“แกนนอน” ช่วงเวลา “ใคร” ก็สามารถเป็นแกนนำได้

“แกนนอน” ช่วงเวลา “ใคร” ก็สามารถเป็นแกนนำได้

ท่ามกลางปรากฏการณ์การเคลื่อนไหวการชุมนุมในภูมิภาค ที่เกิดขึ้นคู่ขนานกับการชุมนุมที่ศูนย์กลางอำนาจกรุงเทพมหานคร หลายคนกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด หลังจากเกิดการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมและแกนนำถูกทยอยโดนจับกุม มีการลุกขึ้นของมวลชนด้วยยุทธวิธีใหม่ ที่บอกว่าใครก็สามารถแกนนำได้เพราะ “การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน” ทำให้เรามองเห็นปรากฏการณ์ที่ปัจเจกชนทยอยลุกขึ้นปราศรัยโดยไร้แกนนำ ในช่วงเวลานั้นจากการเข้าไปสังเกตการณ์ การชุมนุมแบบดาวกระจายนี้ สิ่งที่หลาย ๆ คนลุกขึ้นพูดคงหนีไม่พ้นเหตุผลข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมใน 3 ข้อหลัก คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และคณะต้องลาออก 2. รัฐสภาต้องเปิดประชุมวิสามัญทันทีเพื่อรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และ 3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย โดยการชุมนุมแต่ละครั้งในภูมิภาคมีผู้คนเข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนเป็นร้อยเป็นพันคน หนึ่งในนั้นคือจังหวัดเชียงใหม่ เราจึงไปพูดคุยกับผู้คนบุคคลที่นิยามตัวเองว่า : ไม่ได้แกนนำแต่อยากที่จะพูด

“เฮาจะด่าประยุทธ์ต่อไปก่อได้ แต่เฮาจะต้องบ่อลืมว่า
สิ่งที่เป็นปัญหาแต๊ ๆ คือระบบโครงสร้างการจัดการอำนาจแบบรวมศูนย์”

พี่บามกล่าว

ระหว่างการที่ตัวผู้เขียนนั่งฟังการปราศรัยในช่วงหัวค่ำของวันที่ 17 ตุลาคม เป็นการปราศรัยที่ปราศจากแกนนำ และใคร ๆ ก็สามารถลุกขึ้นพูดได้ หลังจากที่ฟังการปราศรัยโยนไมค์ได้สักระยะ ผู้เขียนสะดุดสำเนียงเสียงภาษาถิ่นที่เราเฝ้ารอฟังมานาน ผู้ขึ้นปราศรัยคนนี้มีชื่อว่า วุฒิชัย พากดวงใจ ด้วยน้ำเสียงที่แอบแฝงด้วยพลัง แต่ซ่อนความเคอะเขินเพราะเป็นการขึ้นปราศรัยต่อหน้ามวลชนหลายร้อยคนครั้งแรก ที่หน้าลานเอนกประสงค์ ข้างหอ 2  หญิง ภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พี่บาม อายุ 30 ปี (ต้องเรียกพี่แหละเพราะผู้เขียนยังอายุไม่ถึง) ตอนนี้พี่บามประกอบอาชีพอิสระ แกเรียนจบนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เคยประกอบอาชีพวิชาชีพทางกฎหมาย ในหน่วยงานราชการกับองค์กรพัฒนาเอกชน

เพราะการใช้ภาษาท้องถิ่นกำเมืองในการขึ้นปราศรัย เราจึงต้องดึงเขามาพูดคุยด้วยสัญชาติญาณความอยากรู้ ว่าทำไมเขาถึงพูดในประเด็นที่เป็นท้องถิ่นซะเหลือเกิน แถมใช้ภาษากำเมืองในการปราศรัยไปอีก ซึ่งสำหรับตัวเราคือมันตรงใจแหละ (เพราะการที่ผู้เขียนเป็นคนเหนือด้วยถึงจะพูดเหนือได้น้อยก็เถอะ) มันตรงใจตรงที่ต้องมีสักคนขึ้นพูดเรื่องแบบนี้ในม็อบบ้างแหละ

