“คนเมืองแม่ขนิลใต้” พบ “ปกาเกอญอสบลาน”
ชะตากรรมร่วมเมื่อเขื่อนแม่ขานกำลังจะทำให้เขาหายไป
มาฆบูชาปีนี้ พ่อหลวงพันธุ์ จันทร์แก้ว ไม่ได้ไปวัด แต่กลับพาลูกบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางข้ามดอยหลายสิบกิโลจากบ้านแม่ขนิลใต้ ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ มาพบพะตีตอแยะ ปราชญ์ชาวปกาเกอะญอ แห่งบ้านสบลาน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่
แม้จะต่างเผ่าพันธุ์ แต่กำลังประสบชะตากรรมเดียวกัน
หมู่บ้านของเขาทั้งสอง อาจจะต้องจมมิดไปกับผืนน้ำ หากเขื่อนแม่ขานหนึ่งใน 21 เขื่อนตามแผนโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ งบประมาณ 3.5 แสนล้านบาท เกิดขึ้นจริง
——————————–
รถปิคอัพพาพ่อหลวงพันธุ์ลัดเลาะเขา ลึกเข้าใกล้หมู่บ้านที่เป็นตำนานการสัมปทานป่าสักในอดีตของเชียงใหม่ …..ที่เขตลุ่มน้ำแม่ขานแห่งนี้ ยุคหนึ่ง เคยเป็นพื้นที่ให้บริษัทบอมเบย์เบอร์ม่ามาทำสัปทาน และยุคต่อมา บริษัทคนไทยก็ได้รับสัมปทานทำไม้ประดู่ พะยอม ตะเคียน ฯลฯ ซึ่งชาวบ้านคัดค้านจนสัมปทานถูกยกเลิกไปในที่สุด ….
แนวป่าที่ลัดเลาะเข้าหมู่บ้าน ทุกวันนี้ยังเป็นป่าดงดิบและเบญจพรรณต้นสูงใหญ่ที่สมบูรณ์ มีการทำไร่หมุนเวียน นาขั้นบันได และเลี้ยงควาย ตามวิถีปกาเกอญอให้เห็นเป็นระยะ ชาวบ้าน 100 กว่าคนที่นี่อยู่กันแบบเครือญาติ มีวิถีชีวิตผูกพันกับป่าเช่นเก็บของป่า เก็บน้ำผึ้ง ผูกผันลึกซึ้งแม้กระทั่งนำผลไม้ป่ายังนำมาย้อมสีฝ้ายเพื่อทอเสื้อผ้าสวมใส่ในชีวิตประจำวัน
พะตีตอแยะและปกาเกอญอบ้านสบลาน รอพ่อหลวงพันธุ์และชาวบ้านแม่คนิลใต้อยู่บนเรือนที่รายรอบไปด้วยป้ายผ้าแสดงความในใจของคนสบลานต่อโครงการเขื่อนแม่ขาน 1ใน 21 เขื่อนตามโครงการบริหารจัดการน้ำโดยกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท
เขื่อนแม่ขาน กำหนดจุดก่อสร้างบริเวณ ต.น้ำบ่อหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ มีความจุกักเก็บสูงสุดประมาณ 74 ล้านลูกบาศก์เมตร หากก่อสร้างขึ้น หมู่บ้านแม่ขนิลใต้ อ.หางดง ของพ่อหลวงพันซึ่งมีชาวบ้านอยู่ประมาณ 58 ครัวเรือน 200 จน จะต้องกลายเป็นพื้นที่รับน้ำ เช่นเดียวกับบ้านสบลานที่แม้จะห่างจากบ้านแม่ขนิลใต้ และอยู่เหนือจุดก่อสร้างไปกว่า 20 กม.แต่ก็คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมเช่นกัน ชาวบ้าน 33 ครอบครัว 100 กว่าคน ก็ต้องถูกอพยพออกจากวิถีเดิมที่อยู่กันมา นอกจากนั้นชาวบ้านอีก 2,000 คนใน 8 หย่อมบ้านรายรอบจะถูกตัดขาดทางสัญจร พื้นที่เลี้ยงวัวควาย รวมถึงผืนป่าในเขตลุ่มน้ำแม่ขานจะจมลงใต้น้ำจากเขื่อนแม่ขานทันที
