เสียงสะท้อนของคนอีสานกับการแก้กฎหมายบัตรทอง

เสียงสะท้อนของคนอีสานกับการแก้กฎหมายบัตรทอง

พงศธร กาพมณีย์
18 ก.ย. 2560

ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลมีการแก้กฎหมายหลายฉบับในด้านต่างๆ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับสื่อดิจิตอลและอินเตอร์เน็ต กฎหมายด้านเศรษฐกิจและทรัพยากรธรรมชาติ และหนึ่งในนั้นก็คือความพยายามที่จะแก้ไขกฎหมายหลักประกันสุขภาพ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “บัตรทอง”

ดังปรากฏในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมารัฐบาลแสดงออกชัดเจนขึ้นต่อการแก้ไข พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพ โดยให้เหตุผลเรื่องประสิทธิภาพและการบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นั้น ได้ดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมายหลายประเด็น ทำให้รัฐบาลมองว่าจำเป็นต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพและได้จัดให้มีเวทีประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้งหมด 5 เวที ในแต่ละภูมิภาครวมทั้งกรุงเทพมหานคร ทว่าก็ได้มีกระแสการออกมาคัดค้านอย่างกว้างขวาง

หากจะโฟกัสลงมาในภาคอีสานเองก็ได้มีการคัดค้านและล้มเวทีรับฟังความคิดเห็น ซึ่งจัดขึ้นที่ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา จึงเป็นที่ที่มาของการสอบถามไปยังประชาชนในภาคอีสานว่ามีความคิดเห็นอย่างไรต่อการแก้ไขกฎหมายหลักประกันสุขภาพ การแก้ไขครั้งนี้สำคัญต่อชาวอีสานอย่างไร

ภาพ: บรรยากาศการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อ ร่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. … ที่โรงแรมอวานี อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2560
ที่มา: เพจบัตรทองของเรา

จิดาภา เฉียบแหลม ผู้ประสานงานศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพ จ.ขอนแก่น เครือข่ายผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความจำเป็นต่อการใช้สิทธิในพ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพ เรื่องสิทธิในการรักษาพยาบาลจึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีส่วนสำคัญต่องานที่เธอทำกับเครือข่ายผู้ติดเชื้อ โดยเธอได้เล่าให้ฟังว่า พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฉบับเดิมเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ได้รับการรักษาที่ได้มาตรฐาน

สำหรับผู้ที่ป่วยด้วยโรคไวรัสอย่างกลุ่มผู้ติดเชื้อ HIV เอง ก็มีการให้ความรู้ในเรื่องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศ และมียาให้กินอย่างต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมา สปสช.จัดซื้อยาต้านไวรัสได้ในราคาที่ถูก เนื่องจากซื้อเยอะทำให้มีอำนาจการต่อรอง ทำให้ยานั่นราคาถูกลง ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้มากขึ้น

ถ้าหากมีการแก้ไขกฎหมายบัตรทอง แล้วให้กระทรวงสาธารณสุขหรือโรงพยาบาลเป็นผู้รับผิดชอบจัดซื้อยา ซึ่งยังเป็นประเด็นถกเถียงกันว่าหน่วยงานใดมีอำนาจซื้อยาตามกฎหมาย แต่ถึงอย่างไรไม่ว่ากระทรวงสาธารณสุข หรือโรงพยาบาลเป็นผู้จัดซื้อยาก็ยังมีข้อห่วงกังวลคือที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมักซื้อยาราคาที่แพงและไม่มีคุณภาพ อีกทั้งยังเคยมีการทุจริตเรื่องการซื้อยาของกระทรวงฯ จนเป็นข่าวอื้อฉาวมาแล้ว

ส่วนการร่วมจ่ายก็ไม่รู้จะออกมาแบบไหน ก็เกรงว่าจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ป่วย โดยเฉพาะในโรคที่มีค่ารักษาที่สูงประชาชนคนทุกข์คนยากจะอยู่อย่างไร ที่ผ่านมาประชาชนก็ร่วมจ่ายไปแล้วในรูปแบบของการเสียภาษีให้แก่รัฐ

ผู้ประสานงานศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพ จ.ขอนแก่น กล่าวด้วยว่า สิ่งที่กังวลอีกอย่าง คือการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้จะมีการแยกเงินเดือนออกจากเงินรายหัว ซึ่งเดิมที่ผ่านมา สปสช. ได้มีการรวมเงินเดือนไว้ในค่าใช้จ่ายรายหัวของผู้ใช้บัตรทอง ผู้ป่วยอยู่ไหนหมอก็อยู่นั่น จึงสามารถช่วยลดปัญหาแพทย์ขลาดแคลนในชนบทได้ แต่ถ้าหากมีการรวมเงินเดือน อาจจะเกิดการกระจุกตัวของบุคลากรทางการแพทย์ในเมืองใหญ่ๆ และอาจทำให้ชนบทขลาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ รวมไปถึงกระบวนการร้องเรียนในกรณีที่มีความเสียหายจากทางการแพทย์แต่เดิมก็สามารถร้องเรียนได้