ผู้เขียนเองก็เชื่อว่าสิ่งที่ตัวผู้เขียนเองอยากรู้ คงไม่ต่างกับคนหลาย ๆ คน ที่อยากจะรู้เหมือนกันว่า มวลชนหลากหลายคนที่มาชุมนุม เขามาทำไม เหตุผลอะไรที่ทำให้เขาต้องมา แล้วทำไมถึงตัดสินใจขึ้นพูด ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่แกนนำหลาย ๆ เริ่มถูกจับกุม ทำให้แกนนอนที่เคยนั่งฟังต้องลุกขึ้นมาพูดเพื่อให้ม็อบเดินหน้าต่อไปได้ แล้วแกนนอนเหล่านี้ เขาอยากจะสื่อสารอะไรผ่านการปราศรัย ?

เหตุผลในการออกมาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ ที่แล้วจริงผมเคยออกมา แสดงออกทางการ เมืองตั้งแต่ ก่อนรัฐประหาร 2557 ในงานเสวนาวิชาการที่จัดขึ้นโดยคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เกี่ยวกับการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งในวันนั้นเอง ก็มีการประกาศรัฐประหารเกิดขึ้น ทำให้การแสดงออกทางการเมืองของพวกเราต้องเลิกไป เพื่อนบางส่วนยังทำกิจกรรมแสดงออกอย่างต่อเนื่อง หลายคนถูกจับ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม 

แต่ตัวผมเองไม่ได้ไปต่อกับเพื่อนส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกลัว เหตุการณ์ในวันนั้นเป็นทั้งแผลใจ และทั้งแรงบันดาลใจให้กับผมในวันนี้”

ขอยืมคำว่า “คณะเผด็จการและรัฐบาลสืบทอดอำนาจ” ของคณะราษฎร 2563 มาใช้เรียก นายประยุทธ์ จันทร์โอชาและพวกพ้อง เนื่องจากเป็นสอดคล้อง กับสภาพความเป็นจริงที่สุดแล้วในขณะนี้

คณะเผด็จการและรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ได้เข้าสู่อำนาจอย่างไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย การเข้าสู่อำนาจโดยกระบวนการที่ไม่ชอบธรรม ทำให้คณะเผด็จการต้องแสวงหาความชอบธรรมนอกระบอบ การปกครองแบบประชาธิปไตย เช่น การรับรองการรัฐประหารโดยสถาบันกษัตริย์ การมีรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เนื้อหา และกระบวนการได้มาไม่ชอบธรรม การออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์แก่ทุนผูกขาด การบังคับใช้กฎหมายอย่างอยุติธรรมเพื่อเอื้อประโยชน์ แก่นักการเมืองในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ดังที่ประชาชนได้เห็นเป็นที่ประจักษ์รัฐประหาร

ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่คณะเผด็จการและรัฐบาลสืบทอดอำนาจจำเป็นต้องทำ เนื่องจากตนไม่มีฐานความชอบธรรมทางอำนาจที่ยึดโยงกับประชาชนตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา การกระทำเหล่านี้ส่งผลให้หลักนิติรัฐหรือ  Rule of law ถูกทำลาย

เราจะมองข้ามประเด็นความชอบธรรมในการเข้าสู่อำนาจก็ได้ แต่การทำงานของคณะเผด็จการ และรัฐบาลสืบทอดอำนาจตลอดระยะเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมา นอกจากงานที่ต้องทำตามปกติอยู่แล้ว ไม่มีความสำเร็จใด ๆ ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์เลยใน ถ้าเป็นองค์กรเอกชนเค้าให้เวลาคุณแค่สามเดือนเท่านั้นแหละครับ คุณภาพชีวิตของประชาชนแย่ลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น Covid-19 เป็นตัวเร่งที่ทำให้ทุกอย่างร้ายแรงกว่าเดิม และภาพรวมของเศรษฐกิจระดับโลกก็ยังไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้น