พ่อหลวงพันธุ์ พ่อหลวงบ้านแม่ขนิลใต้ อ.หางดง จ.เชียงใหม่
พ่อหลวงพันธุ์ เล่าอดีตเมื่อ 19 ปีที่แล้วว่า โครงการก่อสร้างเขื่อนแม่ขานได้เกิดขึ้นโดยกรมชลประทาน แต่ชาวบ้านก็ต่อสู้มาโดยตลอด ด้วยการยื่นหนังสือคัดค้าน ไปนอนที่ศาลากลาง ยื่นเรื่องต่อกรรมการสิทธิมนุษยชน กระทั่งได้ข้อสรุปว่าให้ชะลอโครงการ แต่ในครั้งนี้โครงการเดิมกลับถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งเพียงเปลี่ยนหน่วยงานรับผิดชอบจาก กรมชลประทาน เป็นกบอ.เท่านั้น”
พ่อหลวงพันธุ์เล่าด้วยว่า ชาวบ้านแม่ขนิลใต้เป็นคนพื้นเมือง ประกอบอาชีพทำนา ที่ผ่านมาชาวบ้านไม่เคยรู้ข้อมูลเรื่องของการจัดสรรพื้นที่อพยพ เมื่อครั้งรัฐบาลเชิญไปร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อโครงการจัดการน้ำฯ ที่หมู่บ้านก็ได้รับเชิญไปเพียง 5 คนอย่างเป็นทางการ ที่เหลือเป็นชาวบ้านอำเภอสันป่าตอง และอำเภออื่นๆ
“วันนี้มาพบกับคนสบลานที่ต่างได้รับผลกระทบเหมือนกัน รู้สึกดีใจที่มีเพื่อนร่วมสู้ไปด้วยกัน และยิ่งเห็นชาวปกาเกอญอยังคงมีวิถีชีวิตดั้งเดิมและรักษาไว้ ยิ่งทำให้เห็นว่าการจะต้องโยกย้ายถิ่นจากการสร้างเขื่อนจะทำให้ชุมชนล่มสลาย จึงจะขอสู้จนถึงที่สุด”
พะตีตะแยะ ปราญ์ปกาเกอญอแห่งบ้านสบลานแบ่งปันข้อมูลว่า ป่าบริเวณลุ่มน้ำแม่ขานเคยเป็นสัปทานไม้สักของบริษัทฝรั่ง ซึ่งตอนนั้นพะตียังไม่เกิด แต่พ่อได้ไปรับจ้างขี่ช้างลากไม้อยู่ ต่อมาช่วงของสัมปทานโดยคนไทย พะตีเกิดแล้วและก็เคยรับจ้างขี้ช้างลากไม้เช่นกัน ยุคนั้นฝรั่งจะเอาแต่ไม้สัก แต่ยุคของคนไทยเอาไม้แทบทุกประเภท และเกิดไฟป่ารุนแรงควบคุมไม่ได้ รวมถึงมีการคัดค้านไม่ให้สัปทานไม้ จนต้องปิดป่าในปี 2516 ดังนั้นป่าโดยรอบที่เห็นนี้จะเป็นป่าที่ฟื้นใหม่จำนวนหนึ่ง
พะตีเล่าอีกว่า ต่อมาราวปี 2535 เขาก็บอกว่าจะประกาศเขตอุทยานแห่งชาติออบขานแทนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติสะเมิง เราจะทำอะไรก็อาจจะผิดได้ ตอนนี้อะลุ้มอะล่วยกันอยู่ เรื่องก็ยังอยู่ประมาณนี้ ซึ่งที่จริงการดูแลรักษาป่า พวกเราที่อยู่ที่นี่มีวิธีการ เช่นหน้าแล้งก็จะทำแนวกันไฟ 12 กม.ช่วยกันรอบป่าที่เราดูแล พื้นที่ป่าก็แบ่งเป็นป่าใช้สอย ป่าพื้นที่ทำกิน ไร่หมุนเวียนและนา และป่าอนุรักษ์ที่มีความเชื่อของเราอยู่ เช่นป่าต้นน้ำ ที่เรารักษาไม่ให้ไฟเข้า เป็นพื้นที่เลี้ยงควาย และมีกติกาของชุมชนดูแลกันอยู่
ชาวแม่ขนิลใต้ และชาวบ้านสบลาน พูดคุยแลกเปลี่ยนปรับทุกข์กัน
