จนท.แจงเหตุ “คุมตัว 3 แกนนำเกษตรกรภาคเหนือ” แค่สอบถามความคิดเห็นเผยยังอยู่ดี ขอชาวบ้านเดินทางกลับ ด้านผู้ชุมนุมย้ายไปติดตามการคุมตัวที่ที่ว่าการอำเภอแม่ทา ยันรอกลับพร้อมกัน
2 พ.ค. 2561 เวลาประมาณ 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานสดความคืบหน้ากรณีการจับกุมตัว 3 แกนนำกลุ่มเกษตรกรสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ที่จะเดินทางไปร่วมชุมนุมกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ P-move ที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน โดยอ้างว่าอาจเป็นการทำผิด พ.ร.บ.ชุมนุม จากบริเวณด่านตรวจยาเสพติดถาวรแม่ทา จ.ลำพูน ทั้งนี้ แกนนำทั้ง 3 ถูกเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจทหารกว่า 30 นายเข้าควบคุมตัวเมื่อเวลาประมาณ 15.40 น. หลังจากที่ถูกกักตัวร่วมกับสมาชิก สกน. จ.ลำพูน อยู่บริเวณด่านดังกล่าวมาตั้งแต่เมื่อเวลา 2 ทุ่มวานนี้ (1 พ.ค. 2561)
พ.อ.บรรณวัฒน์ พรหมจรรย์ รอง ผบ.กกล.รส.จว.ลำพูน ชี้แจงกรณีการควบคุมตัว 3 แกนนำสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ประกอบไปด้วย นายประยงค์ ดอกลำไย ที่ปรึกษา P-move และนายสุแก้ว ฟุงฟู รองประธาน สกน. และนายรังสรรค์ แสนสองแคว ประธานโฉนดชุมชนบ้านไร่ดง ไปที่ สภ.แม่ทา จ.ลำพูน
เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า ได้ควบคุมตัว 3 แกนนำเพื่อสอบถามความคิดและทัศนคติ ว่าทำไมมาชุมนุมที่ด่านตรวจยาเสพติดซึ่งเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยขณะนี้ทั้ง 3 ยังอยู่ดี และถูกนำตัวไปที่ที่ว่าการอำเภอแม่ทา ขอให้ชาวบ้านสลายการชุมนุมกลับบ้านไปก่อน
ด้านชาวบ้านยืนยันยังไม่กลับบ้าน และประกาศจะตามไปที่ที่ว่าการอำเภอแม่ทาเพื่อรับตัวทั้ง 3 แกนนำเดินทางกลับพร้อมกัน
ลำดับเหตุการณ์ สกัด P-Move ภาคเหนือ
20.00 น. วันที่ 1 พ.ค.คณะชาวบ้านในจังหวัดลำพูน และจังหวัดเชียงใหม่ ในนามกลุ่ม P-Move ถูกกักตัวไว้ เมื่อช่วง 20.00 น. ของวันที่ 1 พ.ค.61 โดยกลุ่มชาวบ้านกลุ่มจังหวัดลำพูน ถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้ที่จุดตรวจแม่ทาแม่ทา จ.ลำพูน และ ชาวบ้านกลุ่มจังหวัดเชียงใหม่ ถูกกักตัวไว้ที่ จุดตรวจหน้ามหาวิทยาลัยเเม่โจ้ เขต สภ.แม่โจ้ ซึ่งพวกเขากำลังจะเดินทางไปร่วมท่วงถามกับกลุ่ม P-Move ที่นัดเดินทางจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ ไปรวมตัวกันที่กรุงเทพฯ เพื่อติดตามความคืบหน้าการเเก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน และโฉนดชุมชน กับนายกรัฐมนตรี โดยก่อนหน้านี้เเกนนำได้ทำหนังสือขออนุญาตกับคณะรักษาความสงบเรียบร้อยเเล้ว โดยระหว่างการกักตัวชาวบ้าน เจ้าหน้าได้มีการควบคุมคนขับรถทัวร์ของบริษัท บขส. ไปจากจุดตรวจ และเจ้าหน้าฝ่ายปกครองที่พยายามเจรจากับชาวบ้านทั้งสองพื้นที่ให้ยุติการเดินทางเข้าไปที่กรุงเทพฯ โดยให้ข้อเสนอว่า จะให้มีการเปิดเวทีพูดคุยในระดับจังหวัด แต่ชาวบ้านไม่ยินยอม ยังคงปักหลักอยู่ที่จุดกักตัว
10.00 .น (2พ.ค.61) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่โจ้ เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ทหาร นำตัวนายดิเรก กองเงิน ตัวเเทน P-Move เชียงใหม่ พร้อมชาวบ้าน เดินทางไปยังมณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ เพื่อทำบันทึกข้อตกลง MOU ว่าไม่เข้าร่วมเคลื่อนไหวกับP-Move ที่กรุงเทพฯ