สิ่งเหล่านี้คือประสบการณ์ร่วมที่ประชาชนในประเทศนี้จำนวนมากได้รับร่วมกัน และผมเชื่อว่าผู้คนอีกจำนวนมากมีประสบการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้ด้วยซ้ำ ประชาชนเหลืออดแล้ว และประชาชนเหลืออดมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ยังไม่เห็นทางใด ๆ ที่มันจะดีขึ้นได้

จนกระทั่งเกิดการชุมนุม ของนักเรียนนักศึกษาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา “มันคือประกายแสงแห่งความหวังให้กับสังคม” 

หลายคนชอบบอกว่า นักเรียนนักศึกษาเป็นพลังบริสุทธิ์ สำหรับผมจะบริสุทธิ์ไม่บริสุทธิ์ก็ได้ แต่พวกเขาคือความความหวัง ความหวังของคนที่สิ้นหวังติดต่อกันมาหลายปี อาจจะเป็นเพียงประกายไฟเล็กๆ แต่มันสว่างมากในค่ำคืนที่อำนาจนำอื่น ๆ ที่เคยให้แสงสว่างกับสังคมไม่สามารถทำหน้าที่ได้

Q : เห็นขึ้นปราศรัยพูดถึงเรื่อง สภาพแวดล้อม อากาศ คนอยู่กับป่า ประเด็นในเชียงใหม่ เกี่ยวข้องอย่างไรกับการเมือง?

วันนั้นผมตัดสินใจลุกขึ้นพูด คือ ประเด็นใหญ่เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ Climate change ปัญหาสิ่งแวดล้อมในเชียงใหม่ที่ยกตัวอย่างเป็นประเด็นย่อยเพื่อสนับสนุนประเด็นหลัก

ขออนุญาตเล่าอีกรอบแล้วกันครับ : โลกกำลังอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” หรือ “Climate Change” ในประวัติศาสตร์ของดาวเคราะห์ โลกที่พวกเราอาศัยอยู่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาแล้วหลายครั้ง และในแต่ละครั้งจะมีสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์เสมอ เวลานี้พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ

ผมขอยกตัวอย่างมนุษย์ Neanderthal ซึ่งเป็น Primate ape ที่ยืนสองขา เป็นญาติกับ Homo Sapian ซึ่งก็คือชื่อทางวิทยาศาสตร์ของพวกเราครับ มีหลักฐานว่าทั้ง Neanderthal และ Homo Sapian ดำรงชีวิตในช่วงเวลาและพื้นที่เดียวกัน มีปฏิสัมพันธ์กัน มีการแต่งงานข้ามสายพันธุ์กันอีกด้วย ทว่าปัจจุบัน Neanderthal ได้สูญพันธุ์ไปในขณะที่ Homo Sapian สามารถดำรงเผ่าพันธุ์สืบต่อมาได้ มีหลายทฤษฎีที่อธิบายการสูญพันธุ์ของ Neanderthal เช่น ไม่สามารถแข่งขันกับมนุษย์สมัยใหม่ได้จึงสุญพันธุ์ไป แต่งงานกับมนุษย์สมัยใหม่จนถูกกลืนเผ่าพันธุ์ แม้กระทั่งติดโรคระบาดที่มนุษย์สมัยใหม่เป็นพาหะ แบบไม่แสดงอาการจนสูญพันธุ์ เป็นต้น

