28 ส.ค. 2558 กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด เผยแพร่แถลงการณ์ “ต่อกรณีการประชุมสภาตำบลเขาหลวงเพื่อต่อลมหายใจการทำลายธรรมชาติและวิถีชุมชน” สืบเนื่องจากการประชุมสมัยสามัญของสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวงที่จะมีการพิจารณาอนุญาตขอต่ออายุการใช้พื้นที่ป่าไม้และพื้นที่ ส.ป.ก. เพื่อทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ในวันนี้ (28 ส.ค. 2558)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมดังกล่าว ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดได้ยื่นหนังสือคัดค้านการใช้พื้นที่ป่าของ ส.ป.ก. ให้กับประธานสภาอบต. และ ส.ป.ก. โดยนายยงยุทธ ชำนาญรบ ผู้อำนวยการ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเลยพยายามให้เกิดการลงมติ แต่มีเหตุวุ่นวายเกิดขึ้น ประธานสภา อบต.จึงสรุปขอให้มีแค่การให้ความเห็นโดยยังไม่มีการลงมติ เพื่อลดความตึงเครียด และป้องกันการเกิดเหตุการณ์รุนแรง การประชุมจึงจบลงโดยยังไม่มีการลงมติ (คลิกอ่านข่าว)
ทั้งนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวระบุดังนี้
แถลงการณ์ ฅนรักษ์บ้านเกิด ต่อกรณีการประชุมสภาตำบลเขาหลวงเพื่อต่อลมหายใจการทำลายธรรมชาติและวิถีชุมชน ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๘ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านของเราและเป็นที่รับรู้ของสังคมทั่วไปถึงการสิทธิโดยชอบธรรมของมนุษย์ทั่วไป เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมที่เป็นเหมือนฐาน เพื่อทำให้ชีวิตเรามั่นคง ปกป้องวิถีชีวิตที่เป็นเหมือนมรดกให้ลูกหลานที่จะเกิดและใช้ชีวิตในบ้านของเรา ฅนรักษ์บ้านเกิดได้ยืนยันและยืนหยัดต่อสู้อย่างสันติ ดั่งที่ปรากฎมาตลอด แต่เรายังต้องถูกทำร้าย ทำลาย ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต สิทธิ ร่ายกาย กระทั่งชื่อเสียงที่ถูกใส่ความอันเป็นเท็จต่างๆ นานา ทั้งที่เราเองต่อสู้อยู่หลักความจริงและพร้อมพิสูจน์เสมอ และจะไม่กระทำการอันป่าเถื่อนดั่งเช่นผู้คนที่ทำร้ายเรา สิ่งแวดล้อมที่ลูกหลานเราต้องใช้ชีวิตต่อไปปนเปื้อนสารพิษ วิถีชีวิตเรา ต้องเปลี่ยนจากเกษตรกรมาเป็นนักต่อสู้ สิทธิโดยชอบของเราถูกริดรอนบิดเบือนโดยผู้มีอำนาจเสมอ ร่างกายเราถูกทำร้าย เหตุการณ์ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗ คดีความต่างๆ ข้อหารักบ้านเกิดปกป้องชุมชน ชื่อเสียงเราถูกใส่ความต่างๆ เพื่อให้เป็นคนร้ายในสายตาของพี่น้องกันเอง เหตุการณ์ทั้งหมดถูกโยนให้เป็นความผิดของเราชาวบ้านที่ไม่ก้มหัวให้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมที่พยายามทำร้ายทำลายเรา แต่ในความนึกคิดของเรานั้นหาเป็นดั่งคำเท็จที่ใส่ความ เราอยากจะถามต่อพี่น้องและสังคมว่านั่นเป็นสิ่งที่เราควรจะได้รับหรือไม่? เราต้องต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตเพราะมีการทำลายสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตใช่หรือไม่? เราตั้งกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดเพราะมีอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นธรรมใช่หรือไม่? สาเหตุที่แท้จริงชุมชนเราขัดแย้งเพราะตั้งกลุ่มหรือตั้งเหมืองกันแน่? วันนี้ก็เช่นกันความพยายามเปิดทำเหมืองทั้งระดับนโยบาย ระดับผู้ปฏิบัติการในสถานการณ์พิเศษเช่นนี้ ปรากฏว่ามีตัวละครใหม่ๆ หลายตัวแสดงบทบาทที่ปากกล้าขึ้นมาหลังจากมีร่มไม้ให้อาศัย นำมาสู่การปกปิด บดบัง ทำลาย ความชอบธรรมของเราไปเสียแทบไม่เหลือ การประชุมสภาตำบลที่มีการผลัดดันจากเบื้องบนอย่างมีนัยยะ คล้ายจะนำการประชุมครั้งนี้ไปใช้ประโยชน์เพื่อจะปิดปาก ไม่ให้ชาวบ้านส่งเสียงความทุกข์ยากที่เผชิญอยู่ อีกทั้งระเบียบกฎหมายป่าไม้ได้ห้ามนำพื้นที่ที่มีความขัดแย้งระหว่างผู้ขอใช้พื้นที่ป่ากับชุมชนมาพิจารณา แต่กระบวนการก็ยังคงเดินอย่างหน้าตาเฉย ไม่สนใจความรู้สึกของชาวบ้าน หนังสือคัดค้านของเรา ความเห็นของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่ให้ชะลอกระบวนการ ตลอดจนกฎหมายของประเทศและสิทธิของเรา หากกระบวนการต่อลมหายใจให้การทำลายธรรมชาตินี้สำเร็จ ผลกระทบจะเกิดขึ้นแก่ชุมชนเราอย่างมากกว่าที่เคยได้รับมาเมื่อในอดีต แม้ผู้มีอำนาจจะอ้างกฎหมายต่างๆ เพื่อทำให้เรายอม แต่ด้วยความจริงเราจึงไม่สามารถที่จะยอมให้ได้ ความจริงที่ว่ามีเหตุการณ์รุนแรงเกิดที่บ้านเรา ความจริงที่ว่าลูกหลานเราจะต้องใช้ชีวิตกับสารพิษ แม้จะยกกฎหมายชุมนุมมาห้าม หากเป็นสิ่งที่เราเชื่อ เราจะทำ เราจะสู้เพื่อสิ่งแวดล้อม แม้ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไรก็ตาม วันนี้เพื่อวิถีชีวิต เพื่อบ้านเกิด เพื่อลูกหลาน เราจึงมาเพื่อบอกว่า ๑.ขอให้การประชุมครั้งนี้จะชอบด้วยกฎหมาย ไม่ก้าวข้ามข้อเท็จจริงจริงที่เกิดขึ้นในบ้านเราเป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง ไม่อาจจะพิจารณาขอต่ออายุการใช้พื้นที่ป่าได้ตามระเบียบของกรมป่าไม้ ๒.หลักการการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไม่มีระบุว่านำไปทำเหมืองแร่ แม้แต่ระเบียบที่จะนำที่ ส.ป.ก. ไปใช้ประโยชน์ตามกฎหมายอื่นยังอยู่ในกระบวนการ และถูกศาลปกครองกลางสั่งให้ถอดถอนเพราะเป็นการออกกฎที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เห็นควรชะลอกระบวนการนี้ไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ๓.ไม่ว่าปืนหรือรถถัง อำนาจ เงิน นายทุนกลุ่มไหน หรือความรุนแรงในรูปแบบใดๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนจิตใจที่รักบ้านเกิด รักแม่น้ำ รักภูเขา รักสิ่งแวดล้อมของเราได้ ด้วยความรัก ฅนรักษ์บ้านเกิด |