เครือข่ายภาคประชาชน สภาลมหายใจเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับคำสัมภาษณ์ ของนายวราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กรณีการแก้ปัญหามลพิษฝุ่นละอองและไฟไหม้ในภาคเหนือ โดยในเอกสารแถลงการณ์ระบุว่า จากกรณีที่ นายวราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เข้าสาย ให้สัมภาษณ์สด รายการร้องทุก(ข์)ลงป้ายนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เช้าวันที่ 9 เมษายน 63 ถึงการแก้ปัญหามลพิษฝุ่นละอองและไฟไหม้ในภาคเหนือ มีข้อความหลายตอน ที่ขัดแย้งกับความเป็นจริง และความเข้าใจของประชาชน สภาลมหายใจเชียงใหม่ไม่สบายใจกับคําสัมภาษณ์ดังกล่าว ที่ไม่ได้แสดงเจตจํานงในการพยายามแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่นควัน ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังของภาคเหนือ มีการเบี่ยงเบนประเด็น ทําให้เกิดการ ไขว้เขวเข้าใจผิดจากสังคม
สภาลมหายใจเชียงใหม่ เห็นแย้งกับคําสัมภาษณ์ที่ทําให้เข้าใจผิด เช่น พิธีกรถามเรื่องจุดไฟไหม้ (ฮอตสปอต) ดับไปกี่จุด นายวราวุธ บอกว่าไฟไหม้ทุกจุดในภาคเหนือ เราใช้เวลาไม่นานก็สามารถดับไฟได้ทุกจุด “ศักยภาพของเรา ทั้งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครสามารถดับไฟได้ทุกจุดในเวลาไม่นาน” ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงตลอดสามเดือนมานี้ มีจํานวน ไฟเกิดขึ้นมากบางวันที่จังหวัดเชียงใหม่เกิน 600 จุด รายงานประจําวันของเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าไม่สามารถดับไฟ ต้องคุมเชิงดูไว้ข้ามคืนในหลายครั้ง คําสัมภาษณ์ ชี้สาเหตุแค่มีคนเข้าไปหาของป่า มีคนลอบจุด ทําให้ผู้ฟังไขว้เขว ถึงสาเหตุหลักของปัญหาการเกิดไฟในภาคเหนือ ที่ไม่ใช่มาจากคนลอบเข้าไปจุดเพื่อหาของป่า หรือจากชาวบ้าน เพียงด้านเดียว ยังมีสาเหตุอื่นอีก ที่ไม่กล่าวถึง
พิธีกรถามถึงการสนับสนุนด้านกําลังพล ขวัญกําลังใจ ปัจจัยให้กับเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าอย่างไร นายวราวุธ รีบปฏิเสธว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯ เสียชีวิต ในส่วนเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าสังกัดกระทรวงฯเสียชีวิต (ผูกคอ) ไม่ได้มาจากสาเหตุการดับไฟ โดยจําแนกผู้เสียชีวิต ทั้งพลทหาร ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนอาสา 4 รายที่เสียชีวิตไป ก่อนหน้าว่า “ไม่ใช่เป็นเจ้าหน้าที่” การจําแนกแยก เขาแบ่งเรา ระหว่างเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าของกระทรวงฯ ว่ามีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ ขณะที่ราษฎรจิตอาสา พลทหาร และผู้ใหญ่บ้าน ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ เป็นการนิยามแบบแคบ รัฐบาลควรจะพิจารณาถึงจุดอ่อน ของระบบงานแก้ปัญหา ที่ยังเป็นอันตราย ไม่ใช่รีบปฏิเสธว่าผู้เสียชีวิตเหล่านั้นไม่ใช่เจ้าหน้าที่
นายวราวุธชี้แจงพิธีกรว่า การเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่แขวนคอตัวเองมาจากสาเหตุอื่น ตัดประเด็นที่ ผู้บังคับบัญชาที่ดีควรจะสนใจทิ้งไป ผู้เสียชีวิตเขียนจดหมายกล่าวถึงสภาพการทํางาน “เด็กนายเด็กกู” เอาไว้ใน จดหมายสมควรจะสอบสวนข้อเท็จจริง ไม่ใช่ปัดทิ้งไปด่วนปฏิเสธความบกพร่องของระบบงาน
นายวราวุธ บอกว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉย ให้น้ำหนักความสําคัญของปัญหานี้เทียบเท่าโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งภาคประชาชนกลับเห็นเป็นตรงกันข้าม ภาพรวมของการแก้ปัญหาปีนี้ยังไม่ได้ทุ่มเทสรรพกําลังในระดับ “วาระแห่งชาติ” ปราศจากการเอาใจใส่ของระดับบริหารที่มีผลต่อกําลังใจและการทุ่มเททรัพยากรของผู้ปฏิบัติ ระบบราชการส่วนภูมิภาค แม้จะใช้การบริหารแบบซิงเกิ้ลคอมมานด์แต่หากฝ่ายนโยบายระดับบริหารในรัฐบาล สนับสนุนการจะบูรณาการทรัพยากรต่างๆ จากแต่ละหน่วยกรมกองเป็นไปอย่างยากลําบาก เอาแค่ยอดกําลังพล กว่าหมื่นนาย ที่นายวราวุธอ้างถึง เป็นยอดการโอนเจ้าหน้าที่ เฉพาะช่วงเวลาหรือตลอดระยะเวลา 3 เดือนกันแน่
