เลขาธิการแอมเนสตี้ฯ ส่งจดหมายเปิดผนึกกรณีวิกฤตผู้ลี้ภัยในตะวันออกเฉียงใต้

เลขาธิการแอมเนสตี้ฯ ส่งจดหมายเปิดผนึกกรณีวิกฤตผู้ลี้ภัยในตะวันออกเฉียงใต้

20152905143833.jpg

29 พ.ค. 2558 เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ สมาชิกแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลในประเทศไทย เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกของเลขาธิการจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษถึงผู้นำประเทศต่างๆ โดยผ่านนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ตัวแทนรัฐบาลไทยในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดภูมิภาคว่าด้วยการอพยพที่ไม่ปรกติ เพื่อสนับสนุนและยื่นข้อเสนอแนะในการร่วมมือกันหามาตรการระดับประเทศและภูมิภาคเพื่อการแก้ไขวิกฤตผู้ลี้ภัยในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมทั้งนำเสนอตัวเลขผู้สนับสนุนทั่วโลกในการรณรงค์ “ปฏิบัติการณ์ด่วน” เพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่เผชิญความเสี่ยงอยู่กลางทะเลกว่า 6,000 คน โดยมีผู้สนับสนุนร่วมลงชื่อกว่า 27,000 คน ซึ่งรายชื่อดังกล่าวจะรวบรวมส่งถึงรัฐบาลที่เกี่ยวข้องต่อไป

20152905144036.jpg

จดหมายเปิดผนึก: วิกฤตผู้ลี้ภัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ซาลิล เช็ตติ (Salil Shetty) เลขาธิการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลออสเตรเลีย บังคลาเทศ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า สวิตเซอร์แลนด์ ไทย สหรัฐฯ และเวียดนาม เรื่องวิกฤตผู้ลี้ภัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยระบุว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สนับสนุนและ เรียกร้องให้รัฐบาลที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว หาแนวทางความร่วมมือและดำเนินการโดยทันที เพื่อคุ้มครองชีวิตของผู้ที่เสี่ยงภัยในน่านน้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมาตรการระดับประเทศและภูมิภาคต้องสอดคล้องกับความรับผิดชอบของรัฐบาลที่มีต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และเคารพสิทธิมนุษยชนของผู้อพยพเข้าเมืองและผู้แสวงหาที่พักพิง รัฐบาลต้องประกาศมาตรการแก้ปัญหาที่รากเหง้าของวิกฤตครั้งนี้

“แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติตามความรับผิดชอบตามกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ รัฐภาคีอาเซียนต้องปฏิบัติตามกฎบัตรสมาคมแห่งประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (กฎบัตรอาเซียน) โดยเฉพาะข้อ 7 ที่ระบุความมุ่งประสงค์และหลักการของอาเซียน ซึ่งมีหน้าที่ ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน” (ข้อ 1(7))

ที่ผ่านมาในเดือนพฤษภาคม 2558 มีผู้เข้าฝั่งทางเรือกว่า 2,000 คนทั้งในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียโดยจากข้อมูลขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นรายงานว่า ยังมีผู้ถูกทอดทิ้งอยู่กลางทะเลอีกหลายพันคน

