ครั้งแรก! ฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ฟ้องกลับคดีเรียกค่าเสียหาย หลังถูกบริษัทเหมืองฟ้องแพ่ง-อาญามากว่า 10 คดี

ครั้งแรก! ฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ฟ้องกลับคดีเรียกค่าเสียหาย หลังถูกบริษัทเหมืองฟ้องแพ่ง-อาญามากว่า 10 คดี

กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดเมืองเลย เดินหน้าฟ้องกลับบริษัทเหมืองทองฟ้องคดีสร้างความเสียหาย  หลังศาลพิพากษายกฟ้องคดีป้าย ‘หมู่บ้านนี้ไม่เอาเหมือง’ และ ‘ปิดเหมืองฟื้นฟู’ ครั้งแรกที่ชาวบ้านฟ้องกลับหลังจากถูกบริษัทฟ้องทั้งคดีแพ่งและอาญามากว่า 10 คดี 

20161209141719.jpg

12 ก.ย. 2559 เวลา 09.00 น. ที่ศาลจังหวัดเลย ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย ประมาณ 30 คน เดินทางเข้าร่วมฟังการพิจารณานัดไต่สวนคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล ในคดีฟ้องกลับบริษัททุ่งคำ จำกัด จากกรณีที่ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ 6 คน ประกอบด้วยนายสุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์, นางวิรอน รุจิไชยวัฒน์, นายกองลัย ภักมี, นายสมัย ภักดิมี, นางพรทิพย์ หงส์ชัย และนางมล คุณนา ถูกบริษัททุ่งคำ จำกัด ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท จากการทำป้าย ‘หมู่บ้านนี้ไม่เอาเหมือง’ และ ‘ปิดเหมืองฟื้นฟู’ ซึ่งศาลมีคำพิพากษายกฟ้องคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคดีฟ้องกลับดังกล่าว ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 27 พ.ค.59 เรียกค่าเสียหายจากบริษัททุ่งคำ จำกัดที่ทำให้ชาวบ้านเสียชื่อเสียงและเสียเวลา รวมค่าเสียหายกว่า 3 ล้านบาท (คลิกอ่านข่าว: ‘ฅนรักษ์บ้านเกิด’ ฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย 3 ล้าน คดีเหมืองทองฟ้อง 50 ล้าน ติดป้าย ‘ไม่เอาเหมือง’) และวันนี้ (12 ก.ย. 2559) ศาลนัดไต่สวนคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียม เนื่องจากโจทก์ทั้ง 6 ประสงค์ที่จะดำเนินคดีโดยขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล ก่อนที่จะมีการสืบพยานโจทก์และจำเลย

20161209141802.jpg

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ศาลใช้เวลาไต่สวนคดีในช่วงเช้า ต่อมาเวลา 13.00 น. ทนายความของกลุ่มชาวบ้านได้สรุปคดีในวันนี้ว่า การไต่สวนได้มีการเบิกความสืบพยานโจทก์ 1 คน คือนายสุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ แต่การซักถามยังไม่แล้วเสร็จยัง ทนายจำเลยยังไม่ได้ถามค้าน ศาลให้เลื่อนไปเป็นวันที่ 14 พ.ย. 2559 ในช่วงเช้า

ส.รัตนมณี พลกล้า หนึ่งในทีมทนายความของกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ อธิบายว่า เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย ซึ่งโจทก์คือกลุ่มชาวบ้านต้องวางทุนทรัพย์ในอัตราร้อยละ 2 (ทุนทรัพย์ที่เรียกร้องเกิน 300,000 แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท) ซึ่งชาวบ้านไม่มีกำลังฟ้อง จึงต้องมีการยื่นคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียม และโจทก์ทั้ง 6 คนต้องเบิกความต่อศาล และรอให้การไต่สวนแล้วเสร็จ ศาลจึงจะมีคำสั่งต่อไป