ทฤษฎีที่ขอนำมาสนับสนุนข้อเสนอของผมที่ว่า พวกเรากำลังเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ คือ Neanderthal ไม่สามารถปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ จากการศึกษาเครื่องมือยุคหินเก่าของพวกเขาบริเวณตอนกลาง ของจีน พบว่าในช่วงเวลาดังกล่าวบริเวณดังกล่าวแห้งแล้งขึ้น Neanderthal ไม่มีการพัฒนาเครื่องมือหินที่พวกเขา ใช้และไม่มีสัญญาณของการอพยพ พวกเรา Homo Sapian ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยในเวลานี้ ก็เหมือน Neanderthal ที่กำลังเผชิญ หน้ากับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงเครื่องมือหินที่พวกเขาใช้

ก็เปรียบได้กับระบอบการเมืองการปกครอง ของเราในเวลานี้ที่ด้อยประสิทธิภาพและล้าหลัง ดังที่เราทั้งหลายได้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้ว จากการบริหารจัดการภัยพิบัติของคณะเผด็จการและรัฐบาลสืบทอดอำนาจ”

ผมจึงยกตัวอย่างการภัยพิบัติหมอกควันในภาคเหนือตอนบนซึ่งรวมถึงจังหวัดเชียงใหม่ด้วย ที่การบริหารจัดการโดยภาครัฐล้มเหลวอย่างเป็นรูปธรรม จนประชาชนต้องออกมาบริจาคเพื่อซื้ออุปกรณ์ดับไฟป่ากันเอง เกณฑ์แรงงานกันเอง พี่น้องชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ต้องศูนย์เสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินกันไปเท่าไหร่แล้ว ช่วยกันเองจนภัยพิบัติทุเลาลง

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นแล้วว่า ระบอบการเมืองการปกครองที่เป็นอยู่ มันรวมศูนย์อำนาจและรวมศูนย์ทรัพยากร ทำให้การกระจายทรัพยากรไม่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ จนประชาชนต้องรับบริจาคกันเอง

ทั้งยังเกิดปรากฏการณ์ที่รัฐที่ขัดขวางการใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหาที่ตนเองแก้ไม่ได้ มีการห้ามใช้อากาศยาน ไร้คนขับ Drone เพื่อช่วยนักดับเพลิงวางแผนการดับไฟป่า นอกจากนั้นยังละเลยภูมิปัญญาในการบริหารจัดการป่าของคนในท้องถิ่นอีกด้วย ดังจะเห็นได้จาก พื้นที่ที่เกิดไฟไหม้มากที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่อยู่ในเขตทหาร เพราะอะไรเพราะเขตทหารไล่คนในท้องถิ่นออก ตามนโยบายทวงคืนผืนป่าของคสช. ในขณะที่พื้นที่อื่นที่คนสามารถอยู่กับป่าและใช้ประโยชน์จากป่า ได้มีการบริหารจัดการ มีการจัดทำแนวกันไฟ มีการแบ่งพื้นที่ผลัดกันเผาตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อลดการสะสมเชื้อเพลิงในป่าแต่ผู้คนเหล่านั้นก็ไม่สามารถบริหารจัดการป่าได้เต็มที่เนื่องจากอำนาจรัฐกดทับพวกเขาไว้

ขอยกตัวอย่างพื้นที่ห้วยตึงเฒ่าซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอย่างหนักในปีที่ผ่านมาก คนท้องถิ่นจะรู้ว่า “ตึง” ในที่นี้มาจากคำว่า “ตองตึง” หรือ “ใบตองตึง” ซึ่งหมายความว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีตองตึงมาก ใบตองตึงในอดีตเป็นวัสดุหลักในการผลิตหลังคาภูมิปัญญาในการนำใบตองตึงมาใช้ประโยชน์ส่งผลโดยอ้อม เป็นการลดการสะสมเชื้อเพลิง

ดังนั้นการปฏิเสธภูมิปัญญาของท้องถิ่น การกันคนออกจากป่าเป็นนโยบายที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง ทัศนคติของผู้นำที่ห้ามคนเข้าไปเก็บเห็ดเก็บหน่อเป็นความโง่เขลาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วและขอกล่าวซ้ำอีกครั้งเพราะเป็นเรื่องสำคัญ : พวกเรากำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ ไม่ใช่แค่มนุษย์ พืช สัตว์ และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็ล้วนตกอยู่ในความเสี่ยง เราอาจจะจะอยู่รอดจากการสูญพันธุ์ ครั้งนี้ไปได้ แต่ไม่มีอะไรรับรองได้ว่าความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นอาหารของเราจะเหมือนเดิม คุณจะยอมให้ลูกหลานของเรากินหนอนแมลงวันเป็นอาหารหลักไหม?

