โควิด-19 กับธรรมะจากพระไพศาล วิสาโล

โควิด-19 กับธรรมะจากพระไพศาล วิสาโล

พระไพศาล วิสาโล พระนักพัฒนา เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต ต.ท่ามะไฟหวาน อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ได้เมตตาสนทนาธรรมกับ วิภาพร วัฒนวิทย์ ผู้ดำเนินรายการ “โควิด-19 สู้ไปด้วยกัน” พร้อมให้มุมมองธรรมะต่อสถานการณ์โควิด-19 ที่หลายประเทศทั่วโลกและไทยกำลังเผชิญ

วิภาพร วัฒนวิทย์ : ช่วงนี้อย่างที่ทราบกันว่า โควิด-19 ทำให้หลายคนหนักอกหนักใจ ทั้งเรื่อง การเงิน การงาน รวมถึงสภาพจิตใจ กราบขอคำแนะนำจากพระอาจารย์ เพื่อจัดการความเครียดทั้งทางกาย ทางใจเจ้าค่ะ

เราเครียดเพราะว่าเราไปนึกถึงอนาคตข้างหน้า ซึ่งไม่มีความแน่นอน และจะคิดไปทางลบทางร้าย

พระไพศาล วิสาโล : เราเครียดเพราะว่าเราไปนึกถึงอนาคตข้างหน้าซึ่งไม่มีความแน่นอน และจะคิดไปทางลบทางร้าย แต่เรารู้ว่าตอนนี้เราเป็นอย่างไร สุขสบายไหม อย่างน้อยคิดว่าส่วนใหญ่ ถ้าทุกคนอยู่ที่บ้านสุขสบายทั้งนั้นแหละ เราไม่ต้องหนีภัยที่เกิดจากธรรมชาติ อย่างภัยพิบัติ อื่น ๆ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุใต้ฝุ่น สิ่งเหล่านี้

แม้กระทั่ง ศึกสงคราม มันไม่มีภัยไหนที่เราจะรู้สึกปลอดภัย เท่ากับเวลาอยู่ที่บ้านอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้  เรามีอาหารกิน เรามีที่พักที่อบอุ่น เรามาสามารถจะดูหนังฟังเพลง เราสามารถจะติดต่อผู้คนได้ทั่วโลก รวมทั้งพ่อแม่ คนรัก ลองคิดแบบนี้ มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะมาวิตกกังวล หรือเครียดนะ สิ่งที่เราเกดขึ้นตอนนี้เราไม่ได้ทุกข์ลำบากอะไรเลย เราอยู่บ้านของเรา แต่เราเครียดเพราะเราคิดนึกถึงสิ่งที่มันเกิด

เราจะนึกถึงปัญหาที่กำลังรออยู่ข้างหน้าก็ได้ คิดเพื่อเราจะได้เตรียมตัว แต่ก็อย่าคิดตลอดเวลา

อาตมาคิดว่าถ้าเราเอาใจมาอยู่กับปัจจุบัน และรับรู้สิ่งดีดี ที่เกิดขึ้นกับเราตอนนี้ โดยเฉพาะคุณไม่ได้เจ็บได้ป่วยอะไร เราน่าจะมีความสุขได้ เราจะนึกถึงปัญหาที่กำลังรออยู่ข้างหน้าก็ได้ คิดเพื่อเราจะได้เตรียมตัว ป้องกัน และรับมือกับมัน แต่ก็อย่าคิดตลอดเวลา ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา อยู่ขณะนี้และอยู่รอบตัว ก็มีมากมาย ถ้าคุณเปิดใจรับรู้สิ่งดี ๆ แบบนี้บ้าง จะคิดน้อยลง และจะรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำว่า เรายังปลอดภัย แม้นมีภัยพิบัตเกิดขึ้นทั่วทั้งโลก

วิภาพร วัฒนวิทย์ : เหมือนที่พระอาจารย์เคยพูดว่า “ตื่นรู้ แต่ว่าต้องไม่ตื่นตระหนก”

