แอมเนสตี้แสดงท่าทีหลังทางการไทยจับกุมนักกิจกรรม 20 คน เมื่อวันที่ 23-24 มิ.ย. ที่ผ่านมา เรียกร้องให้ทางการไทยยกเลิกข้อหาและปล่อยตัวนักกิจกรรมทุกคน พร้อมตั้งคำถามต่อเสรีภาพของประชาชนช่วงก่อนการลงประชามติเดือนสิงหาคมนี้
ภาพ: ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM)
26 มิ.ย. 2559 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล แถลงแสดงท่าทีต่อการจับกุมนักกิจกรรมอย่างน้อย 20 คนในประเทศไทยช่วงวันที่ 23-24 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่ง 13 คนในนี้ถูกจับจากการแจกเอกสารเกี่ยวกับการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในเดือนสิงหาคม ส่วนอีก 7 คนถูกจับจากการจัดกิจกรรมรำลึกวันเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย
แชมพา พาเทล (Champa Patel) ที่ปรึกษาอาวุโสด้านงานวิจัย สำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่หยาบคายของทางการไทยที่พยายามปิดปากคนเห็นต่าง
“วิธีการที่หยาบคายนี้เป็นการแสดงความพยายามของรัฐบาลทหารไทยอีกครั้งที่จะปิดปากผู้มีความเห็นต่าง ถ้านักกิจกรรมเพียงกลุ่มเล็กๆ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้แจกใบปลิวได้ จะมีความหวังอะไรกับสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมซึ่งเป็นสิ่งที่ควรได้รับการเคารพในช่วงก่อนถึงการลงประชามตินี้?” แชมพากล่าว
นอกจากนี้ แชมพายังชี้แนะทางการไทยด้วยว่า “ถ้ารัฐบาลทหารไทยต้องการได้รับความน่าเชื่อถือด้านสิทธิมนุษยชนที่ถูกทำลายไปอย่างมาก อย่างแรกที่ทำได้คือรัฐบาลต้องหยุดปราบปรามนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวอย่างสงบ และยกเลิกข้อหาต่อพวกเขา”
ทั้งนี้ 13 กิจกรรมที่ถูกจับจากการแจกเอกสารเกี่ยวกับประชามติถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 และฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประชามติ พ.ศ.2559 โดยมี 6 คนยื่นขอประกันตัวและได้รับอนุญาตจากศาลทหารในเวลาต่อมา ขณะที่ 7 นักกิจกรรมที่รำลึกวันเปลี่ยนแปลงการปกครองถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 และฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 โดยทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
ด้าน สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะการใช้กำลังอย่างไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ซึ่งมีนักกิจกรรมถูกบีบคอด้วย พร้อมเรียกร้องให้ทางการไทยปล่อยตัวนักกิจกรรมที่ถูกจับกุมทั้งสองกรณีทันทีแบบไม่มีข้อหา