ปมพิพาท ‘ที่สาธารณะโคกปออีกว้าง’ ตัวอย่างการแก้ปัญหาตามนโยบายรัฐที่ไม่เกิดผลภาคปฏิบัติ

ปมพิพาท ‘ที่สาธารณะโคกปออีกว้าง’ ตัวอย่างการแก้ปัญหาตามนโยบายรัฐที่ไม่เกิดผลภาคปฏิบัติ

20161202015438.jpg

รายงานโดย ศรายุทธ ฤทธิพิณ
สำนักข่าวปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน

10 ก.พ. 2559 ชาวบ้านกุดแข้ดอน ต.กุดเชียงหมี อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ร่วมกันรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่สาธารณะประโยชน์โคกปออีกว้าง ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดยโสธร

นายอาทิตย์ สังขะสี อายุ 62 ปี  ชาวบ้านกุดแข้ดอน ต.กุดเชียงหมี อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ผู้ถูกฟ้องคดี กล่าวว่า ภายหลังจากเมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2558 ศาลจังหวัดยโสธรได้นัดไต่สวนกรณีข้อพิพาทพื้นที่สาธารณะประโยชน์โคกปออีกว้าง โดยศาลได้มีคำสั่งให้เก็บเกี่ยวผลผลิตให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แล้วออกไปจากพื้นที่ และห้ามเข้าไปอีก ซึ่งตนเองได้เก็บเกี่ยวข้าว จำนวนกว่า 20 ไร่ เสร็จแล้ว และได้ออกจากที่พิพาทตามคำพิพากษาของศาลแล้ว

นายอาทิตย์ บอกอีกว่า แม้ตนเองและครอบครัวจะสูญเสียการใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกินเดิม พร้อมกับหมดพื้นที่ทำไร่ทำนา ต้องไปหาอาศัยทำกับพี่น้องคนอื่นๆ แต่หลังจากนั้นทางเทศบาลตำบลกุดเชียงหมียังติดใจที่ในพื้นที่ยังมีสิ่งปลูกสร้างหลงเหลืออยู่ เพราะเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาสอดส่องและแอบถ่ายรูปไว้ บางครั้งก็เข้ามาเตือนในท่วงทำนองที่ว่ายังไม่รื้อถอนออกไปให้หมดอีกหรือ 

ทั้งนี้สิ่งปลูกสร้างที่ยังเหลืออยู่เป็นเพียงเล้าไก่เล็กๆ กับเรือนเก็บอุปกรณ์เก่าๆ เช่น เครื่องมือหาปลา ซากคันไถ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดล้วนผุพัง ดังนั้น ในวันนี้ (10 ก.พ.59) จึงพาครอบครัวมาช่วยกันรื้อสิ่งปลูกสร้างให้ค่อยๆ หมดสิ้นไป เพื่อที่จะเป็นการที่แสดงว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล

20161202015859.jpg

20161202015851.jpg

สำหรับกรณีความขัดแย้งในพื้นที่ดังกล่าว นายอาทิตย์ เล่าว่า เรื่องเดิมเกิดขึ้นเมื่อช่วงประมาณปี 2541 พนักงานอัยการจังหวัดยโสธรได้ยื่นฟ้องนายชู สังขะศรี พ่อของเขา และพวกรวม 4 คนซึงเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ในข้อหาบุกรุกที่สาธารณประโยชน์โคกปออีกว้าง ในช่วงระหว่างรอการพิจารณาของศาลชั้นต้น บิดาของเขาได้เสียชีวิตลง ต่อมาศาลจังหวัดยโสธรก็ได้มีคำพิพากษาให้ออกจากพื้นที่

จนมาถึงกระบวนการชั้นศาลฎีกา ในปี 2545 ศาลมีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยจำเลยที่เหลือได้ออกจากพื้นที่ดินทำกินไปแล้ว แต่เนื่องจากคิดว่ามีความชอบธรรมในการใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกินที่ได้รับการสืบทอดมาจากพ่อ จึงเรียกร้องต่อรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนตามนโยบายของรัฐบาล ไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล
 
นายอาทิตย์ กล่าวว่า หลังจากเมื่อวันที่ 23.ม.ค.58 ได้มีการประชุมคณะทำงานเร่งรัดติดตามปัญหาผลกระทบความเดือดร้อนของประชาชน ระหว่างขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) กับรัฐบาล พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมมีมติว่า ในระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหา การดำเนินการใดๆ ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตอันปกติสุขของประชาชน และให้สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกินได้ไปพลางก่อนจนกว่ากระบวนการแก้ไขปัญหาจะมีผลเป็นที่ยุติ 

จึงได้กลับเข้าไปทำนาปลูกข้าวตามปกติ เพราะเห็นว่าได้มีมติที่ประชุมตามนโยบายให้สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกินได้ไปพลางก่อน เป็นเหตุให้เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 58 เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลกุดเชียงหมียื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานสอบสวนขอออกหมายจับ กระทั่งเมื่อวันที่ 14 พ.ย.58 พนักงานตำรวจสถานีตำรวจเลิงนกทา ได้เข้ามาจับกุมตัวตนเองกับพวกตามหมายจับของศาลจังหวัดยโสธร กระทั่งได้มีการนัดไต่สวน โดยศาลได้พิจารณาคำสั่งให้เก็บเกี่ยวผลผลิตให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน พร้อมให้ออกจากพื้นที่ ดังที่กล่าวมา

20161202015815.jpg

ด้านนางถาวร ธนสิงห์ กล่าวว่า กรณี นายอาทิตย์ สังขะสีและพวก ที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินคดีนั้น ตนเองพร้อมกับนายไสว มาลัย ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) และสมาชิกกว่า 10 คน ได้ขอเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ณ ศาลากลางจังหวัด ในวันที่ 27 ส.ค.58 เพื่อร่วมชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมขอความธรรม เนื่องจากพื้นที่พิพาทดังกล่าวอยู่ในระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหา

อีกทั้งได้ยื่นหนังสือที่ทางสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร 0105.04/6336 เรียนส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ลงวันที่ 17 ส.ค.58 เรื่องขอให้ชะลอการดำเนินการใดๆ อันจะเป็นมูลเหตุให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานราชการกับราษฏร และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยุติการดำเนินการใดๆ กับนายอาทิตย์ และพวก

“ที่สุดแล้วผลการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนตามนโยบายภาครัฐ ไม่ได้เกิดผลในภาคปฏิบัติเท่าที่ควร ครั้งนั้นปลัดจังหวัดยโสธร ออกมารับหนังสือ พร้อมชี้แจงว่าจะดำเนินการประสานไปยังนายอำเภอเลิงนกทา รวมทั้งพนักงานสอบสวน เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนอันปกติสุขของประชาชน ต่อมาเจ้าพนักงานสอบสวนได้แจ้งการข้อกล่าวหานายอาทิตย์พร้อมพวกรวม 3 ราย คือ นายสมศักดิ์ สังขะศรี นางสาวประกาย สังขะศรี และ นางพิจิตร ศรีอุบล ว่าบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ ปัจจุบันนี้คดีอยู่ในชั้นพนักงานอัยการพิจารณาคดี” นางถาวร กล่าวเพิ่มเติม

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

Prev

May 2025

Next

Mon

Tue

Wed

Thu

Fri

Sat

Sun

28
29
30
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
1

14 May 2025

Nothing to show.

เข้าสู่ระบบ