สภาลมหายใจเชียงใหม่ มีความเห็นต่อการแก้ปัญหานี้ว่า ควรจะเปิดให้เกิดมีการส่วนร่วมระดมสรรพกําลัง สังคมอย่างกว้างขวาง โดยได้ยื่นข้อเสนอและแลกเปลี่ยนความเห็นผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ตรวจราชการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปแล้ว หนึ่งในข้อเสนอก็คือการวางแบบข้อมูลระดมให้ทุกภาคส่วน ร่วมกันแก้ไข การเบี่ยงเบนข้อมูล กล่าวถึงปัญหาเพียงแง่มุมเดียวรังแต่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดตามมา
ซึ่งทางรายการพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ทางฝั่งภาคประชาชน เพื่อให้ข้อมูลด้วยเช่นกัน
ขณะที่สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ ไหม้ต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม 2562 และกรณีไฟไหม้ป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน รุนแรงขึ้นต่อเนื่องในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่าน ซึ่งระหว่างเหตุการณ์มีอาสาสมัครชาวบ้าน เสียชีวิตทุกปี และปีนี้มีอาสาสมัครชาวบ้านเสียชีวิตแล้ว 5 ราย
ซึ่งช่วงบ่ายที่ผ่านมา ( 9 เมษายน 2563) ที่ศูนย์บัญชาการไฟป่าและฝุ่น PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ ไฟป่า หมอกควัน ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน พร้อมประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (วีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์) ร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 ผู้แทน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ผู้บริหาร ทส. ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมการประชุม
รองนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระดมสรรพกำลัง อุปกรณ์เครื่องมือและอากาศยาน เข้าดับไฟ ไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้าง และให้ดับไฟให้สนิท พร้อมเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการประทุของไฟขึ้นซ้ำในพื้นที่เดิม สั่งการไปถึงระดับตำบล หมู่บ้าน ให้จับตากลุ่มเสี่ยง ที่มีพฤติกรรมการเผาป่า หรือหาของป่า ล่าสัตว์ สำหรับผู้ได้รับสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่า เช่น การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามแนวทาง คทช. หากพบว่ามีการเผาในพื้นที่ ให้ตัดสิทธิ์ทันที ให้ทุกหน่วยงานคุมเข้มและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ให้มีการเผาตลอดช่วงห้ามเผาตามที่จังหวัดกำหนด และเร่งเตรียมการรับมือการเผาสำหรับเกษตรกรหลังพ้นช่วงห้ามเผาด้วย สำหรับการจุดไฟเผาป่า ต้องหาตัวผู้กระทำผิดให้ได้ และให้เร่งส่งฟ้องดำเนินคดีโดยเร็ว พร้อมทั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแถลงข่าวการจับกุมและดำเนินคดี เพื่อเป็นการป้องปรามและเป็นตัวอย่างให้ประชาชนรับรู้ ให้จังหวัดดูแลสุขภาพประชาชนจากมลพิษหมอกควัน ส่งเสริมการจัด safe zone ที่บ้าน เพื่อลดผลกระทบจากมลพิษ และเป็นไปตามแนวทางการเฝ้าระวังไวรัสโควิด-19 สำหรับปัญหาหมอกควันข้ามแดน สั่งการให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หยิบยกประเด็นการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน หารือกับประเทศเมียนมา ลาว และกัมพูชาใหม่ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และหลังสิ้นสุดสถานการณ์ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 ถอดบทเรียนหลังการปฏิบัติงาน หรือ After Action Review : AAR เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดและยั่งยืนต่อไป