Q : จุดยืนในการแก้ไขระบบโครงสร้างของประเทศไทย อยากให้แก้เรื่องไหนมากที่สุด รัฐธรรมนูญ หรืออะไร ?

ง่ายที่สุดและทำได้เลย คือ การเปิดสภาสมัยวิสามัญ เพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนของ iLaw ครับ จากนั้นมันจะนำไปสู่กระบวนการต่างๆ ที่จะตอบสนองต่อข้อเรียกร้องต่างของม็อบเอง สำหรับตัวผมคือ การกระจายอำนาจและกระจายทรัพยากรจากส่วนกลาง ซึ่งก็อยู่ในร่างฯ นั้นแหละครับ

Q : หลังจากนี้จะชุมนุมไปเรื่อย ๆ สู้ไปถึงเมื่อไหร่ มีความหวังมากน้อยแค่ไหนว่าพลังของมวลชนจะเปลี่ยนประเทศได้ ?

“ประเทศนี้เปลี่ยนไปแล้วครับ และจะไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมอีก”

ขนคิงลุกซู่เมื่อได้ฟัง พี่บามบอกว่า ถ้าความหมายของคำว่า “เปลี่ยนประเทศ” หมายความถึง “เปลี่ยนรัฐบาล” หรือ “เปลี่ยนรูปแบบการปกครอง” คิดว่าความหวังมีไม่มาก แต่ผมคิดว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะองค์กรปกครองอย่างเป็นทางการไม่ได้มี ความหมายเท่าไรแล้วในโลกปัจจุบัน และนี่คือความท้าทายร่วมของ “รัฐสมัยใหม่” ทั่วโลกมาระยะหนึ่งแล้ว รัฐใหญ่เทอะทะเกินกว่าที่จะแก้ปัญหาเล็ก ๆ  (เช่นการจัดการขยะ) ได้ แต่รัฐก็เล็กเกินกว่าจะจัดการปัญหาใหญ่ ๆ (เช่นทุนข้ามชาติ) ได้

การชุมนุมครั้งนี้แสดงให้ผมเห็นความเป็นไปได้ที่มนุษย์อายุน้อยเหล่านี้จะสามารถร่วมมือกับคนอื่น ๆ ในสังคมสร้างสิ่งที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์โลกได้ หลังจากการสลายการชุมนุมเช้ามืดวันที่ 15 ในเวลาไม่ถึง 24 ชม.เขาสามารถสร้างระบบบริหารจัดการที่พักสำหรับคนจำนวนมากได้ หลังจากการสลาย การชุมนุมด้วยรถน้ำแรงดันสูง เขาสามารถสร้างระบบบริหารจัดการอุปกรณ์ป้องกัน ระบบแจ้งเตือนตำแหน่งของรถฉีดน้ำ ใช้ประโยชน์จากความเทอะทะของระบบราชการ แบบรวมศูนย์ของตำรวจ ทำให้ตำรวจเป็นอัมพาตเอง

ผมคิดว่าไม่มีช่วงเวลาไหนที่เราจะมีความหวังได้มากเท่าตอนนี้ได้อีกแล้ว เพียงแต่ถ้าหวังจะเกิดการ เปลี่ยนแปลงในระบบ อาจจะไม่ได้เห็นในเร็ววัน แต่ถ้าหมายถึงความเปลี่ยนแปลงในความหมายกว้าง เราอาจจะได้เห็นระบบเศรษฐกิจที่มาแทนที่เสรีนิยมใหม่ที่กำลังจะตายก็ได้ เราอาจจะได้เห็น รัฐแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในโลกก็ได้ ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไง แต่ความเป็นไปได้มันมีให้เห็นแล้ว

Q : การเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้มวลชนมาชุมนุมแบบนี้เหมือนเป็นพื้นที่ปลอดภัย มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหนในสถานการณ์แบบนี้ ?

