ภรรยาบิลลี่เข้ายื่นหนังสือต่อปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอให้พิจาณาสั่งให้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร พักราชการหรือออกจากราชการ
6 ต.ค. 2558 นางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอภรรยาของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำชาวบ้านกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 2557 เข้ายื่นหนังสือต่อปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เพื่อขอให้พิจารณาสั่งให้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการส่วนจัดการต้นน้ำ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พักราชการหรือออกจากราชการ
โดย การพิจารณาดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามมาตรา 101 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ที่ให้อำนาจผู้บังคับบัญชาในการสั่งพักราชการ หรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวน หรือผลการพิจารณาหรือผลแห่งคดีในกรณีที่ข้าราชการพลเรือนสามัญ เหตุถูกฟ้องคดีอาญาร้ายแรง ต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา และถูกสอบสวน
เนื่องจากนายชัยวัฒน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้กระทำการจนเป็นเหตุให้ตกเป็นจำเลยในคดีอาญาร้ายแรง เป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ถูกสอบสวน และผู้ถูกฟ้องคดีในฐานความผิดต่างๆ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้มีผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2557 ว่า นายชัยวัฒน์เป็นผู้กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ในการเข้าผลักดัน รื้อถอน และเผาทำลายทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่บริเวณบ้านบางกลอยบน และบ้านใจแผ่นดินในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
รวมทั้งพนักงานสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 7 ได้ตั้งข้อกล่าวหาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีการจับกุมนายบิลลี่เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557 ซึ่งหลังจากนั้นไม่มีผู้ใดพบเห็นนายบิลลี่อีกเลย โดยคดีนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)
ด้วยเหตุดังกล่าวนี้เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบข้าราชการพลเรือนในการกำกับและบริหารราชการแผ่นดิน นางสาวพิณนภาจึงยื่นหนังสือต่อปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ การยื่นหนังสือมีนายวิชัย สุกิจมงคลกุล ผู้อำนวยการส่วนติดตามตรวจสอบเรื่องร้องเรียน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รับหนังสือแทนปลัดกระทรวง
ด้าน transbordernews รายงานว่า นางสาววราภรณ์ อุทัยรังษี ทนายความสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า นายชัยวัฒน์แม้มีตำแหน่งที่ จังหวัดปราจีนบุรี แต่ยังเข้ามาในพื้นที่แก่งกระจานอย่างต่อเนื่อง การพิจารณาสั่งให้พักราชการหรือออกจากราชการไว้ก่อนจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถสืบสวนสอบสวนได้อย่างเต็มที่และรวดเร็วขึ้น ทั้งยังเป็นผลดีกับนายชัยวัฒน์เองเพราะเมื่อการดำเนินคดีต่างๆ รวดเร็วขึ้น นายชัยวัฒน์ก็มีโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมได้เร็วขึ้น รวมทั้งญาติของนายพอละจีด้วย ซึ่งผลสุดท้ายหากสรุปว่านายชัยวัฒน์ ไม่มีความผิดก็สามารถกลับเข้ามารับราชการตามเดิมได้
ด้านนายวิชัย กล่าวภายหลังการรับหนังสือร้องเรียนว่า ตนจะทำเรื่องเสนอให้ปลัด ทส.พิจารณาโดยเร็วก่อนจะส่งต่อให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อดำเนินการสอบสวนเรื่องดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้อำนาจการพิจารณาอยู่ที่กรมอุทยานฯ โดยในส่วนของกระทรวงจะเร่งดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ส่วนขั้นตอนของกรมอุทยานฯ จะดำเนินการอย่างไรไม่สามารถตอบได้
ต่อข้อถามว่า กรณีข้อร้องเรียนทั้งหมดมีข้อใดบ้างที่พอเป็นความผิดรุนแรง และอาจมีโทษให้พักราชการหรือออกจากราชการได้ และต้องดำเนินการอย่างไรบ้างหากผลพิสูจน์ว่าข้าราชการผิดจริง รวมทั้งระยะเวลาในการพิจารณาข้าราชการระดับดังกล่าวต้องใช้เวลานานเท่าใด นายวิชัย กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ว่าอะไรผิดวินัยร้ายแรงมากที่สุด และต้องพิจารณาข้อร้องเรียนกี่วัน แต่จากอดีตที่เคยเห็นนั้น นั้นขึ้นอยู่กับกรณีที่กระทำ เช่น เคยมีกรณีเจ้าหน้าที่ป่าไม้แอบตัดไม้ในป่า คณะกรรมการในกรมป่าไม้ก็เคยใช้เวลาในการพิจารณานานถึง 3 ปี ผลคือพักราชการ ส่วนกรณีนายชัยวัฒน์ นั้น ข้อร้องเรียนมีหลายข้อก็ต้องพิจารณาเป็นข้อๆ ไป แต่ตนไม่อยู่ในอำนาจในการพิจารณา
เนื้อหาบางส่วนจาก: http://transbordernews.in.th/home/?p=10054