โจทก์ไม่มาศาล! นัดไกล่เกลี่ยใหม่ คดี “เหมืองทอง” ฟ้อง “ไทยพีบีเอส” 2 ส.ค.นี้

โจทก์ไม่มาศาล! นัดไกล่เกลี่ยใหม่ คดี “เหมืองทอง” ฟ้อง “ไทยพีบีเอส” 2 ส.ค.นี้

13 ก.ค.2561 เวลา 9.00 น. ที่ศาลอาญารัชดา นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาท คดีที่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด โดยนายสมชาย ไกรสุทธิวงศ์ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจโจทก์ ฟ้องร้องต่อไทยพีบีเอสและบุคคลากรรวม 5 คน เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.3756/2558 ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและโทรทัศน์ เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท

นัดไกล่เกลี่ยคดีเหมืองทองฟ้องไทยพีบีเอส

โจทก์ไม่มาศาล! นัดไกล่เกลี่ยใหม่ คดี “เหมืองทอง” ฟ้อง “ไทยพีบีเอส” 2 ส.ค.นี้ .13 ก.ค.2561 เวลา 9.00 น. ที่ศาลอาญารัชดา นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาท คดีที่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด โดยนายสมชาย ไกรสุทธิวงศ์ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจโจทก์ ฟ้องร้องต่อไทยพีบีเอสและบุคคลากรรวม 5 คน เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.3756/2558 ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและโทรทัศน์ เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท.วันนี้ผู้มีอำนาจฝ่ายโจทก์ไม่มาศาล แต่การพูดคุยระหว่างทนายโจทก์ กับทนายจำเลยรวมทั้งจำเลยที่มาศาล มีทางจะตกลงกันได้ ศาลจึงเลื่อนไปนัดประนอมข้อพิพาทอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 2 ส.ค. 2561 เวลา 13.30 น. .นายแสงชัย รัตนเสรีวงษ์ ทนายจำเลยกล่าวว่า การเจรจาวันนี้ไม่มีความคืบหน้า แต่ในวันนัดครั้งหน้าคาดว่าตัวแทนผู้มีอำนาจตัดสินใจของโจทก์จะเดินทางมาศาล และน่าจะได้รู้ผลของการพูดคุยในวันนั้น.นายแสงชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับการพูดคุยกันในวันนี้ทางจำเลยได้มีการหารือกันมาและมีหลักการชัดเจนว่าการเสนอข่าวสารไม่ได้มีอะไรที่ผิดจากข้อเท็จจริง ."เรายืนยันในการทำหน้าที่เป็นสื่อสาธารณะ เป็นปากเป็นเสียงของประชาชน" นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าว ไทยพีบีเอส กล่าว.นายก่อเขต ระบุด้วยว่า นักข่าวพลเมืองก็เป็นประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ในท้องถิ่น เมื่อมีสิ่งใดก็ตามที่จะมากระทบต่อสภาพแวดล้อม หรือมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นั่น เขาย่อมมีสิทธิที่จะบอกกล่าวและนำเสนอให้สังคมได้รับทราบ.ส่วนข้อเสนอ นายก่อเขตกล่าวว่า ควรมีการถอดฟ้องต่อเยาวชนนักข่าวพลเมือง ในกรณีที่บริษัทฯ ไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.มีนบุรี และเท่าที่ฟังจากทนายโจทก์ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะบริษัททุ่งคำเองก็ไม่ได้มีเจตนาฟ้องร้องเอาเป็นเอาตายกับไทยพีบีเอสและเยาวชนนักข่าวพลเมือง.ขณะเดียวกันไทยพีบีเอสเองก็ยินดีที่จะเปิดพื้นที่ให้กับบริษัททุ่งคำในการเปิดข้อมูลต่อสาธารณะ ทั้งในส่วนข้อมูลของบริษัทเองและข้อมูลในฝั่งชาวบ้าน .คลิกอ่าน : https://www.citizenthaipbs.net/node/23685.#เหมืองทอง #ไทยพีบีเอส

นักข่าวพลเมือง (ThaiPBS)さんの投稿 2018年7月13日金曜日

บุคคลที่เดินทางมาศาล ประกอบด้วย ทนายความของจำเลยทั้ง 5 คน, นางสาวสุวรรณา สมบัติรักษาสุข รอง ผอ.ส.ส.ท. ในฐานะผู้แทนไทยพีบีเอส, นางสาววิรดา แซ่ลิ่ม จำเลยที่ 1, นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผอ.สำนักข่าว จำเลยที่ 4, นางสลิลโรจน์ โชติลภัส ในฐานะผู้แทนนายประกัน, นายสมเกียรติ จันทรสีมา ผอ.สำนักเครือข่ายสื่อสาธารณะ ขณะที่ฝั่งโจทก์มีเพียงนายฐปนรรฆ์ คามวัลย์ ทนายโจทก์ที่มาศาล

ในการประนีประนอมข้อพิพาททนายโจทก์ได้พูดคุยกับทนายจำเลยและจำเลยว่า ทางบริษัททุ่งคำตอนนี้มีผู้บริหารเข้ามาใหม่ ซึ่งยังไม่ได้พูดคุยในรายละเอียดว่าจะทำอย่างไรเกี่ยวกับคดีนี้ แต่มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะมีทางตกลงกันได้ที่จะหาทางออกร่วมกันเพราะคดีนี้เป็นคดีกันมาหลายปีแล้ว ประกอบกับผู้บริหารใหม่อาจมีแนวทางที่ดีที่จะนำเสนอให้ทุกฝ่ายพอใจ จึงขอเลื่อนคดีไปอีกครั้งในวันที่ 2 ส.ค. 2561 เวลา 13.30 น.

