กิจกรรม ปลูกป่าพลิกฟื้นเพิ่มพูนพื้นที่สีเขียว
ปัจจุบันการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ประชากร เพิ่มขยายจำนวนมาก จึงมีความต้องการพื้นที่และทรัพยากรมากขึ้นจึงส่งผลกระทบกับพื้นที่ที่เป็นแหล่งผลิต ก๊าซออกซิเจน ที่เราต้องใช้ในการหายใจ
ดังนั้น หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ ชย.3(ภูเขียว) ร่วมกับ สภาองค์กรชุมชนตำบลหนองข่า คณะครู-นักเรียน โรงเรียน บ้านห้วยยางดำ คณะกรรมการป่าชุมชนฯและชาวบ้านหนองโสน ต.หนองข่า อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ จำนวน 60 คน ได้ร่วมกันจัด “กิจกรรมปลูกป่าเพื่อพลิกฟื้นเพิ่มพูนพื้นที่สีเขียว กว่า 500 ต้น” พื้นที่ถูกบุกรุกและแผ้วถางป่า บนเนื้อที่ กว่า 25 ไร่ ณ บริเวณป่าชุมชนภูกระแต (อ่างเก็บน้ำหนองตาด้วง) บ้านหนองโสน เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2558 เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและการฟื้นฟูป่าบริเวณที่ถูกบุกรุกแผ้วถางป่า
นายอดิศักดิ์ ดีกลาง คณะกรรมการป่าชุมชนฯ ได้เล่าว่า “ป่าชุมชนแห่งนี้มีการอนุรักษ์ฟื้นฟูโดยชาวบ้านหนองโสน มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 มีเนื้อที่ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูกว่า 600 ไร่ และทำการจดทะเบียนเป็นป่าชุมชนตั้งแต่ พ.ศ.2548 พื้นที่ป่าแห่งนี้เป็นป่าต้นน้ำของลำห้วยส่องแมว ที่ชาวบ้านได้ใช้น้ำของลำห้วยแห่งนี้เพื่อใช้ในการทำการเกษตร
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2552 ได้มีชาวบ้านบ้านห้วยยางดำ คือนายประไพร สิงห์โคตร ได้เข้ามาตัดไม้และแผ้วถางป่าในบริเวณ อ่างหนองตาด้วง ในขณะนั้น จำนวน 3 ไร่ เมื่อปี พ.ศ.2522 คณะกรรมการป่าชุมชน นำโดย นายสุกิจ หมวดเมืองกลาง ผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองโสน ในขณะนั้น ได้ร่วมกับ จนท.ตำรวจ และ จนท.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชย.3 ได้เข้าจับกุม และได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่เนื่องจากว่า นายประไพร สิงห์โคตร เป็นผู้มีสติไม่สมประกอบทำให้การดำเนินการทางกฎหมายไม่เป็นผล มิหนำซ้ำเมื่อใช้วิธีดำเนินการตามกฎหมายแล้วแทนที่นายประไพร สิงห์โคตร จะสำนึกกลับใจ แต่กลับกลายเป็นการเพิ่มความรุนแรงในการเข้าบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ป่าชุมชนได้รับความเสียหายไปกว่า 25 ไร่ ในระยะเลา 6 ปี”
กระบวนการใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยในการแก้ไขปัญหาป่าไม้ที่มีมาแต่ยาวนาน ดังนั้นต้องร่วมแรงร่วมใจกันทุกฝ่ายในการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐ หรือเอกชน ชุมชน ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน และต้องหาจุดร่วมในการทำงานให้ได้ จึงจะเป็นผล
น้อย ตีนภู รายงาน