เลื่อนไต่สวนมูลฟ้อง! คดีเหมืองทองเลยฟ้อง ‘นักข่าวพลเมืองไทยพีบีเอส’ เสนอข่าวหมิ่นประมาท

เลื่อนไต่สวนมูลฟ้อง! คดีเหมืองทองเลยฟ้อง ‘นักข่าวพลเมืองไทยพีบีเอส’ เสนอข่าวหมิ่นประมาท

20162103171034.jpg

21 มี.ค. 2559 เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ห้องพิจารณาคดีที่ 812 ศาลอาญารัชดา ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง ในคดีที่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้องไทยพีบีเอสและบุคลากรของไทยพีบีเอสรวม 5 ราย ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสารและโทรทัศน์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 326, 328, 332 พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 4 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และ 16

จากกรณีการรายงานข่าวนักข่าวพลเมือง ตอน ค่ายเยาวชนฮักบ้านเจ้าของ โดยเยาวชนนักข่าวพลเมืองชั้น ม.4 เผยแพร่เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2558 ทางโทรทัศน์และยูทูป 

ตามคำฟ้องของบริษัททุ่งคำฯ ระบุว่า ไทยพีบีเอสได้นำเสนอข่าวสิ่งแวดล้อมและผลกระทบเกี่ยวกับออกค่ายเยาวชนฮักบ้านเจ้าของ ตอน นักสืบลำน้ำฮวยแท้ๆ แน๊ว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 ส.ค. 2558 ที่วัดโนนสว่าง ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย ซึ่งมีการระบุว่าลำน้ำฮวยได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำ ทำให้ใช้ดื่ม ใช้กินไม่ได้ 

โจทก์ฟ้องว่าข้อความดังกล่าวเป็นเท็จ เป็นการใส่ร้ายทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และเกิดผลกระทบต่อธุรกิจให้ได้รับความเสียหาย ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50 ล้านบาท ให้ ส.ส.ท.หยุดประกอบกิจการโทรทัศน์เป็นเวลา 5 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการไต่สวนมูลฟ้องวันนี้ (21 มี.ค.2559) ทนายความและผู้แทนบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ในฐานะโจทก์ได้ขอเลื่อนการไต่สวนคดี เนื่องจากยังไม่ได้รับเอกสารการทำเหมืองแร่ที่เกี่ยวกับลำน้ำฮวยซึ่งได้ยื่นขอต่อสำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จ.เลย ไว้ ส่วนทนายจำเลยไม่คัดค้านหากเป็นเอกสารสำคัญ ศาลจึงเลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องไปเป็นวันที่ 30 พ.ค.59 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ศาลกำชับให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อมสืบในนัดหน้า ไม่เช่นนั้นศาลจะสั่งตามเห็นสมควร

สำหรับจำเลยในคดีนี้ประกอบด้วย 1.นางสาววิรดา แซ่ลิ่ม ผู้ประกาศข่าวนักข่าวพลเมือง 2.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) 3.นายสมชัย สุวรรณบรรณ ผู้อำนวยการ ส.ส.ท.ในขณะนั้น 4.นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ และ 5.นายโยธิน สิทธิบดีกุล เป็นจำเลยที่ 1 ถึง 5 ตามลำดับ

นอกจากนี้ จากเหตุการณ์เดียวกันบริษัททุ่งคำฯ ได้ทำหนังสือขออนุญาตฟ้องเยาวชนนักข่าวพลเมืองผู้รายงานข่าวดังกล่าวในคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาท ต่อสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเลย และยังได้แจ้งความดำเนินคดีกับเยาวชนนักข่าวพลเมืองต่อสถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี (สน.มีนบุรี) ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ จนมีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้ไปให้ปากคำที่ สน.มีนบุรี เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเลื่อนนัด และยังไม่ได้ออกหมายเรียกใหม่

สำหรับคดีเยาวชนในส่วนสถานพินิจฯ ล่าสุดสถานพินิจฯ มีคำสังไม่อนุญาตฟ้อง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงสามารถใช้สิทธิในการฟ้องคดีเยาวชนโดยยื่นคำร้องต่อศาลได้  ตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัว และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 99 วรรคสาม

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