# อยากให้คุณเล่าเรื่องพื้นหลังชีวิตให้หน่อยครับ ก่อนที่จะกลายเป็นศิลปินนักร้องชาติพันธ์ุปกาเกอะญอรุ่นใหม่ซึ่งเป็นที่จับตามอง ณ ขนาดนี้
ครับ ผมชื่อ โทพาโด๊ะ ภาษาไทยแปลว่า “นกตัวใหญ่ “ ผมเกิดในรัฐกะเหรี่ยง เขตกองพลน้อยที่ 6 ในการปกครองของสหภาพรัฐกะเหรี่ยง หรือ เคเอ็นยู ผมเติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่นั้นทำไร่ทำนาครับ ช่วงเวลาที่ผมยังเด็ก ผมและครอบครัวต้องหนีสงครามครับ ช่วงเวลานั้นผมและครอบครัวมีชีวิตที่ยากลำบาก ณ ช่วงขนาดที่เกิดสงครามในรัฐกะเหรี่ยงนั้น ครอบครัวของผมตัดสินใจลี้ภัยสงครามเข้ามายังเขตชายแดนไทย ณ อ.พบพระ จ. ตาก
สถานที่ใหม่ที่เราเข้ามาลี้ภัย ผมได้มีโอกาศศึกษาในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ชื่อ ทูแมคี โรงเรียนแห่งนี้ติดชายแดนไทยและรัฐกะเหรี่ยง เป็นโรงเรียนที่รัฐบาลไทยได้ให้การรับรองและหยิบยื่นโอกาศให้แก่เยาวชนที่เป็นบุคคลไร้สัญชาติในสังคมไทย ให้เข้ามาศึกษาได้ที่นี้ เนื่องจากผมลี้ภัยในช่วงที่ผมยังเด็กมากผมได้รับการช่วยเหลือมากมาย ผมศึกษาในโรงเรียนที่ติดชายแดนจนกระทั่งผมได้รับบัตรเลขศูนย์ซึ่งเป็นบัตรของบุตรคนไร้สถานะในสังคมไทย ผมสามารถเดินทางได้แต่ต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าอำเภอ ก่อนที่ผมจะได้รับการช่วยเหลือทางการศึกษาและสิทธิเบื้องต้นจากฝั่งไทยนั้น ผมเคยศึกษาในรัฐกะเหรี่ยงมาก่อน แต่ผมเรียนไม่จบเนื่องจากภัยสงคราม ผมเข้าศึกษาในสถานที่แห่งใหม่ในประเทศไทยจนจบมัธยม 6 ในประเทศไทย และต่อจากนั้นผมก็ได้รับโอกาศที่ดีมากมายครับ
สถานศึกษาในอดีตของ โทพาโด๊ะ ในรัฐกะเหรี่ยงเขตที่ 6 ช่วงที่เขายังไม่เป็นผู้ลี้ภัยทางสงคราม
#อยากให้คุณเล่าความเป็นมาของการทำเพลงและจุดเริ่มต้นของการแต่งเพลงจนกลายมาเป็นศิลปินนักร้องจนถึงทุกวันนี้ให้หน่อยครับ
ก่อนอื่นคงต้องย้อนกลับไปในช่วงที่ผมกำลังเรียนอุดมศึกษาระดับปริญญาตรีที่ประเทศอินเดียครับ ณ ประเทศอินเดีย คือ จุดเริ่มต้นของการสนใจทำเพลงและสนใจในการเป็นนักร้องอาชีพด้วย ก่อนที่ผมจะเดินทางศึกษาต่อที่ประเทศอินเดียนั้นผมได้รับการช่วยเหลือทุนการศึกษาจากมูลนิธิแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย โดยทุนการศึกษานี้จะช่วยเหลือผู้ไร้สัญชาติในสังคมไทยให้เรียนต่อในระดับอุดศึกษาครับ ผมเรียนที่อินเดียเป็นเวลา 3 ปี ณ ช่วงเวลาที่ผมเรียนอยู่ที่อินเดียนั้นผมได้เห็นเพื่อนคนหนึ่งของผมที่เป็นชาวอินเดียน กำลังอยู่ในห้องสตูดิโอขนาดใหญ่เขากำลังอัดเสียงเพลงและแต่งเพลงกับเพื่อนของเขา เมื่อผมเห็นสิ่งที่พวกเขากำลังทำนั้น มันทำให้ผมอยาก ลองร้องเพลงและเป็นนักร้องเหมือนเขาบ้าง แต่ ณ ขนาดนั้นผมยังทำไม่ได้เพราะต้องใช้เวลาอยู่ในห้องเรียนมากกว่า แต่สิ่งที่ผมชอบและหลงใหลในสิ่งที่ผมอยากทำนั้นยังคงฝั่งลึกอยู่ในจิตใจผม
จนวันหนึ่งครับ ผมถูกเชิญไปเป็นนักร้องประสานเสียงในโบสถ์แห่งหนึ่งในขนาดที่ผมกำลังศึกษาอยู่ในประเทศอินเดีย ผมคิดว่าผมเริ่มต้นจากการเป็นนักร้องประสานเสียงในโบสถ์ก่อนครับจากนั้นค่อยพัฒนาจากนักร้องประสานเสียงในโบสถ์มาเป็นนักร้องที่มีวงของตัวเอง ช่วงที่อยู่อินเดีย เวลาว่างผมก็จะหาเวลาถามเพื่อนที่เก่งการแต่งเพลงและ ผมมักจะขอคำแนะนำจากเพื่อนเหล่านั้นเสมอเพื่อมาพัฒนาในสิ่งที่ผมรักครับ ผมลองผิดลองถูกกับการแต่งเพลงอยู่สักพักก่อนที่จะสามารถจับจุดได้และเริ่มมีความชำนาญมากขึ้นในการเขียนเพลง
