แอมเนสตี้ฯ ร้องไทยปล่อยตัว ‘วัฒนา เมืองสุข’ ทันทีไม่มีเงื่อนไข ชี้เป็นนักโทษทางความคิด

แอมเนสตี้ฯ ร้องไทยปล่อยตัว ‘วัฒนา เมืองสุข’ ทันทีไม่มีเงื่อนไข ชี้เป็นนักโทษทางความคิด

21 เม.ย. 2559 เว็บไซต์แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยแพร่ปฏิบัติการด่วนเรียกร้องไทยปล่อย ‘วัฒนา เมืองสุข’ เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าสำนักงานเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งอยู่ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ออกปฏิบัติการด่วนเรียกร้องสมาชิกทั่วโลกส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เรียกร้องให้ปล่อยตัวนายวัฒนา เมืองสุข โดยทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข และกระตุ้นทางการไทยอนุญาตให้เขาสามารถติดต่อกับครอบครัวและทนายความได้โดยทันที ได้รับการไต่สวนจากศาลพลเรือนที่เป็นอิสระ ได้รับการรักษาพยาบาลที่เพียงพอ 

ทั้งเรียกร้องทางการอนุญาตให้มีการใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมและการแสดงออกอย่างสงบ และยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2558 ซึ่งให้อำนาจทางการทหารในการสั่งเรียกตัวและควบคุมตัวบุคคลโดยพลการ โดยระบุว่านายวัฒนา เมืองสุขเป็นนักโทษทางความคิดที่ถูกควบคุมตัวเพียงเพราะใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกอย่างสงบ ซึ่งการรณรงค์นี้จะมีไปถึงวันที่ 31 พ.ค. 2559

20162104192800.jpg

## คำแปล ##

 

ปฏิบัติการด่วน

นักโทษทางความคิดต้องได้รับการปล่อยตัว

ทางกองทัพได้ควบคุมตัวนักโทษทางความคิดในประเทศไทย โดยเขาไม่สามารถเข้าถึงทนายความหรือติดต่อกับครอบครัวได้นับเป็นครั้งที่สามนับแต่วันที่ 2 มีนาคม 2559 ที่นายวัฒนา เมืองสุข ถูกควบคุมตัวในสถานที่ของกองทัพ โดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาหรือไต่สวนโดยศาล

นายวัฒนา เมืองสุข อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถูกทางกองทัพควบคุมตัวไว้โดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาหรือไต่สวนโดยศาลและไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอกนับแต่วันที่ 18 เมษายน 2559 โดยเชื่อว่าการควบคุมตัวเขาเป็นผลจากการแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กซึ่งเขาระบุว่าไม่สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญของไทยที่จะมีการทำประชามติในเดือนสิงหาคม 2559 ทั้งยังเชื่อว่ามีการส่งตัวเขาไปควบคุมตัวที่ค่ายทหารนอกกรุงเทพฯ ทั้งนี้ ญาติและทนายความไม่สามารถติดต่อหรือเข้าถึงเขาได้นับแต่ถูกควบคุมตัว

นับเป็นครั้งที่สามแล้วนับแต่วันที่ 2 มีนาคม 2559 ที่นายวัฒนา เมืองสุขถูกทางกองทัพควบคุมตัวโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาหรือไต่สวนโดยศาลโดยเป็นผลจากการใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกอย่างสงบ เขาถูกควบคุมตัวในช่วงวันที่ 2 และ 3 มีนาคม หลังเขียนข้อความในเฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์เหตุผลของทางการที่ใช้อ้างเพื่อเพิ่มการสอดส่องอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทางการทหารควบคุมตัวเขาไว้อีกครั้งเป็นเวลาสามวันตั้งแต่วันที่ 28 ถึง 31 มีนาคมหลังจากเขาวิพากษ์วิจารณ์การควบคุมตัวนายวรชัย เหมะ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในรัฐบาลชุดที่แล้วซึ่งออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ โดยนายวรชัยถูกควบคุมตัวโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาหรือไต่สวนโดยศาลเป็นเวลาสามวัน

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จึงเชิญชวนให้เขียนส่งจดหมายถึงทางการไทยโดยมีข้อเรียกร้องดังนี้

– เรียกร้องทางการให้ปล่อยตัวนายวัฒนา เมืองสุขโดยทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากเขาเป็นนักโทษทางความคิดที่ถูกควบคุมตัวเพียงเพราะใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ

– ระหว่างรอให้มีการปล่อยตัว กระตุ้นให้ทางการอนุญาตให้เขาสามารถเข้าถึงครอบครัวและทนายความที่เป็นอิสระได้โดยทันที และได้รับการไต่สวนจากศาลพลเรือนที่เป็นอิสระเพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของการจับกุม รวมทั้งให้ได้รับการรักษาพยาบาลที่เพียงพอ

– กระตุ้นทางการไม่ให้ควบคุมตัว ดำเนินคดี คุกคามหรือลงโทษบุคคลใดที่ใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก การสมาคมหรือการชุมนุมอย่างสงบ เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศของไทย

– เรียกร้องให้ทางการยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2558 ซึ่งให้อำนาจทางการทหารในการสั่งเรียกตัวและควบคุมตัวบุคคลโดยพลการ โดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอก และให้ยกเลิกเงื่อนไขการปล่อยตัวที่มีการจำกัดสิทธิสำหรับผู้ที่ต้องเข้ารับ “การปรับทัศนคติ”

