ศูนย์ทนายความฯ-สมาคมนักกฎหมายสิทธิฯ ร้องปล่อยตัว ‘ศรีสุวรรณ จรรยา’ โดยทันที

ศูนย์ทนายความฯ-สมาคมนักกฎหมายสิทธิฯ ร้องปล่อยตัว ‘ศรีสุวรรณ จรรยา’ โดยทันที

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้ปล่อยตัว ‘ศรีสุวรรณ’ จากการควบคุมตัวไม่ชอบในทันที ด้านสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนจี้หยุดการใช้อำนาจโดยอำเภอใจ ส่วนกสม.ชี้ ปชช. มีสิทธิสอบถามปมหมุดคณะราษฎร

18 เม.ย. 2560 กรณีการควบคุมตัวนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจากกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ประมาณ 6-7 นาย จากศูนย์บริการประชาชน ไปยังกองบัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ หลังเดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ติดตามหาหมุดคณะราษฎรรำลึกเหตุการณ์การอภิวัฒน์สยาม 2475 ที่หายไปจากบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า จากที่มีการประกาศไว้ก่อนหน้านี้ในเฟซบุ๊ก Srisuwan Janya

วันอังคารที่ 18 เมษายนนี้เวลา 10.00 น. สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยและเครือข่าย…

โพสต์โดย Srisuwan Janya เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน 2017

ต่อมาศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ปล่อยตัวนายศรีสุวรรณ จรรยา ดังนี้

00000

 

แถลงการณ์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

เรียกร้องให้ปล่อยตัวศรีสุวรรณจากการควบคุมตัวไม่ชอบในทันที

ตามที่วันนี้ (18 เม.ย.60) สมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคม ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบการเปลี่ยน “หมุดคณะราษฎร” ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนทำเนียบรัฐบาล และเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าควบคุมตัว โดยล่าสุดยังไม่ทราบชะตากรรมของนายศรีสุวรรณ จรรยา ว่าถูกควบคุมตัวไปไว้ที่ใด

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเห็นว่าการควบคุมตัวดังกล่าวเจ้าหน้าที่ทหารไม่มีฐานอำนาจทางกฎหมายใดในการควบคุมตัว การควบคุมตัวดังกล่าวเป็นการควบคุมตัวไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันขัดต่อพันธกรณีในข้อ 9 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง(ICCPR)ซึ่งรับรองว่า “บุคคลทุกคนมีสิทธิในเสรีภาพและความปลอดภัยของร่างกาย บุคคลจะถูกจับกุมหรือควบคุมโดยอำเภอใจมิได้” ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตามกติกาดังกล่าว

นางสาวเยาวลักษ์ อนุพันธุ์ หัวหน้าศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า “การยื่นจดหมายขอให้ตรวจสอบการกระทำความผิดนั้นเป็นสิทธิตามกฎหมายซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถกระทำได้ ซึ่งโดยหลักแล้วเจ้าหน้าที่รัฐต้องเข้ามาตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ทหารกลับดำเนินการในทางตรงกันข้ามโดยใช้กำลังเข้าควบคุมตัวผู้ยื่นจดหมายนั้น ซึ่งถือว่าเป็นการควบคุมตัวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำดังกล่าวนั้นยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าประเทศไทยขาดซึ่งสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แม้กระทั่งการใช้ช่องทางการตรวจสอบที่รัฐจัดไว้ให้ก็ไม่สามารถกระทำได้ เราเรียกร้องให้ปล่อยศรีสุวรรณจากการควบคุมตัวไม่ชอบด้วยกฎหมายในทันที”

ด้วยความเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

00000

แถลงการณ์ 
เรียกร้องให้ปล่อยตัวนายศรีสุวรรณ จรรยาโดยทันที และหยุดการใช้อำนาจโดยอำเภอใจ