พระไพศาล วิสาโล : ใช่ เพราะถ้าเปิดใจรับสิ่งดี ๆ แล้วความสุขที่มีด้วย ไม่ใช่ว่ารับรู้แต่สิ่งแย่ ๆ อาตมาว่าลองแบ่งใจให้กับสิ่งเหล่านี้บ้าง ในขณะเดียวกัน เสพข่าวสารให้น้อยลง มีเวลาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์สร้างสรรค์ กลับบ้าน ปลูกต้นไม้ ออกกำลังกาย วาดรูป อ่านหนังสือ มีสิ่งดี ๆ  ที่เราสามารถทำได้ทุกวัน รวมทั้งการทำอะไรเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ทำหน้ากากอนามัยส่งโรงพยาบาล ทำอาหารให้กับคนยากคนจน หรือว่าจัดของให้กับคนที่เดือดร้อน เอาเวลามาทำสิ่งเหล่านี้ อาตมาว่า จิตใจจะมีกำลัง เราจะรู้สึกมีพลังขึ้นมา เราจะไม่รู้สึกว่าห่อเหี่ยว สิ้นเรี่ยวแรง อย่างที่หลายคนกำลังรู้สึก เพราะว่าคิดแต่เรื่องของปัญหา คิดแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัว โดยที่ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์สักครั้ง อาตมาอยากชวนทำสิ่งเหล่านี้ดู ทำทั้งกิจทำทั้งจิต

วิภาพร วัฒนวิทย์ : พระอาจารย์เจ้าคะ การมาของโควิด-19 สำหรับสังคมไทย ศาสนิกชน พระอาจารย์ มองว่ามันให้บทเรียน หรือสะท้อนอะไรบ้างเจ้าคะ

พระไพศาล วิสาโล :  ประการแรกเราเห็นว่า มนุษย์เราไม่สามารถจะเอาชนะธรรมชาติได้ โควิด-19 มาจากไวรัสตัวเล็ก ๆ โคโรนาไวรัส เราเคยคิดว่าเราเอาชนะธรรมชาติได้ เราคิดว่าเราเอาชนะโรคติดเชื้อได้ อะไรแบบนี้เพิ่งมีมาเมื่อสัก 50-60 ปี มานี้ แต่ว่ามันเป็นความคิดที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะว่าจริง ๆ แล้วเราเอาชนะธรรมชาติไม่ได้เลย เชื้อโรคมันจะก้าวล้ำมากกว่าเราอย่างน้อยหนึ่งก้าวเสมอ เพราะฉะนั้นถ้าเราคิดแบบนี้ เราจะไม่ประมาท ถ้าเราคิดแบบนี้เราจะคิดป้องกันตัวจากโรคระบาดแบบนี้มานานแล้ว ผู้รู้ เตือนไว้แล้วว่าจะต้องมีโรคระบาดครั้งใหญ่ อาจจะเป็นหวัด อาจจะมาจากหวัด มันเกิดขึ้นได้ทุกเวลา แต่เราไม่เฉลียวใจ เราไม่ตระหนัก ข้อที่ 2 ทำให้เราเห็นว่าอะไร ๆ ก็ไม่แน่นอน ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมีการล็อกดาวน์ จะมีการปิดเมือง ปิดประเทศ ห้ามเครื่องบินเข้าประเทศ แต่ว่ามันก็เกิดขึ้นแล้ว อะไร ๆ ก็ไม่แน่นอน

เพราะฉะนั้น มันจะกระตุ้นให้เราเกิดความไม่ประมาท ขณะเดียวกัน ทำให้เห็นว่าชีวิตที่เราอยู่สุขสบาย มันไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะมองข้ามไปง่าย ๆ  การที่เราได้ออกไปไหนมาไหน อย่างอิสระเสรี การที่เราได้มีโอกาสกอดลูก กอดหลาน สัมพันธ์เพื่อน เราเคยเชื่อเป็นเรื่องธรรมดา ที่ไม่มีความสำคัญ แต่โควิด-19 มาสอนให้เราเห็นว่าที่เราคิดว่ามันธรรมดา ๆ ในชีวิตประจำวัน จริง ๆ เป็นสิ่งที่มีค่ามาก  ในจังหวะที่เราทำสิ่งนั้นไม่ได้ หรือจะไม่สามารถพบกับสิ่งนั้นได้ เราจึงรู้สึกเป็นทุกข์ ทำให้เห็นว่าจริง ๆ นั้นความสุขอยู่ใกล้ตัวมาก