“เราได้ประโยชน์เรื่องการดูแลสุขภาพ การคุ้มครองสิทธิ์ เราได้รับการรักษาฟรี ถ้าเราได้รับความเสียหาย ถ้าหากมีความเสียหายทางการแพทย์เราก็ร้องเรียนได้ ถ้าการให้การบริการไม่ดีเราก็สามารถร้องเรียนได้ ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญของ พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพที่ผ่านมา” จิดาภา กล่าว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีหลายฝ่ายยกปัญหา พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพเดิมมาอธิบายว่าสาเหตุที่โรงพยาบาลบางแห่ง “ขาดทุน” จากโครงการบัตรทอง เพราะไม่มีการแยกเงินเดือนบุคลากรออกจากงบเหมาจ่ายรายหัว ซึ่งปัจจุบัน อยู่ที่ 3,109 บาท/คน/ปี ร่างกฎหมายบัตรทองฉบับใหม่ จึงกำหนดให้แยกค่าใช้จ่ายบุคลากรออกมา เพื่อให้สะท้อนต้นทุนการให้บริการที่แท้จริง

แต่ทว่าอาจจะทำให้บุคลากรทางการแพทย์ขอย้ายไปทำงานในโรงพยาบาลที่อยู่ในกรุงเทพฯ หรืออยู่ในเขตเมือง โดยที่ตำแหน่งยังอยู่ในโรงพยาบาลในโรงพยาบาลประจำอำเภอ

ด้านสุวรรณี ศรีสูงเนิน แกนนำชาวบ้านที่รุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยการคัดค้านในเรื่องการทำโรงไฟฟ้าถ่านหินและเหมืองแร่โปแตช อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิและเล็งเห็นความสำคัญของการแก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาะจากการเข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นที่ จ.ขอนแก่นและแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยในเวที

สุวรรณีมองว่า สิทธิหลักประกันสุขภาพทำให้ได้ประโยชน์ตรงที่เวลาคนเจ็บป่วยสามารถไปรับยาจากหมอ ไม่ต้องให้ลูกรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษา เหมือนสมัยที่ยังไม่มี 30 บาท ที่จะต้องจ่ายเงินเอง ชาวบ้านได้ประโยชน์จากการรักษาพยาบาล ซึ่งถ้ามีการแก้ไขกฎหมายชาวบ้านจะลำบากขึ้น อาจต้องหาเงินมารักษาตัวเอง และตอนนี้ทุกบ้านทุกครอบครัวต้องมีคนป่วยอยู่แล้ว

“ชาวบ้านทั่วไปไม่มีเงินเดือน มีเพียงแค่เบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาท ไม่มีสวัสดิการเหมือนราชการ ที่ไม่เดือดร้อนหากมีการแก้ไขกฎหมายบัตรทองและเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบัตรทองมีประโยชน์อย่างไร ที่เขาบอกจะให้ร่วมจ่ายค่ารักษาเป็นแสนจะทำอย่างไร” สุวรรณีกล่าว

นอกจากนี้ยังมีเสียงของภาคประชาชนอีกคน คือเตียง ธรรมอินทร์ แกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ประชาชนที่ลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิในการจัดการทรัพยากรของชุมชน และเป็นอีกหนึ่งคนที่ใช้สิทธิ์หลักประกันสุขภาพในการรักษาพยาบาล กล่าวว่า ถ้าหากมีการแก้ไขกฎหมายบัตรทองมันก็คงไม่ดีถ้าหากให้ประชาชนร่วมจ่าย เพราะถ้าสมมุติค่ารักษาพยาบาลสูงเป็นแสนๆ คงไม่มีเงินจ่าย

อีกประเด็นหนึ่งก็คือคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขกฎหมายบัตรทองส่วนมากก็เป็นข้าราชการ ซึ่งเขาไม่ได้ใช้สิทธิ์บัตรทอง แล้วเขาจะเข้าใจคนที่ใช้บัตรทองอย่างพวกเราได้อย่างไร

“ประโยชน์ของการมีบัตรทองกะคือมันเฮ็ดให้คนป่วยที่บ่มีสิทธิ์รักษาพยาบาลแบบข้าราชการอย่างเฮาสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ บ่ว่าสิเป็นเบาหวาน ความดัน หรือโรคอื่น ที่มีผู้ป่วยหลายในชุมชน ถึงแม้มันจะยังบ่ดีเท่าที่ควรแต่มันกะดีกว่าบ่มี เพราะว่าขนาดมีสิทธิ์รักษาฟรีเฮายังต้องจ่ายค่าเดินทางไปรักษาพยาบาล ซึ่งแต่ละครั้งก็บ่แม่นน้อยๆ” เตียงกล่าวทิ้งท้าย

จากการสัมภาษณ์ประชาชนในภาคอีสานสำหรับการแก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพนั้น มีประเด็นหลักๆ อยู่ 3 ประเด็นคือ

1.การปรับสัดส่วนบอร์ดบริหาร สปสช. ซึ่งดูเหมือนว่าที่นั่งในบอร์ดของภาคประชาชนซึ่งเป็นผู้รับบริการจะถูกลดลงและเพิ่มกลุ่มผู้ให้บริการมาแทน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการกำหนดนโยบายในอนาคต

2.การแยกเงินเดือนบุคลากรออกจากงบเหมาจ่ายรายหัว โดยภาคประชาชนกังวลว่าอาจจะส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์เข้าไปอยู่ในเมืองโดยที่ตำแหน่งยังอยู่ในโรงพยาบาลขนาดเล็กประจำอำเภอ

3.การร่วมจ่ายซึ่งหากมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ประชาชนร่วมจ่ายความกังวลเรื่องภาระที่เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีภาระอยู่แล้ว เช่นค่าเดินทาง ค่าที่พักของญาติ อาจจะต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นจากการร่วมจ่าย ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้เป็นความกงัวลและประเด็นสำคัญที่รัฐบาลจำเป็นต้องคำนึงถึงในการแก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพ

 

 

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