เวทีสาธารณะ : การเสวนาโต๊ะกลมร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ พ.ศ. … คุ้มครองสิทธิประชาชน………..ได้จริงหรือไม่ ?
วันพุธที่ ๓๐ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๐๙.๓๐-๑๔.๐๐ น.
ณ ห้องประชุมบานบุรี ชั้น ๑๔ โรงแรมบางกอก ชฎา โฮเท็ล ห้วยขวาง กรุงเทพฯ
ปัจจุบันร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ พ.ศ. …(ฉบับรัฐบาล) อยู่ระหว่างการพิจารณารายมาตราของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ รัฐสภา ซึ่งร่างพระราชบัญญัติฯฉบับดังกล่าวมีสาระสำคัญที่มีความแตกต่างกับร่างของภาคประชาชน (ฉบับเข้าชื่อเสนอกฎหมาย) ที่ได้ยื่นต่อประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เพื่อการพิจารณาเทียบเคียงเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๕๔ อาทิ การได้มาซึ่งคณะกรรมการองค์การอิสระฯ อำนาจหน้าที่ในการให้ความเห็นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการให้ความเห็นหรือเสนอให้มีการทบทวนโครงการที่อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงฯ
การติดตามผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ พบว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้มีการ “ตัด” และ “ลด”ประเด็นสาระสำคัญทางกฎหมายดังอ้างถึงข้างต้น ซึ่งอาจเป็นผลให้หลักการสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ ไม่ตรงตามเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้ให้ความสำคัญกับสิทธิและการมีส่วนร่วมในมิติต่าง ๆ โดยเฉพาะในหมวดที่ 12 ว่าด้วยสิทธิชุมชน ซึ่งเน้นให้เห็นถึงการที่บุคคลและชุมชนจะเข้าร่วมกับภาครัฐและภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะองค์การอิสระ ในการจัดการสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ มาตรา 67 วรรค 2
องค์กรผู้ร่วมเข้าชื่อเสนอกฎหมายร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ. … จึงเห็นควรจัดให้มีเวทีสาธารณะนี้ขึ้น เป็นเวทีกลางในการวิพากษ์สาระสำคัญที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ทั้งในประเด็นที่เหมาะสมและข้อห่วงใยที่ต้องมีการปรับปรุง รวมถึงการสื่อสารทำความเข้าใจต่อสามาธารณะชนถึงการคุ้มครองสิทธิและประโยชน์ ที่ประชาชนจะได้รับจากกฎหมายฉบับนี้
วัตถุประสงค์
- เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ต่อการกำหนดนโยบายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สุขภาพ
- เป็นเวทีกลางในการสังเคราะห์ประเด็นสาระสำคัญ ที่อาจถูกละเลย และนำเสนอประเด็นห่วงใย ที่อาจเกิดขึ้นจากการแปรผลไปสู่ภาคปฏิบัติ ภายใต้ร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้
- เพื่อสื่อสารสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณะชน
ประเด็นเสวนาแลกเปลี่ยน
- การวิพากษ์เปรียบเทียบระหว่าง ร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ พ.ศ. …(ฉบับของรัฐบาล) กับ ร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ. … (ฉบับเข้าชื่อเสนอกฎหมายภาคประชาชน)
- การ กำหนดประเภท ขนาด และวิธีปฏิบัติสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน อย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพ สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพที่ส่วนราชการรัฐวิสาหกิจหรือเอกชน จะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ.
กลุ่มผู้ร่วมโต๊ะเสวนา
- ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรอิสระ
- ผู้แทนจากองค์กรเอกชน และองค์กรพัฒนาเอกชน
- ผู้แทนจากองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสุขภาพวะที่ดี
- นักวิชาการ
- สื่อสารมวลชน
ผู้จัดโต๊ะเสวนา
- คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช)
- สมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
- เครือข่ายสิ่งแวดล้อมไทย
- โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนฯ (มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน)
- โครงการเสริมสร้างศักยภาพในการให้ความเห็นต่อการดำเนินโครงการที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
ประสานงาน
- โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการจัดทำนโยบายสาธารณะ
: มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ติดต่อ : คุณภรภัทร พิมพา ๐๘๑-๔๐๙๗๘๘๔
e-mail : ppimpa@gmail.com - โครงการเสริมสร้างโครงการเสริมสร้างศักยภาพในการให้ความเห็นต่อการดำเนินโครงการ
ที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม : กป.อพช.