นายแสงชัย รัตนเสรีวงษ์ ทนายจำเลยกล่าวว่า การเจรจาวันนี้ไม่มีความคืบหน้า แต่ในวันนัดครั้งหน้าคาดว่าตัวแทนผู้มีอำนาจตัดสินใจของโจทก์จะเดินทางมาศาล และน่าจะได้รู้ผลของการพูดคุยในวันนั้น

นายแสงชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับการพูดคุยกันในวันนี้ทางจำเลยได้มีการหารือกันมาและมีหลักการชัดเจนว่าการเสนอข่าวสารไม่ได้มีอะไรที่ผิดจากข้อเท็จจริง

“เรายืนยันในการทำหน้าที่เป็นสื่อสาธารณะ เป็นปากเป็นเสียงของประชาชน นักข่าวพลเมืองก็เป็นประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ในท้องถิ่น เมื่อมีสิ่งใดก็ตามที่จะมากระทบต่อสภาพแวดล้อม หรือมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นั่น เขาย่อมมีสิทธิที่จะบอกกล่าวและนำเสนอให้สังคมได้รับทราบ” นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าว ไทยพีบีเอส กล่าว

นายก่อเขตกล่าวถึงข้อเสนอด้วยว่า ควรมีการถอดฟ้องต่อเยาวชนนักข่าวพลเมือง ในกรณีที่บริษัทฯ แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.มีนบุรี และเท่าที่ฟังจากทนายโจทก์ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะบริษัททุ่งคำเองก็ไม่ได้มีเจตนาฟ้องร้องเอาเป็นเอาตายกับไทยพีบีเอสและเยาวชนนักข่าวพลเมือง ขณะเดียวกันไทยพีบีเอสเองก็ยินดีที่จะเปิดพื้นที่ให้กับบริษัททุ่งคำในการเปิดข้อมูลต่อสาธารณะ ทั้งในส่วนข้อมูลของบริษัทและข้อมูลในฝั่งชาวบ้าน

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก จากการสื่อสารประเด็นของเยาวชนนักข่าวพลเมือง ผ่านรายการนักข่าวพลเมืองตอนค่ายเยาวชนฮักบ้านเจ้าของ เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2558 ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส นำมาสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำใน จ.เลย ต่อไทยพีบีเอสและบุคคลากร ไปจนถึงมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับเยาวชนนักข่าวพลเมือง

ที่ผ่านมาไทยพีบีเอสได้ดำเนินการช่วยเหลือทางคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องตามระเบียบขององค์กร รวมทั้งสื่อสารประเด็นเพื่อสร้างความเข้าใจต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งการฟ้องร้องดำเนินคดีกับเยาวชนนักข่าวพลเมืองได้ยุติไป เนื่องจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเลยมีความเห็นไม่อนุญาตให้ผู้เสียหายฟ้องเยาวชนนักข่าวพลเมืองต่อศาลเยาวชนและครอบครัว ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีกับสถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี กล่าวหาเยาวชนนักข่าวพลเมืองว่าหมิ่นประมาท โดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพระบายสี ภาพยนตร์ฯ ไม่มีการดำเนินคดีต่อ

สำหรับคดีที่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด โดยนายสมชาย ไกรสุทธิวงศ์ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจโจทก์ ฟ้องร้องต่อไทยพีบีเอสและบุคคลากรรวม 5 คน ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2559 โดยในคำพิพากษาระบุว่า จำเลยทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนหาข่าวในข้อมูลที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม เสนอข้อมูลตามที่มีการตรวจสอบโดยหน่วยงานราชการ แม้จะทำให้เกิดความเข้าใจว่าโจทก์เกี่ยวข้องทำให้เกิดผลกระทบ แต่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ตามข้อเท็จจริง ติชมด้วยความเป็นธรรม ไม่เกินขอบเขตวิสัยที่ประชาชนพึงกระทำได้

ต่อมาโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ และเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2561 ศาลอาญารัชดา อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ประทับฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กับรับฟ้องโจทก์ในคดีส่วนแพ่งไว้พิจารณา และให้มีการนัดพร้อม ในวันที่ 21 พ.ค. 2561 เวลา 09.00 น. ดังนั้น รศ.ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ในฐานะตัวแทนนิติบุคคล และจำเลยทุกคนจึงต้องเดินทางไปศาลในวันและเวลาดังกล่าวเพื่อแสดงตน

สำหรับบริษัท ทุ่งคำ จำกัด เป็นผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ เจ้าของสัมปทานเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่ อ.วังสะพุง จ.เลย มีกรณีการดำเนินการฟ้องร้องระหว่างบริษัทฯ กับกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2550 และผลประกอบการของบริษัทฯ ขาดทุนสะสมเกือบพันล้าน เมื่อปี 2555 ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2561 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด

จากกรณีธนาคารดอยซ์ แบงก์ เอจี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้บริษัทฯ ล้มละลาย และศาลได้มีคําสั่งลงวันที่ 14 ก.พ. 2561 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของบริษัท ทุ่งคํา จํากัด จําเลย เด็ดขาด ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