กลุ่มอาสาสมัครประกาศรับความช่วยเหลือน้ำท่วมร้อยเอ็ดต่อเนื่อง ยังขาดเสื้อผ้า – เครื่องนอน – ยารักษาโรค ด้านศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยจังหวัดร้อยเอ็ดแจงสถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาวจะเพิ่มการระบายน้ำเป็นไม่น้อยกว่า 35 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ส่งผลให้ระดับน้ำในลำน้ำชีเพิ่มสูง ด้านจังหวัดร้อยเอ็ดเผยข้อมูลเบื้องต้นราษฎรได้รับผลกระทบ 71,469 ครัวเรือน
วันนี้ (10 ส.ค. 2560) คุณสมเจตน์ ไชยลาภ ผู้ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น ชุดพลังงานยั่งยืน จ.กาฬสินธุ์ แจ้งขอความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.เสลภูมิ อ.จังหาร อ.เชียงขวัญ และอ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด หลังจากเบื้องต้นมีการระดมความช่วยเหลือในเรื่องอาหารและน้ำดื่มแล้ว แต่ยังขาดแคลนเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ชุดเครื่องนอน ผ้าห่ม เสื่อ ที่นอน และยารักษาโรค โดยเฉพาะยารักษาอาการน้ำกัดเท้า
ล่าสุดเครือข่ายจิตอาสาจะลงพื้นที่ไปสมทบช่วยเหลือประชาชนในวันที่ 13-14 ส.ค. นี้ ผู้มีความประสงค์จะร่วมช่วยเหลือหรือบริจาคสิ่งของจำเป็นต่างๆ สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 084-5111609 (LINE) หรือ Facebook: somchettana chaiyalap
ทั้งนี้ จากข้อมูลสรุปสถานการณ์อุทกภัย ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยจังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2560 แจ้งว่า สถานการณ์น้ำที่ จ.ร้อยเอ็ด หลังได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อนเซินกา (SONCA) ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ โดยในวันที่ 25 ก.ค. 2560 ปริมาณน้ำฝน อยู่ที่่ 70 มม. ต่อมาวันที่ 26 ก.ค. 2560 ปริมาณน้ำฝน 159 มม. และมีฝนตกต่อเนื่องเป็นระยะในวันที่ 27 – 29 ก.ค. 2560 ส่งผลกระทบในพื้นที่ทั้ง 20 อำเภอ
ประกอบกับเขื่อนลำปาว ซึ่งมีความจุ 1,980 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำ 1,736 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 88 เปอร์เซ็นต์ของความจุน้ำในเขื่อน จะเพิ่มการระบายน้ำเป็นไม่น้อยกว่า 35 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ส่งผลให้ระดับน้ำในลำน้ำชีเพิ่มสูงขึ้น ส่วนลำน้ำเสียวมีแนวโน้มทรงตัว สำหรับระดับน้ำในลำน้ำยังมีแนวโน้มลดลง
ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยจังหวัดร้อยเอ็ด ระบุด้วยว่า ทางจังหวัดร้อยเอ็ดได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในบางพื้นที่ของ 20 อำเภอ 159 ตำบล 1,766 หมู่บ้าน ในเบื้องต้นมีประชาชนได้รับผลกระทบ 71,469 ครัวเรือน พื้นที่ที่คาดว่าจะเสียหาย นาข้าว จำนวน 612,033.75 ไร่ พืชไร่ 434 ไร่ พืชสวน 9 ไร่ บ่อปลา 83 บ่อ ถนน 348 สาย ฝาย 36 จุด สะพาน 24 จุด คอสะพาน 4 แห่ง ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบราชการต่อไป