ติดต่อ คุณอ้อมใจ หนูแดง ๐๒-๖๙๑๑๒๑๖ e-mail : chumchon67@gmail.com
วิพากษ์
- สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฯ ที่ผ่านการพิจารณาของกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ พ.ศ….
- ประเด็นสำคัญที่ถูก “ตัด” และไม่มีการ “ทบทวน” จาก ร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับเข้าชื่อเสนอกฎหมายของภาคประชาชน
- อำนาจหน้าที่ของ “คณะกรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมฯ” ตามร่างพระราชบัญญัติฯ
วิเคราะห์
- สิทธิประโยชน์ที่ประชาชน “ต้อง” ได้รับการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิชุมชน อย่างเป็นธรรมและเป็นจริง
- การเปิดกว้าง “รับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ” ของทุกภาคส่วน ที่มีต่อโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านคุณภาพทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ
- มาตรการป้องกัน และ เยียวยา กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาของรัฐ
ผู้ร่วมเปิดประเด็นเสวนา
- กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ*
- คุณไพโรจน์ พลเพชร ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน(กป.อพช)
- คุณเรวดี ประเสริฐเจริญสุข ประธานสมัชชาองค์กรเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมฯ
- คุณศรีสุวรรณ จรรยา สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน
- คุณสงกรานต์ ป้องบุญจันทร์ โครงการนิธิธรรมสิ่งแวดล้อม
- คุณสุทธิ อัฌชาศัย เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก
- คุณเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ เครือข่ายภาคประชาชนติดตามผลกระทบด้านเหมืองแร่
- คุณสมบูรณ์ คำแหง เครือข่ายภาคประชาชนติดตามผลกระทบ จ.สตูล
- คุณสวาท อุปฮาด สมัชชาคนจน
- และผู้เข้าร่วมการเสวนาทุกท่าน…………………….
ดำเนินรายการ โดย
- คุณหาญณรงค์ เยาวเลิศ อนุกรรมการสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
- คุณภรภัทร พิมพา โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนฯ (มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน)
*อยู่ในระหว่างการประสานงาน
ข้อมูลประกอบ
องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ พ.ศ. …
ที่มา(โดยสรุป)
นับแต่ปี ๒๕๔๐ ซึ่งประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับประชาชน ซึ่งได้รับรองและสิ่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของภาคประชาชน การสร้างหลักประกันในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารรวมทั้งการกระจายอำนาจไปสู่ทุกระดับ ประกอบกับการตื่นตัวของภาคประชาชนในการรวมตัวกันเพื่อจัดการทรัพยากรธรรมชาติด้วยความตระหนักในวิกฤติทรัพยากรธรรมชาติที่เกิดขึ้น จึงมีผลให้ภาคประชาชนมีความสนใจและให้ความสำคัญ เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำนโยบายและการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องและเอต่อการรับรองสิทธิชุมชน เพื่อให้สามารถพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชนท้องถิ่นตนได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในแนวคิด หรือวิธีปฏิบัติที่เกิดขึ้นในรูปแบบต่างๆได้อย่างเหมาะสม
ปี พ.ศ.๒๕๕๐ ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งมีเจตนารมณ์ที่เอื้อต่อกระบวนการมีส่วนร่วมในกระบวนการต่างๆของภาคประชาชนในทุกระดับมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนากลไกทางนโยบายที่มีธรรมาภิบาลด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนดังที่ได้กำหนดไว้ในมาตรา ๖๖ ว่าด้วยการรับรองสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และมาตรา ๖๗ วรรคสอง ว่าด้วยหลักการสำคัญ กล่าวคือ ห้ามมีการโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ หากจะดำเนินโครงการหรือกิจกรรมดังกล่าว จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขสามประการคือ หนึ่งต้องศึกษา และประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในชุมชน สองต้องจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียก่อน และสามต้องให้องค์การอิสระ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนจากสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือก้านสุขภาพให้มีความเห็นก่อนมีการดำเนินการ… การกำหนดหลักการดังกล่าวไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนี้ มีเจตนารมณ์เพื่อให้เป็นหลักประกันสิทธิแก่ประชาชนให้มีการดำเนินชีวิตอยู่อย่างปกติและต่อเนื่องในสิ่งแวดล้อมที่ดี และ/หรือให้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมให้น้อยที่สุด
