เครือข่ายผู้ป่วยฯ บุกกรมทรัพย์สินทางปัญญา ขวางแก้ พ.ร.บ.สิทธิบัตร ลักไก่สอดไส้เนื้อหา TPP เอื้อต่างชาติ แหกตา ครม.- สนช. อ้างแก้กฎหมายตามพันธะสัญญาระหว่างประเทศ
27 ม.ค.59 มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย พร้อมด้วยเครือข่ายผู้ป่วย ภาคประชาสังคมด้านสุขภาพและการเข้าถึงยา ประมาณ 70 คน ชุมนุมหน้ากรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เพื่อคัดค้านการแก้ไข พ.ร.บ.สิทธิบัตร โดยระบุมีการลักไก่เอื้อประโยชน์ผู้ขอสิทธิบัตร แต่ลดทอนคุณภาพการตรวจสอบ ตัดขั้นตอนการคัดค้าน แถมแก้สาระสำคัญคำขอได้ เช่นเดียวกับเนื้อหาของความตกลง TPP (ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค) ที่ไทยยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นภาคี
นิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ชี้ว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาจงใจแก้ไข พ.ร.บ.สิทธิบัตรครั้งนี้โดยเอาใจสหรัฐฯ และนักลงทุนต่างชาติ โดยสอดไส้เนื้อหา TPP เช่น ตัดขั้นตอนการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตรที่เป็นกระบวนการตรวจสอบโดยบุคคลภายนอก โดยอ้างว่า ทำให้ล่าช้า ทั้งที่จริงตั้งแต่มีกฎหมายมีการคัดค้านไม่ถึง 1% และยังจะเปิดช่องให้ผู้ขอสิทธิบัตรแก้ไขสาระสำคัญคำขอได้ แต่กลับไม่พยายามแก้ไขให้กฎหมายสิทธิบัตรให้มีความสมดุลย์ระหว่างการดูแลผู้ทรงสิทธิและพิทักษ์ประโยชน์สาธารณะ
“การแก้ไข พ.ร.บ.สิทธิบัตรแต่ละครั้ง ไม่เคยเป็นไปเพื่อประโยชน์ประชาชนเลย ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความอัปยศที่กรมทรัพย์สินฯ ตัดเครื่องมือของประชาชนที่มีไว้เพื่อสร้างความสมดุลย์ของระบบทรัพย์สินทางปัญญา กรมฯทำกฎหมายเพื่อเอาอกเอาใจนายทุน การตั้งคณะกรรมการแก้ไขกฎหมาย มีตัวแทนเอกชน บริษัทยาข้ามชาติ แต่ไม่มีกรรมการภาควิชาการและภาคประชาชน การรับฟังความคิดเห็นเป็นไปอย่างจำกัด ถ้าเราไม่โวย ก็ไม่มีคำเชิญ และชัดเจนว่า การสอดไส้เนื้อหา TPP ครั้งนี้ เป็นการหลอกลวงคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติด้วย เพราะไปอ้างว่า ขอแก้ไขกฎหมายเพื่อยอมรับพิธีสารแก้ไขความตกลงทริปส์ด้านการสาธารณสุขเพื่อการทำซีแอลส่งออกได้”
ทางด้านอนันต์ เมืองมูลไชย ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ แสดงจุดยืนและเสนอข้อคิดเห็นของเครือข่ายผู้ป่วย ภาคประชาสังคมด้านสุขภาพและการเข้าถึงยา ในการแก้ไขกฎหมายสิทธิบัตร โดยมีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้
1.การแก้ไข พ.ร.บ.สิทธิบัตร ถือเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะได้ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เพื่อสร้างความสมดุลย์ระหว่างการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และการคุ้มครองผู้ประดิษฐ์คิดค้น ซึ่งเป็นปรัชญาพื้นฐานของ พ.ร.บ.สิทธิบัตร ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เครือข่ายภาคประชาสังคมซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจะต้องมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในกระบวนการแก้ไขในครั้งนี้ โดยภาคประชาสังคมขอยืนยันว่าต้องมีตัวแทนเครือข่ายภาคประชาสังคมเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการพัฒนากฎหมายสิทธิบัตร ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้แต่งตั้งขึ้น และมีส่วนร่วมในช่องทางอื่นๆ ที่มีอยู่ควบคู่กันไป
2.กําหนดให้การคัดค้านก่อนออกสิทธิบัตร (Pre-grant Opposition) มีระยะเวลานับตั้งแต่วันประกาศโฆษณาไปจนถึงวันที่พิจารณาได้รับสิทธิบัตร