พฤ โอโดเชา ชาวกระเหรี่ยง อ.สบเมิง ผู้เคยเดิน“ธรรมชาติยาตราจากเชียงใหม่ถึงรัฐสภา เพื่อป่าชุมชนของคนทั้งประเทศ” เล่าถึงกรณีนี้ว่าชาวบ้านพยายามใช้สิทธิ์และยื่นข้อเสนอของคนอยู่กับป่ามานานแล้ว และล่าสุดมีการเดินสำรวแนวเขตการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของชาวบ้านร่วมกับหัวหน้าอุทยานและ อบต. แต่เมื่อทำแนวเขตเข้าไป กลับมีการบอกว่ามีแนวที่กำหนดไว้แล้วไม่ได้ใช้แนวตามที่สำรวจร่วมกัน ที่ประกาศมาเป็นกฎหมายแต่ที่ชาวบ้านเดินสำรวจกับเจ้าหน้าที่เป็นการดำเนินการระดับชั้นผู้น้อย ทำให้ไม่มีความมั่นใจในสิทธิของชาวบ้านในจุดนี้ และมาตอนนี้ยังเกิดกรณีชุมชนเราจะเป็นพื้นที่น้ำท่วมกรณีเขื่อนแม่ขานขึ้นมาอีก
“ธรรมชาติสร้างก้อนหิน สายน้ำ และป่าเขาให้ให้เราอยู่ ถ้าทำลายไป ใครจะสร้างธรรมชาติมาได้” ยายชาวปกาเกอญอแลกเปลี่ยน
“เหตุผลที่ผมอยากบอกกับทุกคนว่า ที่นี่ไม่ควรจะมีเขื่อน เพราะที่นี่คือเสาหลักของชีวิตพวกผม ทุกคนคงอยากจะมีเสาหลักของชีวิตที่ทำให้มีชีวิตอยู่ ป่าที่นี่คือเสาหลักที่พวกผมเกิดและใช้ชีวิต ความรู้เรามีไม่มาก แต่เราอยู่กันแบบนี้ได้ ถ้าต้องออกจากป่าก็เพียงแค่ใช้แรงรับจ้างเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่วิถีของพวกเรา” อ้ายบุญชาวบ้านสบลานบอก
พะตีตะแยะ ปราชญ์ปกาเกอญอ
เมื่อประสบชะตากรรมเดียวกัน ปกาเกอะญอบ้านสบลาน จึงประกอบพิธีผูกข้อมือเรียกขวัญให้กับชาวบ้านแม่คนิลใต้ และต่างตกลงใจกันว่าจะร่วมกันแสดงให้สังคมเห็นว่าพวกเขาดูแลรักษาป่าและอยู่กับธรรมชาติ รวมถึงไม่ต้องการเขื่อนแม่ขานกัน โดยจะ “เดินเท้าธรรมยาตรา” ตั้งแต่บ้านสบลาน อ.สะเมิง ไปตามลำน้ำขาน ยังบ้านแม่ขนิล และมาถึงจุดที่กำหนดจะสร้างเขื่อน โดยกำหนดในวันที่ 14-16 มีนาคม 2557 ซึ่งตรงกับวันหยุดเขื่อนโลก
“ยิ่งมาเห็นคนบ้านสบลาน รักประเพณีวัฒนธรรม และสืบทอดกันเช่นนี้ ยิ่งเห็นความสำคัญไม่ให้ชุมชนแตกสลายไป เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่มีที่จะสอนในโรงเรียน นอกจากปูย่าตายอยจะสืบทอดให้เป็นวิถี นอกจากนั้นพ่อก็รู้สึกอุ่นใจที่มีคนที่จะช่วยเหลือกันไม่เอาเขื่อนแม่ขานที่จะมาทำลายวิถีชีวิตของชุมชน”พ่อหลวงพันธุ์กล่าว
“พะตีก็จะเดินเท้าร่วมเพื่อบอกให้คนได้รู้ถึงวิถีชีวิตของพวกเราที่อยู่กับป่า และยินดีที่พี่น้องเครือข่ายที่ต่างๆได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนเหล่านี้มาร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” พะตีตะแยะบอก
“เรามาช่วยกันนะ” พะตีตะแยะบอกพ่อหลวงพันธุ์หลังผูกข้อมือให้ .
————————————————————————-