18 มิ.ย. 2558 ตามที่ได้เกิดสถานการณ์วิกฤติน้ำลำโดมใหญ่เน่าเสียตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องน้ำเสียจากบ่อบำบัดของโรงงานแป้งมันสำปะหลังอุบลเกษตรพลังงาน ในเครือกลุ่มบริษัทโรงงานอุบลไบโอเอทานอล จำกัด ไหลลงสู่ลำโดมใหญ่ อ.นาเยีย จ.อุบลราชธานี จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ล่าสุดขณะนี้น้ำเน่าจากลำโดมใหญ่เริ่มไหลเข้าสู่แม่น้ำมูนแล้ว ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบนิเวศลำน้ำมูนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ต่อสถานการณ์ ดังกล่าว สมัชชาคนจน (สคจ.) กรณีเขื่อนปากมูล ได้ออกแถลงการณ์ “กรณีเขื่อนปากมูล ราชการไร้ปัญญา แก้ปัญหาลำโดมเน่ากว่า ๓ เดือนไม่ได้ อยู่ไปเปลืองภาษีประชาชน” ระบุเพื่อเป็นการยับยั้งปัญหาไม่ให้ลุกลามมากไปกว่านี้ สมัชชาคนจนฯ ขอเรียกร้อง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี (ผู้ว่า CEO) เร่งดำเนินการ ดังนี้
1.ให้ย้ายข้าราชการที่ไร้ความสามารถ ดังนี้ สิ่งแวดล้อมภาคที่ 12 อุบลราชธานี อุตสาหกรรมจังหวัดอุบลราชธานี ชลประทานจังหวัดอุบลราชธานี และ ประมงจังหวัดอุบลราชธานี
2.ให้สั่งการให้บริษัทอุบลเกษตรพัฒนา หยุดการเดินเครื่อง
และ 3.ให้ตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำในลำโดมใหญ่เน่าเสีย
ภาพจาก: นักข่าวพลเมืองทีมสื่อสร้างสุข
รายละเอียดแถลงการณ์ มีดังนี้
แถลงการณ์สมัชชาคนจน (สคจ.) กรณีเขื่อนปากมูล ตามที่บริษัทอุบลเกษตรพลังงาน เกิดเหตุคันดินกั้นบ่อบำบัดน้ำเสียแตก และทำให้น้ำเสียของโรงงานจำนวนมากไหลเข้าสู่แม่น้ำลำโดมใหญ่ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา น้ำในลำโดมใหญ่ก็เน่าเสีย และจนทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศโดยเฉพาะสัตว์น้ำ ที่เน่าตายเกลื่อนลำน้ำ รวมถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชนรอบลำโดมใหญ่ ที่ไม่สามารถใช้น้ำในลำโดมใหญ่เพื่ออุปโภคและบริโภคได้ วิกฤติน้ำลำโดมใหญ่ ที่ยืดเยื้อมา กว่า ๓ เดือนนั้น ยังไร้ทางออก ขณะนี้ผลกระทบได้ลุกลามขยายวงกว้างออกไป โดยน้ำเน่าจากลำโดมใหญ่ได้ไหลเข้าสู่แม่น้ำมูนแล้ว ทำให้ประชาชนที่อยู่และอาศัยแม่น้ำเริ่มได้รับผลกระทบแล้ว ต่อสถานการณ์ดังกล่าว มีความชัดเจนว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สิ่งแวดล้อมภาคที่ ๑๒ อุบลราชธานี ชลประทานจังหวัดอุบลราชธานี และประมงจังหวัดอุบลราชธานี รวมถึงอุตสาหกรรมจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการติดตามสถานการณ์รวมถึงดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในคลี่คลาย แต่ที่ผ่านมาซึ่งเป็นเวลากว่า ๓ เดือนแล้ว หน่วยงานดังกล่าวกลับอับจนปัญญา ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หรือแม้แต่การควบคุมปัญหาน้ำลำโดมเน่าให้อยู่ในพื้นที่จำกัดได้ และยิ่งนานวันน้ำลำโดมยิ่งเน่าเสียมากขึ้น และขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ได้ทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย ในการทำหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า มีการ “ใส่เกียร์ว่าง” หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม การที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำลำโดมใหญ่เน่าเสียได้ นั้น ก็ย่อมสะท้อนได้อย่างชัดเจนว่า บุคคลากรของหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อปัญหาดังกล่าวนี้ ไม่มีปัญญา ไร้ความสามารถ ดังนั้นแล้ว จึงไม่ควรให้ราชการที่ไร้ความสามารถอยู่ต่อไปได้ เพราะจะทำให้ปัญหาดังกล่าว ลุกลามบานปลายมากยิ่งขึ้น สมัชชาคนจน (สคจ.) กรณีเขื่อนปากมูล ซึ่งมีสมาชิกในพื้นที่รอบสองฝั่งแม่น้ำมูนในพื้นที่ ๓ อำเภอ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ประกอบอาชีพประมง ในแม่น้ำมูน ขณะนี้น้ำเน่าจากลำโดมใหญ่ได้ไหลเข้าสู่แม่น้ำมูนแล้ว และการที่น้ำเน่าจากลำโดมใหญ่ไหลเข้าสู่แม่น้ำมูน จะทำให้ปลาในแม่น้ำมูนที่มีน้อยอยู่แล้ว ได้รับผลกระทบ และหากเกิดผลกระทบดังเช่นที่เกิดกับลำโดมใหญ่ ที่น้ำเน่าเสียจนปลาตายเกลื่อนลำโดมมาเกิดขึ้นที่แม่น้ำมูน ย่อมจะส่งผลกระทบระบบนิเวศ และการประกอบอาชีพของพวกเราด้วย ดังนั้น เพื่อเป็นการยับยั้งปัญหาไม่ให้ลุกลามมากไปกว่านี้ สมัชชาคนจน (สคจ.) กรณีเขื่อนปากมูล ขอเรียกร้อง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี (ผู้ว่า CEO) เร่งดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้ย้ายราชการที่ไร้ความสามารถ ดังนี้ (๑) สิ่งแวดล้อมภาคที่ ๑๒ อุบลราชธานี (๒) อุตสาหกรรมจังหวัดอุบลราชธานี (๓) ชลประทานจังหวัดอุบลราชธานี (๔) ประมงจังหวัดอุบลราชธานี ๒. ให้สั่งการให้บริษัทอุบลเกษตรพัฒนา หยุดการเดินเครื่อง ๓. ให้ตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำในลำโดมใหญ่เน่าเสีย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการใน ทันที เชื่อมั่นในพลังประชาชน |