อย่างไรก็ดีแม้นในบทบัญญัตินี้ได้กำหนดช่วงเวลาเพื่อการดำเนินงานต่อเนื่อง โดยการจัดทำเป็นกฎหมายจัดตั้งองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ นั้น รัฐบาลและรัฐสภาก็ยังมิได้ดำเนินการให้ลุล่วงตามเจตนารมณ์ดังกล่าว คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช) สมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ(สคส.) เครือข่ายสิ่งแวดล้อมไทย และองค์กรเครือข่ายภาคประชาสังคมจึงได้ร่วมกันจัดทำร่างพระราชบัญญัติ องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ…. และได้เข้าชื่อเสนอกฎหมายจำนวน ๑๐,๐๐๐ รายชื่อ (ตามมาตรา ๑๖๗) เพื่อเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวต่อรัฐสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ซึ่งองค์กรเครือข่ายภาคประชาชน องค์กรภาคเอกชน นักวิชาการ และกลุ่มภาคประชาชนสังคมต่างๆทั่วประเทศครอบคลุมในทุกภูมิภาคได้มีการติดตามกลไกการพิจารณา และผลักดันให้มีการออกกฎหมายฉบับนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยผ่านกิจกรรมต่างๆที่หลากหลายทั้งในระดับพื้นที่และสาธารณะ เพื่อหนุนเสริมความรู้ความเข้าใจในกระบวนการทางกฎหมายผ่านสื่อเอกสาร เวทีแลกเปลี่ยนร่วมในแต่ละภูมิภาค และได้สนับสนุนให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงของประชาชน ตามมาตรา ๑๖๗ ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย คือ ร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ…..
การทำงานในระดับเครือข่ายของภาคประชาชนที่ผ่านมา พบว่าประชาชนมีความตื่นตัวในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารทางนโยบายที่เกี่ยวข้องกับตนเองและชุมชน พร้อมการเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อนำเสนอความคิดเห็น สะท้อนการแสดงเจตจำนงทางการเมืองอย่างแข็งขันตื่นตัวของประชาชน แต่ขณะเดียวกันวิกฤติของปัญหาความขัดแย้งเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติทาขาดธรรมาภิบาลยังคงมีต่อเนื่อง เช่นกรณีนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งนับเป็นหนึ่งในหลายสิบโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศที่ขาดการพิจารณาอย่างรอบด้าน รวมถึงปิดกั้นข้อเท็จจริงข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสาธารณะชน โดยเฉพาะประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรงในพื้นที่ก่อสร้าง ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ….. ฉบับเข้าชื่อเสนอกฎหมายภาคประชาชน จึงเป็นทางออกที่เหมาะสมสอดคล้องในการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นนี้ กล่าวถึงกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การคุ้มครองสิทธิประชาชนและทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการติดตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเพื่อนำมาสู่การทบทวนประเด็นที่อาจนำไปสู่การขยายผลที่รุนแรงได้พร้อม
อย่างไรก็ดี ขั้นตอนของการเข้าชื่อเสนอกฎหมายยังคงมีเงื่อนไขในเรื่องของการจัดทำเอกสารแนบ ทำให้สามารถรายชื่อได้จำนวน ๗,๐๕๗ รายชื่อ องค์กรผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายจึงไม่อาจเสนอกฎหมายได้ทันกับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ของสภาแทนราษฎร เพราะจำนวนรายชื่อยังไม่ครบหนึ่งหมื่นรายชื่อตามรัฐธรรมนูญ