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวจากสื่อหลายสำนัก อาทิ voice TV, สำนักข่าวประชาไท, BBC Thai ในวันนี้ (18 เมษายน 2560) ว่าเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ทำการควบคุมตัวนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก่อนเข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์รับเรื่องร้องเรียนทำเนียบรัฐบาลเพื่อขอให้มีการติดตามทวงคืนหมุดคณะราษฎร โดยเจ้าหน้าได้พาตัวไปยังสถานที่ควบคุมและล่าสุดยังไม่ทราบชะตากรรม

สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนเห็นว่า การยื่นหนังสือร้องเรียนร้องทุกข์ถือเป็นการดำเนินการตามครรลองปกติเมื่อประชาชนมีเรื่องเดือดร้อน ต้องการให้มีการตรวจสอบหรือต้องการเข้าถึงความยุติธรรม ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ก็ได้บัญญัติรับรองสิทธิของบุคคลในการที่จะเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐไว้ (มาตรา 41) การยื่นหนังสือร้องเรียนจึงเป็นสิทธิที่ประชาชนพึงกระทำได้ ไม่ใช่การกระทำที่เข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ในการจับกุมควบคุมตัวบุคคลไว้ได้ ดังนั้น การที่เจ้าหน้าทที่ขัดขวางการดำเนินการยื่นหนังสือร้องเรียนด้วยการควบคุมตัวบุคคลไว้จึงเป็นการขัดขวางการเข้าถึงความยุติธรรมของประชาชนและละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ

อีกทั้ง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง พ.ศ. 2509 ล้วนรับรองและคุ้มครองสิทธิในชีวิตและร่างกายของบุคคลซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ที่โดยกำหนดห้ามไม่ให้จับกุมและควบคุมตัวบุคคลโดยอำเภอใจ การจับกุมบุคคลสามารถทำได้ต่อเมื่อมีคำสั่งหรือหมายของศาลหรือมีเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ การควบคุมตัวบุคคลไว้โดยไม่มีหมายของศาลและไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและเข้าข่ายเป็นความผิดทางอาญา

สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนมีความเห็นว่า การจับกุมและควบคุมตัวบุคคลโดยอำเภอใจ รวมถึงการจับกุมและควบคุมตัวโดยอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 และ 13/2559 ทำให้บุคคลไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพตามมาตรฐานที่ถูกกำหนดไว้โดยรัฐธรรมนูญและกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี อาทิ การไม่ได้รับแจ้งข้อกล่าวหาและเหตุผลในการจับกุม การไม่แจ้งสถานที่ควบคุมตัวให้ญาติและทนายความทราบ ซึ่งทำให้บุคคลที่ถูกจับกุมหรือควบคุมตัวไม่ได้การคุ้มครองของกฎหมาย และขาดหลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ อันอาจส่งผลให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงตามมา เช่น การทรมาน การถูกบังคับให้หายสาบสูญ เป็นต้น

สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐเคารพต่อกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ดังนี้
1. ให้ปล่อยตัวนายศรีสุวรรณ จรรยาโดยทันที รวมทั้งยุติการใช้อำนาจในการจับกุมหรือควบคุมตัวบุคคลโดยอำเภอใจในลักษณะเช่นนี้อีกในอนาคตด้วย

2. การใช้อำนาจในการจับกุมและควบคุมตัวบุคคล ต้องดำเนินการตามกระบวนการปกติที่ถูกกำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเป็นสำคัญ เพื่อประกันสิทธิเสรีภาพและการเข้าถึงความยุติธรรมของประชาชน

ด้วยความเคารพในสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน

00000

กสม.ชี้ “ศรีสุวรรณ” มีสิทธิสอบถามปมหมุดคณะราษฎร

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า ด้าน นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายศรีสุวรรณ จรรยาว่า การสอบถามหรือขอรับทราบข้อมูลจากรัฐในเรื่องสาธารณะนั้นถือเป็นสิทธิที่ประชาชนสามารถกระทำได้อยู่แล้ว เพราะไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ แต่ก็ยังไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่มีการควบคุมตัวนายศรีสุวรรณด้วยเหตุผลใด มีสาเหตุมาจากอะไร หรือมีการตั้งข้อหาใดหรือไม่