ก่อนยุคโควิด-19 ความสุขอยู่ใกล้ตัวเราแต่เรามองไม่เห็น เราไม่เห็นค่าของมัน ตอนนี้เรามาเห็นค่าเพราะเราทำสิ่งนั้นไม่ได้ แต่ต่อไปเราก็ทำสิ่งนั้นได้อีก โควิด-19 ถึงจะอยู่ได้ไม่นาน มันก็ตกอยู่ภายใต้กฏอนิจจัง มันก็ต้องดับไป อาจจะเป็น 12 เดือน 18 เดือน สุดท้ายเราก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม เมื่อเรากลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม เรารู้สึกทราบซึ้งกับความสุข ที่หาได้ง่าย ๆ อยู่รอบตัวเรา เพียงแค่เราได้กินอิ่มนอนอุ่น มีลมหายใจ ได้เดินไปไหนมาไหนได้พบปะลูกหลาน ได้สัมผัสเพื่อนฟูง ได้กราบเท้าพ่อแม่ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องหวังอะไรมาก ที่มันไกลตัว

แต่ตอนนี้ถึงแม้เราจะทำสิ่งนั้นไม่ได้ ทำหลายอย่างไม่ได้ แต่ว่า เราก็ยังสามารถที่จะมีความสุขได้ ให้เราเปิดใจรับรู้ความสุขเหล่านั้น อย่าไปมัวจ่อมจม หมกมุ่นครุ่นคิดแต่ปัญหาหรือโควิด-19 แต่อย่างเดียว ที่อิงในพระพุทธศาสนามันสอนให้เราตระหนักเลยนะ ว่าไม่มีอะไรที่เราควรจะประมาทเลย เหมือนหลายคนกลัวโควิด-19 เพราะว่านึกถึงความตาย เรื่องความเจ็บปวด แต่ที่จริงแม้นไม่มีโควิด-19 มา เราทุกคนก็ต้องป่วย เราทุกคนก็ต้องตาย แต่เรามองข้ามสิ่งเรื่องนี้ไป เราก็เลยไม่เตรียมตัว เราประมาณ มองในแง่ดี โควิด-19 มาเตือนใจเราไม่ให้ประมาทกับชีวิต ไม่ให้ประมาทกับความสุขที่มีเพราะว่ามันไม่เที่ยง มันเปราะบาง

ความตาย อย่าลืมว่ามันต้องเกิดขึ้นกับเรา ความเจ็บป่วยก็เกิดขึ้นกับเราเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาเราเพลิดเพลินไปกับมัน เพลิดเพลินไปกับความสนุกสนาน จนลืมไปว่าเราต้องป่วย เราต้องแก่ เราต้องตาย แล้วเราก็เลยปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ กว่าเราจะรู้ตัว มันก็สายไปแล้ว ตอนนี้โควิด-19 ก็มาเตือนเราในขณะที่เรายังหนุ่มยังสาว ทำให้เห็นว่าชีวิตเราเปราะบาง ขณะที่ยังมีเวลา เราก็ทำความดี ฝึกจิตฝึกใจ ที่สำคัญเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองให้ได้

คนเป็นทุกข์เพราะอยู่กับตัวเองไม่เป็น เราบอกว่าเรารักตัวเอง ๆ เราอยู่กับตัวเองกลับกระสบกระส่าย เพราะเราอยู่กับตัวเองไม่เป็น เราไม่ได้รักตัวเองจริง ๆ เราชอบหนีตัวเองไปหาเพื่อน ไปเที่ยวห้าง ดูอาศัยงานการ บางทีอาศัยเหล้าให้ช่วยเราหนีตัวเอง แต่พอเราทำอย่างนั้นไม่ได้ กักตัวอยู่ในบ้าน เราก็เลยทุกข์เราก็เลยกระสับกรส่าย เป็นสัญญาณว่าเราอยู่กับตัวเราไม่เป็น แต่ถ้าเราอยู่กับตัวเองเป็น ถึงแม้เราจะมีความสุขอยู่กับตัวเอง ก็ไม่หว้าเหว่ อยู่คนเดียวก็ไม่เหงา อยู่คนเดียวก็มีความสุขได้ จะทำอย่างนั้นได้ ต้องฝึกใจ ฝึกจิตของเรา อาตมาว่าโควิด-19 เป็นโอกาสที่จะทำให้เราเห็นอะไรดี ๆ เยอะ ที่เรามองข้ามไป อันนี้ก็อยากจะมาแบ่งปันเท่าที่รับรู้มาส่วนหนึ่ง

วิภาพร วัฒนวิทย์ : ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดตัวของแฟงก็มีเวลาที่จะอยู่กับตัวเองมากขึ้น เพราะว่าเราก็เว้นระยะห่างทางสังคม ก็เลยกำลังคิดว่า ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ทุนนิยมทำให้โลกหมุนเร็วมาก แรงงานต้องทำงาน ใช้ชีวิตนอกบ้านแบบรวดเร็ว ตอนนี้กลับด้านแล้วเจ้าค่ะ เราอยู่กับตัวเองอย่างที่พระอาจารย์พูด พระอาจารย์เจ้าคะ ไม่แน่ใจและไม่มีใครรู้ว่าโควิดมันจะจบลงเมื่อไร สำหรับสถานการณ์นี้ เราจะวางใจได้อย่างไร เรามีธรรมมะข้อไหน ที่จะใช้เป็นภูมิคุ้มกันในการใช้ชีวิตในช่วงเวลานี้