กรุณาส่งจดหมายก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 ไปยัง

นายกรัฐมนตรี

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

ทำเนียบรัฐบาล

ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต

กรุงเทพฯ 10300 ประเทศไทย

โทรสาร +66 2 2825131

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

นายดอน ปรมัตถ์วินัย 

กระทรวงการต่างประเทศ ถ.ศรีอยุธยา

กรุงเทพฯ 10400 ประเทศไทย

โทรสาร +66 2643 5320 / +66 2643 5314

อีเมล minister@mfa.go.th

ข้อมูลเพิ่มเติม

ทางการทหารซึ่งประกาศใช้กฎอัยการศึกและทำรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจในเดือนพฤษภาคม 2557 ได้กำหนดมาตรการหลายประการซึ่งเดิมประกาศใช้เป็นเพียงการชั่วคราวแต่ยังคงมีผลบังคับใช้จนถึงทุกวันนี้ ทั้งนี้เพื่อจำกัดสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก การสมาคมหรือการชุมนุมอย่างสงบอย่างกว้างขวาง และเป็นการละเมิดอย่างชัดเจนต่อพันธกรณีของไทยที่มีต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

ในบรรดามาตรการที่นำมาใช้เพื่อเพิ่มอำนาจทหารในการควบคุมตัวบุคคล ทั้งการประกาศใช้กฎอัยการศึก และการประกาศใช้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่3/2558ในเวลาต่อมา ซึ่งให้อำนาจทางการควบคุมตัวบุคคลที่ทางการพิจารณาว่าวิพากษ์วิจารณ์ระบอบการปกครองและนโยบายของทางการได้เป็นเวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์และเป็นการควบคุมตัวในสถานที่อย่างไม่เป็นทางการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังคงเรียกร้องต่อไปให้ทางการยกเลิกกฎอัยการศึกและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่3/2558ซึ่งให้อำนาจในการควบคุมตัวบุคคลโดยพลการ และให้ยกเลิกเงื่อนไขที่บุคคลต้องยอมจำกัดสิทธิตนเองเพื่อแลกกับการปล่อยตัวจากการควบคุมตัว ซึ่งคำสั่งทั้งสองได้ถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อปราบปรามผู้วิพากษ์วิจารณ์ และจำกัดการใช้สิทธิของพวกเขา

ทางการอ้างว่าการควบคุมตัวในรูปแบบนี้ซึ่งมักเรียกว่า “การปรับทัศนคติ” เป็นมาตรการเพื่อบังคับให้เกิดความร่วมมือกับรัฐบาล การควบคุมตัวลักษณะนี้เกิดขึ้นในสถานที่ไม่เป็นทางการ ไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา ไม่มีการไต่สวนโดยศาล ไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิจากกระบวนการศาล รวมทั้งไม่สามารถเข้าถึงครอบครัว ทนายความ หรือศาลได้ เงื่อนไขเช่นนี้มีแนวโน้มสนับสนุนให้เกิดการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายอื่น ๆ ซึ่งมักเกิดขึ้นในระหว่างการควบคุมตัวของกองทัพ ทั้งในจังหวัดชายแดนใต้ซึ่งมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกและกฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่ปี 2547 การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายยังเกิดขึ้นในสถานที่ควบคุมตัวอื่น ๆ ทั่วประเทศภายหลังการทำรัฐประหาร

นายวัฒนา เมืองสุขและบุคคลอื่น ๆ ซึ่งเคยถูกเรียกตัวเพื่อเข้ารับ “การปรับทัศนคติ” มักถูกผูกมัดด้วยเงื่อนไขการปล่อยตัวที่คลุมเครือ มีลักษณะบังคับและจำกัดสิทธิ โดยเป็นการควบคุมสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการเดินทาง การแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ รวมทั้งห้ามไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองใด ๆ โดยการละเมิดเงื่อนไขเหล่านี้อาจส่งผลให้บุคคลได้รับโทษจำคุก

รัฐบาลทหารในปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองเพื่อมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งในปี 2560 รวมทั้งการจัดให้มีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในเดือนสิงหาคม 2559 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกังวลว่าทางการจะยิ่งเพิ่มมาตรการจำกัดการใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก การสมาคมหรือการชุมนุมอย่างสงบมากขึ้น ในช่วงมุ่งสู่ขั้นตอนต่อไปตามโรดแม็ปทางการเมืองของรัฐบาลทหารเจ้าหน้าที่ยังคงข่มขู่จะปราบปรามบุคคลที่ดำเนินการในลักษณะที่อาจทำให้บุคคลอื่น “เข้าใจผิด” ต่อรัฐบาล โดยไม่มีการนิยามว่าเป็นการกระทำเช่นใด และยังคงควบคุมตัวผู้วิพากษ์วิจารณ์อย่างสงบโดยไม่มีการตั้งข้อหาหรือไต่สวนโดยศาลทั้งนี้ กฎหมายฉบับหนึ่งที่ผ่านการพิจารณาเมื่อเดือนมีนาคม 2559 ได้กำหนดให้มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปีสำหรับบุคคลใดที่ใช้ถ้อยคำ “หยาบคาย” เพื่อต่อต้านการทำประชามติในเดือนสิงหาคม 2559 และทางการยังคงกำหนดมาตรการทางกฎหมายต่อบุคคลซึ่งกระทำการ “ยุยง” ในช่วงก่อนจะถึงการทำประชามติ ทางการยังระบุว่าอาจบังคับให้บุคคลที่ไม่ยอมเปลี่ยนความคิดภายหลังการควบคุมตัวโดยพลการ ให้ต้องเข้ารับการอบรมตามหลักสูตรปรับทัศนคติทางการเมืองในค่ายทหารอีกด้วย 

เอกสารที่เกี่ยวข้อง: เอกสารฉบับภาษาอังกฤษ (English version)

 

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