สำหรับผม มันต้องมีพื้นที่สาธารณะให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่ประเทศนี้ตั้งแต่เกิดจนตายทุกคนต้องอยู่ในระบบอำนาจนิยม ตั้งแต่ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย จนทำงาน จนแก่ จนตาย พื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนความคิดเห็นมันดันไปอยู่ในพื้นที่เล็กๆเช่นงานเสวนาวิชาการ ที่คนไม่กี่คนมี โอกาสเข้าถึง หรือไม่ก็ที่ลับตาอย่างในวงเหล้าเท่านั้น การชุมนุมของประชาชนอายุน้อยเหล่านี้คือการทำเรื่อง “ปกติ” ให้กลายเป็นเรื่อง “ปกติ” เช่น เดียวกับประเด็นอื่นๆ ที่พวกเขาเรียกร้องนั่นแหละครับ คือทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้มันถูกต้องเสีย ใครที่ไม่อยู่ใต้กฎหมายก็มาอยู่ใต้กฎหมายเสีย

Q : ชีวิตที่ดี ในแบบของคุณเป็นยังไง ?

ชีวิตที่ยอมรับว่าความทุกข์มีอยู่จริง และไม่ปฏิเสธว่ามีโครงสร้างสังคมในปัจจุบันสร้างความทุกข์ให้กับผู้คน

สุดท้ายแล้วผมอยากจะฝากอะไรสักหน่อย อาจารย์สมชาย ปรีชาศิลปกุล จะสอนพวกเราเสมอว่า “ฟ้าสีทองผ่องอำไพ” ไม่มีจริงหรอก ไม่มีทางที่จะหลับแล้วลืมตาขึ้นมาแล้วจะเห็นสีทองผ่องอำไพเลย เป็นไปไม่ได้ แต่มันเหมือนสภาวะน้ำขึ้นน้ำลงบริเวณปากแม่มากกว่า สภาวะที่ระเบียบหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปสู่อีกระเบียบหนึ่ง ก็เหมือนช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง สภาวะ disorder ก็เหมือนช่วงเวลาที่น้ำกร่อย พอระเบียบค่อยๆจัดเรียงตัว น้ำก็กร่อยน้อยลงๆจนเป็นน้ำจืด

เป็นการยกตัวอย่างที่ดี แต่ผมว่า “ฟ้าสีทองผ่องอำไพ” มีอยู่จริง และอยากยกอีกตัวอย่างคือ spectrum ของแสง แสงที่เราเห็นด้วยตาเปล่ามีสีขาว แต่จริง ๆ แล้วแสงมีเจ็ดสีดังจะเห็นได้จากสีรุ้งหรือการฉายแสงผ่าน Prism สภาวะของประเทศไทยตอนนี้คือสภาวะของการ Identifying Problem เรากำลังอยู่ในกระบวนการ ค้นหาว่า ตอนนี้ประเด็นที่กำลังเป็นปัญหา เช่น การขูดรีดแรงงานนักศึกษาแพทย์ ประเด็นนี้ กำลังอยู่ตรงจุดไหน ใน Spectrum ของแสง แล้วประเด็นอื่นล่ะ เบี้ยผู้สูงอายุอยู่ตรงจุดไหน การคอร์รัปชันในกองทัพเป็นสีอะไรกระบวนการนี้ไม่แปลกหรอกที่มันจะสับสนวุ่นวาย 

“เพราะใคร ๆ ก็เจ็บปวด ใคร ๆ ก็อยากตะโกนออกมา เพราะถูกกดไว้ด้วยอำนาจเผด็จการมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่รัฐประหาร 2557 