สำหรับข้อเสนอแนะมีดังต่อไปนี้

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย

  • ประสานงานในปฏิบัติการค้นหาและช่วยชีวิต เพื่อค้นหาและช่วยเหลือเรือที่อยู่ตกในความยากลำบาก
  • อนุญาตให้เรือซึ่งบรรทุกผู้ลี้ภัยและผู้อพยพเข้าเมืองเข้าฝั่งในประเทศที่ใกล้สุดได้อย่างปลอดภัย และไม่ผลักดันเรือ ไม่ข่มขู่หรือคุกคามในทางใดทางหนึ่งต่อพวกเขา
  • จัดให้มีหรือประกันให้มีการตอบสนองความต้องการด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วนแก่ผู้ลี้ภัยและผู้อพยพเข้าเมือง ทั้งที่เป็นอาหาร น้ำ ที่พักพิง และการดูแลสุขภาพ
  • ให้การประกันว่าผู้ร้องขอที่พักพิงสามารถเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สถานภาพผู้ลี้ภัยได้อย่างเป็นธรรม
  • เคารพหลักการไม่ส่งกลับ โดยประกันว่าจะไม่ส่งตัวบุคคลไปยังสถานที่ใด รวมทั้งในประเทศต้นทาง กรณีที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตและการคุกคามต่อเสรีภาพและอาจเกิดการทรมานขึ้น
  • ประกันไม่ให้มีการเอาผิดทางอาญาต่อบุคคล ไม่ให้กักตัว หรือไม่ให้ลงโทษเพียงเพราะวิธีการเดินทางมาถึงของพวกเขา
  • ให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาว่าด้วยสถานะของผู้ลี้ภัย พ.ศ. 2494 และพิธีสาร พ.ศ. 2510 และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสถานะของผู้ไร้รัฐ (UN Convention relating to the Status of Stateless Persons) และให้นำเนื้อหากฎหมายเหล่านี้ไปบังคับใช้ในกฎหมาย นโยบาย และการปฏิบัติ
  • ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ UNHCR ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่คุ้มครองผู้ลี้ภัยและผู้ไร้รัฐ และสามารถให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคในการจำแนกสถานภาพของผู้ลี้ภัย

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล มีข้อเสนอแนะต่อประเทศกลุ่มเฉพาะ ดังนี้

  • ประเทศมาเลเซียในฐานะเป็นประธานอาเซียน ควรจัดประชุมสุดยอดอาเซียนกรณีฉุกเฉินเพื่อแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามกฎบัตรอาเซียน (ซึ่งระบุว่า “ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนจะ… สนองตอบสถานการณ์ฉุกเฉินที่กระทบต่ออาเซียนโดยดำเนินมาตรการที่เหมาะสม”)
  • ประเทศพม่าต้องยุติการเลือกปฏิบัติและการใช้ความรุนแรงอย่างเป็นระบบต่อชาวโรฮิงญา
  • ประเทศพม่าต้องประกันให้มีการเข้าถึงรัฐยะไข่อย่างเสรี และไม่มีการสกัดกั้น รวมทั้งการเดินทางเข้าไปของหน่วยงานด้านมนุษยธรรม องค์การสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและผู้สื่อข่าว รวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล มีข้อเสนอแนะต่อทุกประเทศดังนี้

  • เพิ่มปริมาณการรับผู้ลี้ภัยเพื่อมนุษยธรรม โดยเฉพาะผู้ลี้ภัยที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตครั้งนี้
  • ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคและการเงินกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือชีวิต รวมทั้งการตอบสนองความต้องการทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของผู้ลี้ภัยและผู้อพยพเข้าเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้

ในกรณีที่ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวผ่านสื่อหลายแขนงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงองค์กรต่างๆ ที่ทำงานด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน ร่วมทั้งแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลให้เข้าร่วมการประชุมในวันที่ 29 พ.ค. ด้วยนั้น [i]

ทางแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลขอเรียนชี้แจงว่าทางองค์การฯ ไม่ได้รับหนังสือเชิญให้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวแต่อย่างใด


[i] “…..ไม่ว่าจะเป็นยูเอ็น หรือสำนักงานข้าหลวงใหญ่ เพื่อผู้อพยพแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) หรือองค์การนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล) ต้องมาคุยกัน โดยวันที่ 29 พ.ค.จะมีตัวแทนมา ต้องคุยกันว่าจะเข้าไปดูแลคนพวกนี้ได้หรือไม่….” (กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, 18 พ.ค. 58)

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

Prev

June 2025

Next

Mon

Tue

Wed

Thu

Fri

Sat

Sun

26
27
28
29
30
31
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
1
2
3
4
5
6

2 June 2025

Nothing to show.

เข้าสู่ระบบ