3.กำหนดให้คัดค้านหลังออกสิทธิบัตร (Post-grant Opposition) ภายในระยะเวลา 1 ปีหลังจากวันที่ได้รับสิทธิบัตร
4.ลดระยะเวลาการยื่นคําขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ให้สั้นลงจากที่กําหนดไว้ 5 ปีนับแต่วันประกาศโฆษณา เป็น 1 ปี
5.ในกรณีสิ่งประดิษฐ์ที่เกี่ยวข้องกับเภสัชภัณฑ์ ให้อธิบดีสามารถขอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข และคณะเภสัชศาสตร์ สามารถตรวจสอบการประดิษฐ์ได้
6.กำหนดในกฎหมายให้ชัดเจนว่า การขอแก้ไขคำขอรับสิทธิบัตร ต้องไม่แก้ไขในสาระสำคัญของข้ออ้างสิทธิ
7.เพิ่มบทนิยาม คำว่า “เภสัชภัณฑ์” ดังนี้ “เภสัชภัณฑ์” หมายความว่า ยาตามกฎหมายว่าด้วยยา และให้หมายความรวมถึงน้ำยาหรือชุดทดสอบต่างๆ ที่ใช้ในการวินิจฉัย ป้องกัน ติดตาม บำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค
8.เพิ่มบทบัญญัติกรณีที่ไม่ถือว่าเป็นการประดิษฐ์ที่มีขั้นการประดิษฐ์สูงขึ้น (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๗ วรรคสอง) ดังนี้ “กรณีการประดิษฐ์เกี่ยวกับเภสัชภัณฑ์ที่เป็นการประดิษฐ์ต่างๆ ของสารที่รู้แล้ว เช่น เกลือ เอสเทอร์ อีเทอร์ โพลีมอร์ฟ เมตะโบไลท์ สารบริสุทธิ์ ขนาดอนุภาคไอโซเมอร์ ส่วนผสมของไอโซเมอร์ สารประกอบเชิงซ้อน สารผสมและอนุพันธ์ของสารที่รู้แล้ว ไม่ถือว่าเป็นการประดิษฐ์ที่มีขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น”
9.เพิ่มกลไกการควบคุมราคายาสิทธิบัตร ด้วยการกำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมราคายาสิทธิบัตร เช่นเดียวกับที่มีใน พ.ร.บ.สิทธิบัตรของแคนาดา
10.เพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรเภสัชภัณฑ์ให้ชัดเจน โดยเมื่อมีการขอใช้สิทธิโดยเอกชน ผู้ทรงสิทธิบัตรมีภาระการพิสูจน์ด้วยการส่งข้อมูลสิทธิบัตรของยาตัวนั้นทั้งหมด การนำเข้า การขาย ราคา และอื่นๆ ตามที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ใช้ประกอบการพิจารณาให้มีการใช้สิทธิตามสิทธิบัตร
11.การใช้สิทธิตามสิทธิบัตรของหน่วยงานรัฐ ให้ครอบคลุมหน่วยงานรัฐในลักษณะรัฐวิสาหกิจ เช่น องค์การเภสัชกรรม และหน่วยงานรัฐตามพระราชบัญญัติ เช่น สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพ เป็นต้น
นอกจากนี้ เครือข่ายฯ มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเรื่องการพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านสิทธิบัตร คือกรมทรัพย์สินทางปัญญา ควรจะปรับปรุงฐานข้อมูลและระบบการสืบค้นข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ on-line เพื่อให้สามารถสืบค้นคำขอรับสิทธิบัตรและสิทธิบัตร ได้สะดวก รวดเร็วและให้มีการตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ในกรณีคำขอฯ หรือสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับยาและเวชภัณฑ์ต้องมีรหัสหรือหมายเลข เพื่อให้สืบค้นได้ง่ายว่า คำขอฯ หรือสิทธิบัตรฉบับนั้นอ้างข้อถือสิทธิ์เกี่ยวกับยาและเวชภัณฑ์ใด
ทั้งนี้ ระบบฐานข้อมูลและการสืบค้นฯ ควรเอื้อให้สาธารณะและบริษัทยาอื่นๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องได้อย่างสะดวกรวดเร็ว หากพบว่ามีคำขอฯ ที่ด้อยคุณภาพและไม่มีคุณสมบัติที่สมควรได้รับสิทธิบัตร จะได้ดำเนินการยื่นคัดค้านคำขอฯ ได้ทันท่วงทีในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการผลิตยาภายในประเทศ โดยบริษัทยาหรือหน่วยงานภาครัฐของประเทศไทย อันจะนำไปสู่การสร้างความมั่นคงด้านยาและเวชภัณฑ์ของประเทศ
นอกจากนั้น เครือข่ายผู้ป่วย ภาคประชาสังคมด้านสุขภาพและการเข้าถึงยา ยังได้จัดกิจกรรม “นอนตาย” หน้าห้องประชุมเป็นเวลา 1 ชั่วโมง