บ้างก็บอกว่าตั้งแต่รัฐประหาร 2549 บ้างก็นู่นเลยรัฐประหาร 2490 หรือ royalist ที่เจ็บปวดจากการเปลี่ยนแปลง การปกครอง 2475 ก็ออกมาโอดครวญ จึงเกิดสภาวะอย่างที่เป็นอยู่ สภาวะเช่นนี้หากให้เวลามากพอ สังคมจะเห็นภาพชัดเจนว่าตอนนี้ ประเด็นต่าง ๆ อยู่ตรงไหนใน Spectrum ของแสง อยู่ตรงเฉดสีเฉดไหน อีกไกลไหมกว่าจะถึง “สีทองผ่องอำไพ” และการจะไปให้ ถึงสีทองผ่องอำไพจะใช้วิธีการไหน

เท่าที่ผมจำความได้ สภาวะเช่นนี้เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งก่อนการรัฐประหาร 2549 รัฐบาลของทักษิณ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักและค่อยๆสูญเสียความนิยม หากสภาวะดังกล่าวดำเนินต่อไปตาม ระบอบ ประชาธิปไตย เกิดการเลือกตั้งตามปกติ ระบอบประชาธิปไตยจะสามารถแก้ปัญหาของตัวมันเองได้ แต่ก็เกิดการรัฐประหาร 2549 เสียก่อน กระบวนการทั้งหมดนี้จึงระงับไป

สิ่งที่อยากฝากคือ อย่าให้ใครมาหยุดกระบวนการ Identifying Problem ของเราได้ อย่าหยุดตะโกน อย่าหยุดเรียกร้อง เรียกร้องเผื่อคนที่ไม่มีเสียงด้วย อย่าให้อะไรมาหยุดเราได้ แม้จะมีการรัฐประหารอีกกี่ครั้งก็อย่าหยุดส่งเสียง หา Spectrum ของแสงที่เราอยู่ให้เจอ เพื่อจะเดินทางไปสู่ “สีทองผ่องอำไพ” ให้จงได้

นี่เป็นเพียงเสียงหนึ่งเท่านั้น ของผู้เข้าร่วมชุมนุม หลังจากที่เกิดปรากฏการณ์ดาวกระจายของม็อบในภูมิภาคที่ใครก็สามารถเป็นแกนนำได้ จริงๆ วันนั้นตัวเราเองได้พูดคุยกับหลายๆ คนอยู่แหละ มีหลากหลายประเด็นที่คนในม็อบอยากสื่อสาร ซึ่งในระหว่างการชุมนุมตลอดเวลากว่า 2 ชั่วโมง มีทั้งนักศึกษาหรือประชาชนทั่วไปสับเปลี่ยนไมค์กันพูดในหลายประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งพวกเขาบอกว่าประเด็นปัญหาในภูมิภาคทั้งหมดที่ยังไม่ถูกแก้ไขในช่วงการบริหารของรัฐบาลนี้ มีทั้ง ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย จากความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน การเสถียรของรัฐบาล ซึ่งส่งผลต่อการจ้างานของพวกเขาในอนาคต หรือประเด็นปัญหาป่าไม้ที่ดิน ที่เป็นปัญหาของภาคเหนือที่สังสมมานาน การที่คนอยู่กับป่าปัญหาที่ดินของคนชาติพันธุ์ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข การนั่งฟังการปราศรัยตลอดจนจบการชุมนุมที่ผ่านมาผู้เขียนมองว่า ผู้คนหลาย ๆ คนที่มาชุร่วมมนุมพวกเขามีความฝัน เป็นฝันที่ไม่ได้หรูหราฝันที่มีต่อประเทศไทยของพวกเขา เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นไม่มากก็น้อย  

ลิงก์หมุดวันปราศรัย https://www.csitereport.com/#!/newsfeed?id=0000014933

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