000
เวลาประมาณ 11.30 น.ที่ผ่านมา (2พ.ค.61) กลุ่ม P-Move จากหลายจังหวัดทั่วประเทศที่เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลและยื่นขอเรียกร้องกับคณะรัฐมนตรี ผ่านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งนำโดยนายบุญ แซ่จูง เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด เข้าเจรจากับนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) โดยมีข้อเรียกร้องตามแถลงการณ์ ‘ลดความเหลื่อมล้ำ คืนความเป็นธรรม ปกป้องชุมชน’ และมีข้อเสนอเพิ่มเติมให้ปล่อยตัวชาวบ้านทั้งที่ถูกกักตัวไว้ที่ สภ.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่และ จุดตรวจแม่ทา จ.ลำพูน โดยไม่มีเงื่อนไข แต่ก็ยังไม่เป็นผล
13.00 น. สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ นำโดย นายดิเรก กองเงิน ตัวเเทน P-Move เชียงใหม่ ได้ออกแถลงการณ์ ประนามการกระทำการถูกสกัดกั้นจากเจ้าหน้าที่ไม่ให้เดินทางไปน่วมเรียกร้องเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหา ภายหลังที่ถูกปล่อยตัวออกจากมณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่
000
13.45 น. สภ.แม่ทา ลำพูน แจ้งต่อเครือข่าย P-MOVE ที่ถูกกักตัวที่ด่านตรวจแม่ทาว่า ให้เครือข่ายฯขอผ่อนผันตาม พ.ร.บ.ชุมนุมฯ มิเช่นนั้นจะเอาผิดตามม.10 และ 12 ของพ.ร.บ. ซึ่งขณะนี้ตัวแทนเครือข่ายกำลังเดินทางไปผ่อนผัน พร้อมลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับการคุมตัวชาวบ้านในค่าย
ขณะที่นาย นายประยงค์ ดอกลำไย ที่ปรึกษา P-move ได้เดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่เพื่อมาร่วมพูดคุยกับกลุ่มชาวบ้าน ที่ถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้ที่ด่านตรวจแม่ทา จ.ลำพูน พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เดินทางมาพูดคุยกับชาวบ้านเท่านั้น ซึ่งในขณะนั้น มีรองผู้ราชการจังหวัดลำพูน ได้เดินทางมาเจรจาด้วย
000
15.40 น. ที่ด่านแม่ทา ได้มีจนท.ทหารและตร. ประมาณ 30 นาย เข้าควบคุมตัวนายสุแก้ว ฟูงฟู นายประยงค์ ดอกลำไย และนายรังสรรค์ แสนสองแคว แกนนำเครือข่าย P-Move โดย เจ้าหน้าที่ มีการอ่านคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/59 เรื่องการปราบปรามผู้มีอิทธิพล และกระทำความผิดตาม พรบ. การชุมนุมในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงและไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะขัดต่อความมั่นคงและอาจจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ เป็นเหตุในการควบคุมตัว
000
16.00 น. มีการออกแถลงการณ์ถึงความห่วงใยจาก สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “มีความกังวลต่อการจำกัดเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมต่อกลุ่มประชาสังคมในวันแรงงาน และเจ้าหน้าที่ความมั่นคงได้หยุดรถบัสสองคันที่บรรทุกสมาชิกของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-MOVE) จำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน
…………………………………………………………………………………………………………..
แถลงการณ์ UN Human Rights South -East Asia
https://www.facebook.com/UNHumanRightsAsia/posts/1259888717447502
author