ตรงนี้อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ออกมาชี้แจงถึงเหตุผลในการควบคุมตัวในครั้งนี้ เพราะบริเวณศูนย์บริการประชาชน สำนักงานสำนักปลัดนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นพื้นที่ที่ประชาชนสามารถเข้าไปติดต่อได้ ไม่ใช่สถานที่ต้องห้ามแต่อย่างใด ดังนั้น การควบคุมตัวโดยไม่ชี้แจงเหตุผล อาจจะทำให้ประชาชนคนอื่นไม่กล้าที่จะเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อศูนย์บริการประชาชน

ดูเอกสารเตรียมยื่น แต่ยังไม่ถึงมือนายกฯ

ประชาไท รายงานว่า เอกสาร ที่ศรีสุวรรณ จะยื่นถึงนายกฯ นั้น มีเนื้อหาสรุปว่า การเปลี่ยนหมุดดังกล่าวอาจเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายอาญา ฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ จึงขอให้นายกฯ สั่งตรวจสอบ ว่าบุคคลหรือหน่วยงานใดที่เข้าไปเปลี่ยนแปลง และสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำหมุดเดิม หรือสร้างใหม่ในรูปแบบและข้อความเดิม กลับไปไว้ที่เดิม หากไม่ดำเนินการใดๆตามคำร้องนี้ สมาคมฯขอใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อปกป้องหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก Srisuwan Janya ของ ศรีสุรรณ จรรยาได้เผยแพร่แถลงการณ์ของ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เรื่องขอทวงคืนหมุดคณะราษฎร โดยแถลงการณ์มีรายละเอียดดังนี้

00000

แถลงการณ์
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
เรื่อง ขอทวงคืนหมุดคณะราษฎร

ตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไปว่ามีการเปลี่ยนหมุดคณะราษฎรบริเวณลานหน้าพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งเป็นหมุดที่ทำขึ้นเพื่อสะท้อนเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของชาติไทย อันเนื่องในเหตุการณ์การอภิวัฒน์สยาม 2475 ซึ่งพระยาพหลพลพยุหเสนา หนึ่งในแกนนำคณะราษฎร ได้ยืนอ่านประกาศคณะฉบับที่ 1 เสร็จสิ้นในเวลาย่ำรุ่งของวันที่ 24 มิถุนายน 2475 โดยภายในหมุดเดิมมีข้อความว่า “ณ ที่นี้ 24 มิถุนายน 2475 เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ เพื่อความเจริญของชาติ”

แม้หมุดดังกล่าวจะเคยถูกอำนาจรัฐสั่งรื้อสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองของชาติไทยไปในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ก็ตาม แต่เมื่อพ้นยุคสมัยไปแล้วเลขาธิการรัฐสภาในสมัยนายประเสริฐ ปัทมสุคนธ์ ได้ให้กรุงเทพมหานครเอาหมุดดังกล่าวกลับมาประดิษฐานดังเดิมอีกครั้ง

การที่มีบุคคลหรือหน่วยงานใดได้กระทำการอันพยายามบิดเบือนหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของชาติในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการจัดทำหมุดขึ้นมาใหม่ โดยมีข้อความรอบนอกว่า “ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง” ส่วนข้อความในวงด้านใน ระบุว่า “ขอประเทศสยามจงเจริญยั่งยืนตลอดไป ประชาชนสุขสันต์ หน้าใส เพื่อเป็นพลังของแผ่นดิน” และนำไปสับเปลี่ยนหมุดคณะราษฎรเดิมนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอาญา และขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 57(1) ประกอบมาตรา 78 ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล และหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงวัฒนธรรม จะต้องเร่งดำเนินการนำหมุดคณะราษฎรดังกล่าวกลับมาประดิษฐานยังที่เดิม หากไม่ดำเนินการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญจะใช้สิทธิตามมาตรา 51 ของรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไปแน่นอน

ประกาศมา ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2560
นายศรีสุวรรณ จรรยา
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