ในวันที่ ๑๙ เดือนมกราคม ๒๕๕๔ องค์กรผู้ร่วมเข้าชื่อเสนอกฎหมาย จึงยืนข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติฉบับเข้าชื่อเสนอกฎหมายของภาคประชาชน(พิจารณาในเอกสารแนบ) ต่อประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ พ.ศ….โดยมี คุณหญิงกัลยา โสภณพนิชเป็นประธานฯ เพื่อให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ นำร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ….ฉบับเข้าชื่อเสนอกฎหมายภาคประชาชน พิจารณาร่วมกับร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านการพิจารณารับหลักการของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการบัญญัติกฎหมายที่ได้รับฟังความคิดเห็นและสนองตอบเจตนารมณ์ของประชาชนและเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการออกกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร
ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระฯ ทั้งสองฉบับนี้โดยหลักการส่วนใหญ่ตรงกัน แต่ก็มีข้อแตกต่างกันบ้างในรายละเอียด ซึ่งหากจะยกให้เห็นประเด็นหลักๆ ใน ๓ ประเด็น ดังนี้
- ขั้นตอนการพิจารณาขององค์การอิสระ ในข้อเท็จจริงตามมาตรา ๖๗ วรรค ๒ ให้ความเห็นต่อแผนและโครงการไม่ใช่พิจารณาเป็นโครงการ ซึ่งจะเห็นได้จากร่างรัฐบาล จะให้ความเห็นเมื่อรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ผ่านความเห็นชอบของคณะผู้ชำนาญการที่ สำนักงานนโยบายและแผน ก่อน ซึ่งในร่างของภาคประชาชนที่เราเสนอ ต้องการให้องค์การอิสระฯ ให้ความเห็นตั้งแต่เริ่มมีโครงการ ไม่ใช่พิจารณาหลังการให้ความเห็นชอบแล้วโดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการทั้งภาครัฐและเอกชน ต้องส่งข้อมูลให้แก่องค์การอิสระตั้งแต่ริเริ่มโครงการ
- การประกาศโครงการที่มีผลกระทบรุนแรง ซึ่งในร่างของรัฐบาล ผู้ประกาศคือ กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แต่ในร่างของประชาชน องค์การอิสระเป็นผู้ประกาศ โครงการที่อาจมีผลกระทบรุนแรง ต้องมีการและพิจารณาทบทวนได้ พิจารณาทบทวนโครงการที่ส่งผลกระทบรุนแรง ทุก ๓ ปี และให้ภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบกับโครงการนั้นๆ สามารถเสนอให้องค์การอิสระประกาศเป็นโครงการรุนแรงได้
- การเปิดเผยข้อมูล ร่างของรัฐบาลกำหนดให้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลและให้ความร่วมมือเรื่องเอกสาร ซึ่งไม่มีอำนาจบังคับหน่วยงานที่ไม่ให้ร่วมมือ แต่ในร่างของภาคประชาชน ระบุให้การให้ข้อมูลจะต้องเป็นไปอย่างเปิดเผย และมีอำนาจเรียกเอกสารพร้อมทั้งระบุความผิดทางอาญาไว้
ปัจจุบัน การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯที่ผ่านการพิจารณารับหลักการของสภาผู้แทนราษฏร ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ พ.ศ…. ยังคงดำเนินการต่อเนื่องและคาดว่าจะแล้วเสร็จครบทุกมาตราภายในเดือนมีนาคมนี้ และจากการติดตามผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ พบว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้มีการ “ตัด” และ “ลด”ประเด็นสาระสำคัญทางกฎหมายดังอ้างถึงข้างต้น และไม่ได้มีการนำร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับเข้าชื่อเสนอกฎหมายของภาคประชาชนไปประกอบการพิจารณาซึ่งอาจเป็นผลให้หลักการสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ ไม่ตรงตามเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ได้ให้ความสำคัญกับสิทธิและการมีส่วนร่วมในมิติต่าง ๆ โดยเฉพาะในหมวดที่ 12 ว่าด้วยสิทธิชุมชน ซึ่งเน้นให้เห็นถึงการที่บุคคลและชุมชนจะเข้าร่วมกับภาครัฐและภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะการจัดตั้งองค์การอิสระ ในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ มาตรา 67 วรรค 2 ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลที่ดีที่เป็นหัวใจในการใช้ประโยชน์กฎหมายฉบับนี้
องค์กรผู้ร่วมเข้าชื่อเสนอกฎหมายร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ. … จึงเห็นควรจัดให้มีเวทีสื่อสารสาธารณะขึ้น เพื่อให้เป็นเวทีกลางในการวิพากษ์สาระสำคัญที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ หากผ่านการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งในประเด็นที่เหมาะสมและข้อห่วงใยที่ต้องมีการปรับปรุง รวมถึงการสื่อสารทำความเข้าใจต่อสามาธารณะชนถึงการคุ้มครองสิทธิและประโยชน์ ที่ประชาชนจะได้รับจากกฎหมายฉบับนี้