ไพจิต ศิลารักษ์ กับความจริงการจับปลาบึกได้หลังปิดเขื่อนปากมูล

ไพจิต ศิลารักษ์ กับความจริงการจับปลาบึกได้หลังปิดเขื่อนปากมูล

หลังจากมีสื่อมวลชนรายงานข่าวผลจากการปิดเขื่อนปากมูลจับปลาบึกขายได้เหยียบแสนบาท ต่อข่าวที่ปรากฎขึ้นมานั้นนายไพจิต ศิลารักษ์ ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน ได้เผยข้อมูลตอบโต้ข่าวดังกล่าว

ไพจิต ระบุว่า กรณีวันที่ 15 ตุลาคม 2557 ที่สื่อมวลชนหลายสำนักได้เผยแพร่ข่าวการจับปลาบึกได้ ที่อำเภอโขงเจียม โดยมีการพาดหัวข่าวว่า “ปิดเขื่อนปากมูลจับปลาบึกขายได้เหยียบแสนบาท” ข่าวดังกล่าวได้ทำให้คนทั่วไปเชื่อ ว่าการจับปลาบึกได้ในครั้งนี้ เป็นผลดีจากการปิดประตูเขื่อนปากมูล ขณะที่ชาวบ้านในพื้นต่างพากันสับสนต่อข่าวดังกล่าว เพราะว่าชาวบ้านจำนวนมากไม่มีใครสามารถจับปลาได้เลย และเพื่อให้ความจริงได้กระจ่าง ทีมงานจึงได้สอบถามข้อมูลว่าคนจับปลาบึกได้ เป็นใคร จับได้ที่ใหน

โดยเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2557 ตนได้ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้าน ซึ่งพื้นที่ที่จับปลาบึกได้ ชื่อ “วังถ้ำใหญ่” ในลำโดมน้อย ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหินกอง ตำบลนิคมลำโดมน้อย อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบล โดยบริเวณดังกล่าวอยู่ด้านท้ายเขื่อนสิรินธร ถัดลงมาตามทางน้ำประมาณ 2 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเขื่อนปากมูล ประมาณ 20 กิโลเมตร ตามทางน้ำ

นายหนูทร แก้วศรี ซึ่งเป็นคนจับปลาบึกได้ อายุ 53 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านลาวารี ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร เล่าให้ฟังว่าเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2557 ลูกชายซึ่งมาได้ภรรยาอยู่ที่บ้านโนนหินกอง ได้โทรศัพท์ไปบออกว่าเขื่อนสิรินธร ทำการเปิดประตูระบายน้ำ ให้รีบมาจับปลาด่วน ซึ่งในช่วงบ่ายตน (ลูกชายนายหนูทร) ได้เจอปลาบึกจำนวน 7 ตัว

เมื่อนายหนูทร ได้รับโทรศัพท์แล้วก็จัดเตรียม “มอง” (ตาข่าย) ขนาด 55 – 60 เซนติเมตร มุ่งหน้าออกจากบ้านลาดวารี ตรงไปยัง “วังถ้ำใหญ” บ้านโนนหินกอง ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร เพื่อจับปลา  และเมื่อเดินทางมาถึงวังถ้ำใหญ่ ก็พบคนหาปลา จำนวน 10 คน (รวมทีมหาปลาแกด้วย) ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณสามทุ่มเศษ

นายหนูทร ได้นำมอง ลงวางขวางลำน้ำโดมน้อย สักพักปลาบึกก็มาติดมอง จึงได้ช่วยกันจับ ทั้งคืนจนสว่างในบริเวณวังถ้ำใหญ่ โดยได้ปลาบึกจำนวน 8 ตัว มีตัวขนาด 100 กิโลกรัม 4 ตัว และอีก 4 ตัว ก็มีน้ำหนักขนาด 65 -80 กิโลกรัม และไม่นับรวมปลาสวายและปลาปึ่ง (ปลาเทโพ) อีกนับ 20 ตัว โดยแต่ละตัวมีน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม

เมื่อได้ปลาบึกแล้วนายหนูทร ได้นำปลาดังกล่าวไปขายให้กับร้านอาหารแม่น้ำสองสี ในราคา กก.ละ 110 บาท เป็นเงินจำนวนกว่า 40,000 บาท ขณะที่ปลาขนาดเล็ก (ปลาปึ่งและปลาสวาย) ก็แบ่งให้แก่ญาติพี่น้องในชุมชนกินกัน และในช่วงสายวันเดียวกันนายหนูทร ก็ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ไปให้แก่ปลาบึกที่ตนเองจับได้ด้วย

นายหนูทร เล่าต่อว่าตนมาหาปลาที่วังถ้ำใหญ่ เป็นปีที่สอง โดยเมื่อปีที่แล้วในช่วงเดียวกันก็มาจับปลาที่นี่ เพราะทราบจากลูกชายว่าเขื่อนสิรินธรเปิดประตูระบายน้ำ ปลาบึก ปลาสวาย ปลาปึ่ง ที่มีการปล่อยในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิรินธร ก็ล่องลงตามน้ำ และมาวนที่วังถ้ำใหญ่ ไม่กล้าเข้าสู่แม่น้ำมูนที่มีกระแสน้ำใหล ปลาเหล่านี้ก็จะวนอยู่ที่เดิม ทำให้จับได้ทั้งคืน

ขณะที่นายสัญญา แจ่มใสดี อายุ 33 ปี ชาวบ้านโนนหินกอง เล่าให้ฟังว่าปีนี้ตนเองรู้ช้า จึงมาจับปลาไม่ทัน โดยเมื่อปีที่แล้วตนเองจับได้หนึ่งตัว โดยใช้มือเปล่าจับ เพราปลาไปติดถ้ำหินออกไม่ได้ ซึ่งปลาที่จับได้มีขนาดน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม

นายหนูทร และนายสัญญา บอกว่าปลาเหล่านี้เป็นปลาปล่อย ที่มาจากเขื่อนสิรินธร เล็ดลอดมาช่วงที่เขื่อนสิรินธรเปิดประตูระบายน้ำ และหากเขื่อนปากมูลเปิดประตูระบายน้ำก็ยิ่งจะจับปลาได้เยอะขึ้น และจับได้ง่ายมาก เพราะน้ำน้อย 

20141910193155.jpg20141910193159.jpg

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