พระไพศาล วิสาโล : อยู่กับปัจจุบัน อย่าปล่อยใจให้ไปจมอยู่กับอดีตหรืออนาคตให้มาก หลายคนอาลัยอาวรกับอดีต ที่เคยสนุกสนาน ที่เคยเชื่อใจได้ ก็เลยรู้สึกอึดอัดขัดเคืองใจ บางคนปล่อยใจไปอยู่กับอนาคต นึกถึงภาพว่าอนาคต เศรษฐกิจมันจะย่ำแย่ จะตกงาน จะมีเงินจ่าย ค่าเช่าบ้าน หรือผ่อนรถ ผ่อนบ้าน มันไม่เกิดขึ้นเลย แต่ว่าทุกข์ไปแล้ว ใจไปอยู่กับอนาคตมากไป

อยู่กับปัจจุบัน อย่าปล่อยใจให้ไปจมอยู่กับอดีตหรืออนาคตให้มาก

กลับมาอยู่กับปัจจุบัน เปิดใจรับรู้สิ่งดี ๆ ที่เรามีอยู่ขณะนี้ อย่างที่อาตมาพูดตอนต้น ๆ อย่านึกอย่าคิดแต่เรื่องร้าย ๆ แย่ ๆ อย่างเดียว โลกนี้มันมี 2 ด้าน เหมือนกับมีทั้งกลางวันและกลางคืน ท่ามกลางโควิดที่แพร่ระบาด อยู่รอบตัว มันก็มีสิ่งดี ๆ ที่จะให้เรารับรู้ได้ ตื่นเช้าขึ้นมา เห็นแสงเงิน แสงทองสาดขอบฟ้า สักพักก็จะเห็นท้องฟ้าสดใส ไร้เมฆหมอก ตื่นขึ้นมาได้เห็นลูกเห็นหลาน นึกถึงสิ่งดี ๆ ที่จะซึมซับรับรู้ ทุกเช้า ทุกวัน อย่านึก คิด แต่เรื่องแย่ ๆ ร้าย ๆ อย่างเดียว ผูกจิตให้อยู่กับปัจจุบัน ให้มีความรู้สึกตัว ให้มีความสงบ สมาธิ และอย่างที่อาตมาแนะนำ

ในเมื่อเรามีเวลาว่างเยอะ ใช้เวลาว่างทำสิ่งที่มีประโยชน์สร้างสรรค์ เห็นผลชัดเจน เช่น จัดบ้าน จัดตู้หนังสือ เคลียร์ข้าวของที่ซื้อมารกบ้าน ปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ มีประโยชน์มากนะ เราได้เห็นต้นไม้ที่เราดูแลเขียวขจี ออกดอก จิตใจเราจะชื่นบาน จิตใจเราจะมีความหวัง หลายคนที่ป่วย ติดคุก เขาอยู่กับสถานการณ์แบบนั้นได้ เพราะเขาได้ปลูกต้นไม้ เขารดน้ำต้นไม้ เห็นความเจริญงอกงาม จากต้นไม้ที่เขาปลูก จิตใจก็พลอยงดงามไปด้วย

ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วยก็ได้ ให้กำลังใจ หมอ พยาบาล ที่กำลังทำงานหนักอยู่เวลานี้ หรือว่าส่งของไปให้คนที่เขากำลังเดือดร้อน อย่าอยู่นิ่ง ๆ อย่าจมดิ่งอยู่กับความทุกข์ หรือว่าอย่าจมอยู่กับการเสพข้อมูลข่าวสาร ทำประโยชน์ดี ๆ สร้างสรรค์ทั้งหลาย งานจิตอาสา ที่บ้านก็ทำได้ สิ่งเหล่านี้มันเป็นการช่วยเติมเต็ม ความสุขให้กับจิตใจ ทำให้แต่ละวันมีความหมาย แล้วคุณจะรู้เลยว่าในแต่ละวันผ่านไปรวดเร็วมาก ยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็ค่ำแล้ว แล้วสักวันหนึ่งเราจะกลับมาขอบคุณโควิดที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