6 ส.ค. 2558 ณ ห้องประชุมธิดารัตน์ โรงแรมไทย-ลาวริเวอร์ไซด์ อ.เมือง จ.หนองคาย ประชาชนชาวหนองคายราว 140 คน จากสภาองค์กรชุมชนตำบลต่างๆ ได้เข้าร่วมการประชุมสภาองค์กรชุมชนจังหวัดหนองคาย ครั้งที่ 2/2558 โดยมีหัวข้อการประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์เชิงนโยบาย ปัจจัยคุกคามคนลุ่มน้ำโขง อาทิ ประเด็นของเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำบนแม่น้ำโขงสายหลักตอนล่าง โครงการผันน้ำ เหมืองแร่โปแตช โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เป็นต้น
ในการประชุมผู้นำชุมชนจากตำบลต่างๆ ในจังหวัดหนองคายจำนวน 54 ตำบล ได้นำเสนอผลการดำเนินงานและแลกเปลี่ยนสถานการณ์ โดยบรรยากาศการประชุมในช่วงเช้าเกิดความตึงเครียดเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร ทั้งในและนอกเครื่องแบบราว 10 นาย เข้ามาในห้องประชุม และใช้กล้องโทรศัพท์มือถือบันทึกภาพผู้เข้าร่วมกิจกรรม ขอตรวจดูเอกสาร และขอพบคณะผู้จัดงานในขณะที่วงเสวนาบนเวทีกำลังดำเนินอยู่ โดยได้เชิญผู้ร่วมเสวนาบางคนออกไปคุยนอกห้องประชุม
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารบางส่วนได้กลับออกไป โดยอนุญาตให้การประชุมดำเนินต่อไปได้ แต่ให้เจ้าหน้าที่ทหารในเครื่องแบบ 2 นาย อยู่ร่วมเพื่อบันทึกการประชุม
อ้อมบุญ ทิพย์สุนา คณะทำงานสภาองค์กรชุมชนตำบลจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่าการประชุมนี้จัดตาม พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ.2551 เพื่อเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับฟังความเห็นของสภาองค์กรชุมชนตำบล โดยสภาฯ จังหวัดหนองคาย มีข้อกังวลและข้อเสนอ คือ 1.โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ ยังขาดข้อมูลข่าวสารว่าชุมชน 13 ตำบลที่ถูกประกาศจะได้รับหรือเสียประโยชน์อย่างไร 2.มีข้อกังวลต่อโครงการโรงไฟฟ้าขยะ นิคมอุตสาหกรรม ที่ ต.โพนสว่าง อ.เมือง และ 3.เรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเวทีประชุมให้ข้อมูลในประเด็นดังกล่าวทุกพื้นที่ เพื่อร่วมกันตัดสินใจในการวางแผนการพัฒนาจังหวัดหนองคายอย่างยั่งยืน
สุวิทย์ กุหลาบวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) อีสาน กล่าวว่ากรณีของเหมืองแร่โปแตชนั้น การขออนุญาตสำรวจเป็นสิทธิของบริษัท แต่หากมันกระทบสิทธิชาวบ้าน เราก็มีสิทธิที่จะเรียกร้องขอตรวจสอบข้อมูลได้ ในการดำเนินโครงการต่างๆ นั้น การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสิ่งจำเป็นมาก การจัดเวทีลักษณะนี้ก็เพราะมีความคิดเห็นแตกต่างกัน แนวคิดเรื่องการพัฒนาแตกต่างกัน และเราไม่ได้จะด่าใคร เรายินดีที่จะพูดคุย แต่ถ้าผู้นำคิดผิด มองผิดไปแล้วมันก็ยากที่จะพูดคุยกัน
ธัญญา ตันตระกูล ประชาชนจาก ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย กล่าวถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ซึ่งจะตั้งในชุมชนว่า หน่วยงานใช้เวลานานมากกว่าจะให้ข้อมูลเรา ชาวบ้านต้องดิ้นรนเข้าไปขอผังเมืองมาศึกษาเอง เมื่อไม่มีการศึกษาผลกระทบทางสุขภาพ แล้วประชาชนอย่างเราจะรับมืออย่างไร
ระสันต์ ปานมีศรี ตัวแทนสภาองค์กรชุมชนตำบลเวียงคุก กล่าวว่าสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือ การปกปิดข้อมูลความเจริญหรือการพัฒนาที่จะเข้ามาสู่ จ.หนองคาย ในขณะที่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อส่งแวดล้อมและชุมชนกลับไม่มีการศึกษาและพิจารณาอย่างรอบคอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการประชุมเสร็จสิ้นสภาองค์กรชุมชนได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์เพราะมีสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งไปรอทำข่าว ปรากฏว่าสร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง โดยแจ้งว่า “เจ้านาย” เห็นข่าวแล้วรู้สึกไม่พอใจ
จากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ตำรวจและทหารได้พาแกนนำที่พูดเรื่องเหมืองแร่โปแตส นิคมอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า ไปยังศาลากลางจังหวัดหนองคาย
ต่อมาเวลา 19.00 น.แกนนำสภาองค์กรชุมชนได้ออกจากศาลากลางจังหวัดหนองคาย และเปิดเผยว่า หลังจากการประชุมสภาองค์กรชุมชนที่โรงแรมแห่งหนึ่งเสร็จสิ้น ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เชิญตัวแกนนำสภาองค์กรชุมชนบางส่วนไปยังศาลากลางเพื่อพบผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย โดยมีหัวหน้าหน่วยงานด้านกองกำลังทหาร ผู้แทนศูนย์ดำรงธรรมเข้าร่วมด้วย
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ ได้ต่อว่าทางกลุ่มแกนนำสภาองค์กรชุมชน โดยเฉพาะเรื่องที่มีการนำประเด็นเหมืองแร่โปแตสและเขตเศรษฐกิจพิเศษ มาพูดในที่ประชุมเมื่อช่วงเช้า โดยผู้ว่าฯ มีท่าทีหวาดระแวง เพราะสภาองค์กรชุมชนได้เชิญนายสุวิทย์ กุหลาบวงศ์ แกนนำต่อต้านเหมืองโปแตส จ.อุดรธานี มาให้ความรู้ โดยผู้ว่าฯ บอกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหนองคาย แต่แกนนำสภาองค์กรชุมชนชี้แจงว่าในจังหวัดหนองคายก็อาจโดนผลกระทบจากเหมืองแร่โปแตสเช่นกัน
ขณะเดียวกันแกนนำสภาองค์กรชุมชนพยายามสอบถามถึงเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษหนองคาย เนื่องจากทุกวันนี้ชาวบ้านยังไม่ได้รับข้อมูลเลย แต่ผู้ว่าฯ กลับเงียบและไม่มีคำตอบในเรื่องนี้