเพื่อนเราให้หมด

จงมาร่วมเดินเพื่อสิทธิ เสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน อันเสมือนเป็นใจแผ่นดินของประชาชนทุกผู้ทุกคน

ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ

ราษฎร x People Go Network

16 กุมภาพันธ์ 2564

ณ สวนรัก นครราชสีมา

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