ทั้งนี้ คำฟ้องของชาวบ้าน 6 คน ซึ่งเปลี่ยนสถานะจากการเป็นจำเลยสู่การเป็นโจทก์ฟ้องร้องดำเนินคดีกับบริษัทฯ ระบุว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2558 จำเลยได้นำคดีมาฟ้องโจทก์ทั้ง 6 ต่อศาลจังหวัดเลย เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 574/2558 อ้างว่าโจทก์ทั้ง 6 ร่วมกันก่อสร้างซุ้มประตูทางเข้าหมู่บ้านนาหนองบง ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย มีข้อความว่า ‘หมู่บ้านนี้ไม่เอาเหมือง’ และมีการติดตั้งป้ายประกาศขนาดเล็กอีกหลายป้าย ตลอดถนนทางเข้าหมู่บ้าน โดยมีข้อความลักษณะข้อความที่ว่า ‘ปิดเหมืองฟื้นฟู’ อันเป็นการทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย โดยอ้างว่าเนื่องจากจำเลยเป็นบริษัทที่มีการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ การกระทำของโจทก์ทั้ง 6 ตามฟ้องในคดีดังกล่าวซึ่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของจำเลย ข้อเรียกร้องให้โจทก์ทั้งหกชดใช้เงินแก่จำเลยเป็นเงิน 50 ล้านบาท 

ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2559 ศาลจังหวัดเลยได้มีคำพิพากษายกฟ้องในคดีดังกล่าว โดยวินิจฉัยว่า การกระทำของชาวบ้านดังกล่าวไม่มีกรณีปิดล้อมเหมือง ขัดขวางดำเนินกิจการโดยชอบของโจทก์ แต่กลับเป็นเพียงข้อเรียกร้องการแก้ใขปัญหา จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นและเสนอความเห็นไปยังหน่วยงานราชการที่ไม่เกี่ยวข้อง ที่มีอำนาจแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนหมู่บ้านของตน นับได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต จึงไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และไม่เป็นการละเมิดโจทก์

ดังนั้น การที่จำเลยฟ้องคดีดังกล่าวต่อโจทก์ทั้ง 6 ทั้ง ๆ ที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ทั้งหกและกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ได้ใช้สิทธิในการเรียกร้องหรือร้องเรียนต่อหน่วยงาน หาได้มุ่งหมายให้จำเลยเกิดความเสียหายตามฟ้องในคดีดังกล่าวแต่อย่างใดไม่ แต่จำเลยกลับนำความมาฟ้องโจทก์ทั้ง 6 เป็นคดีต่อศาล อันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและมีความมุ่งหมาย หรือเจตนาที่จะให้โจทก์ทั้ง 6 ได้รับความเสียหาย อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้ง 6 รายละเอียดปรากฎตามคำพิพากษา คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 574/2558 เลขแดงที่ 261/2559 ของศาลจังหวัดเลย ลงวันที่ 30 มี.ค. 2559 เอกสารคำฟ้องหมายเลข 5

ตามสำนวนการฟ้องคดีโดยใช้สิทธิไม่สุจริตของจำเลยดังกล่าว เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้ง 6 ทำให้โจทก์ทั้ง 6 ได้รับความเสียหาย ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ทั้งหก เพราะฉนั้นขอศาลออกหมายเรียกตัวจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้ 1.ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ทั้งหมดจำนวน 3,184,664.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น 2,945,000 บาท นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ทั้ง 6 2.ให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมศาลและค่าทนายความแทนโจทก์ทั้ง 6

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ฟ้องกลับบริษัททุ่งคำ จำกัด เพราะที่ผ่านมาบริษัททุ่งคำ ได้ฟ้องร้องทั้งคดีแพ่งและอาญาต่อชาวบ้านหลายสิบคดี ซึ่งส่วนใหญ่เสมือนเป็นคดีกลั่นแกล้ง หรือแกล้งฟ้องให้เสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย เสียความรู้สึก เสียพลังใจ การที่ชาวบ้านฟ้องกลับย่อมมีความหมายที่สำคัญ ในเรื่องสิทธิโดยสุจริตใจของชาวบ้าน ในการปกป้องรักษาทรัพยากรบ้านเกิด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: 

‘ฅนรักษ์บ้านเกิด’ ฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย 3 ล้าน คดีเหมืองทองฟ้อง 50 ล้าน ติดป้าย ‘ไม่เอาเหมือง’

‘สู้อย่างสุจริต’ ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีป้ายซุ้มประตู ‘หมู่บ้านนี้ไม่เอาเหมือง’

ประมวลคดีเหมืองแร่เมืองเลย VS กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

Prev

May 2025

Next

Mon

Tue

Wed

Thu

Fri

Sat

Sun

28
29
30
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
1

21 May 2025

Nothing to show.

เข้าสู่ระบบ