เมื่อผมจบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่อินเดียแล้วบินกลับมาไทยนั้นผมเริ่มต้นหาสมาชิกที่สนใจในเรื่องการทำเพลงและชอบการร้องเพลงเหมือนผมครับ ช่วงที่ผมเริ่มทำสิ่งเหล่านี้ตอนกลับมาอยู่ไทย ผมต้องเป็นครูในโรงเรียนด้วย เป็นครูและเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงภายในตัวเองครับ เมื่อผมหาทีมได้เราเริ่มทำเพลงและลองอัพโหลดลง YOUTUBE ช่วงที่เริ่มทำนั้นก็มีคนสนใจฟังเพลงเราบ้างแต่ก็ไม่มากครับ แต่อย่างไรเสียผมและเพื่อน ๆ ก็พัฒนาการทำเพลงกันต่อไป
#ทำไหมต้องเรียกตัวเองว่าโท่พ่าโด๊ะครับ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากไหนครับ
อันที่จริงชื่อ โท่พ่าโด๊ะนั้นมาจากชื่อผมเองครับ แต่อีกส่วนหนึ่งผมได้แรงบันดาลใจชื่อนี้จาก นกอินทรีย์
นกที่ได้ชื่อว่า บินสง่าที่สุดชนิดหนึ่งบนโลกใบนี้ ด้วยที่ว่าปีกของมันนั้นแข็งแรงและมันมีสายตาที่กว้างไกลเปรียบเหมือนกับชีวิตที่ว่า
“คนเรานั้นหากอยากเก่งเราต้องมีการพัฒนาและฝึกฝนเพื่อที่เราจะสามารถไปถึงจุดหมายที่เราฝ่ายฝันเช่นเดียวกับปีกของนกอินทรีย์ที่มีความแข็งแรงบินได้สูงกว่านกทุกชนิดบนโลกใบนี้ ส่วนสายตาของมันเปรียบเสมือนว่า ชีวิตคนเรานั้นต้องมีแผนและมองกันไกลจึงจะสามารถไปถึงฝันที่เราตั้งใจเอาไว้ครับ”
โท่พ่าโด๊ะ กล่าว
#ได้ยินมาว่าเป็นครูด้วยใช่ไหมครับ แล้วเป็นครูด้วยและเป็นนักร้องอาชีพภายในตัวยากไหมครับ
ต้องบอกว่ายากพอสมควร เพราะเมื่อเป็นครูนั้นเราต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่นักเรียน ส่วนเป็นนักร้องนั้นเราต้องสร้างความบันเทิงให้แก่ผู้ฟัง ช่วงที่ผมกำลังสอนอยู่ที่ โรงเรียนทูแมคี (Thoo-mweh-khee School) มีครูหลายคนได้เข้ามาเตือนผมเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เช่นกันครับ เมื่อมีคนรู้จักเรามากขึ้นผ่านทางผลงานเพลงของเราแน่นอนว่ามันย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ความเป็นครูของผมในโรงเรียนด้วย ดังนั้นผมจะบอกแก่นักเรียนของผมเสมอว่า “จงรับสิ่งที่ดีจากครูอะไรที่ไม่ดีก็ไม่ควรนำไปเป็นแบบอย่าง “ แน่นอนผมรักการทำเพลงและการร้องเพลง แต่อีกด้านหนึ่งผมเองก็ต้องตระหนักว่า ผมมีหน้าที่อะไรและมีบทบาทอะไรด้วยเช่นกันครับ
#สไสต์การทำเพลงของคุณเป็นแบบไหนครับแล้วกลุ่มเป้าหมายในการสร้างความบันเทิงเน้นที่บุคคลกลุ่มใดครับ
แนวการทำเพลงของผมจะเป็นแบบ Rap ครับ กลุ่มเป้าหมายโดยส่วนมากแล้วจะเป็นวัยรุ่นครับ อีกประเด็นหนึ่งบทเพลงของผม เราจะใส่ความเป็นกลิ่นอายของชาติพันธุ์ลงไปด้วยไม่ว่าภาษาที่ใช้ในการขับร้องส่วนมากจะเป็นภาษา
ปกาเกอะญอ การส่วมใส่เสื้อชาติพันธ์ุเวลาขับร้องเพลง เพื่อให้เยาวชนรุ่นใหม่ครับสามารถเข้าถึงและสัมผัสถึงความเป็นชาติพันธุ์ของตัวเองได้ ผมคิดว่ามันเป็นการส่งเสริมการยอมรับและสร้างความภูมิใจในการเป็นคนชาติพันธุ์แบบอ้อม ๆ ครับ อีกทั้งส่งเสริมให้คนที่ฟังเพลงของผม มีความกล้าที่ลองทำอะไรใหม่ ๆ ด้วยครับ เช่นว่า การบอกเล่าเรื่องชีวิตของคนชาติพันธ์ุผ่านทางเพลง Rap ครับ
ผลงานของโท่พ่าโด๊ะและทีมงาน
#สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรให้กับแฟนเพลงบ้างครับ
ก็อยากให้พวกเขาเหล่านั้นติดตามผลงานของผมต่อไปครับ เพราะกำลังใจส่วนหนึ่งในการทำเพลงขึ้นมาใหม่นั้นมาจากผู้ที่ติดตามผลงานของผม หากคนที่ยังไม่เคยฟังเพลงของผมก็ลองเข้าไปฟังกันได้ครับใน YOUTUBE และพิมพ์ชื่อของผมเท่านั้นผู้ฟังก็จะเห็นเพลงของผมปรากฏขึ้นมาครับ