15 พ.ค. 2559 กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย จัดงาน “ครบรอบ 2ปี รำลึก 15 พฤษภาทมิฬ วันขนแร่เถื่อนแห่งชาติ” จากเหตุการณ์คืนวันที่ 15 พ.ค.2557 ที่มีชายฉกรรจ์อาวุธครบมือกว่าหนึ่งร้อยคนบุกเข้ามาปิดล้อมตามจุดตรวจชุมชนและควบคุมรวมทั้งทำร้ายชาวบ้าน เพื่อให้มีการขนแร่ออกจากพื้นที่ (คลิกอ่าน: กลุ่มชายฉกรรจ์นับ 100 เข้าจับชาวบ้านวังสะพุง พร้อมขนแร่ทองคำยามวิกาล)
เหตุการณ์ครั้งนั้นดำเนินไปจนกระทั้งถึงรุ่งเช้าของวันที่ 16 พ.ค. 2557 ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 40 คน แต่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องได้เพียง 2 คน
วันนี้ (15 พ.ค.) ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดร่วมใจกันจัดงานรำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปกป้องรักษาบ้านเกิดต่อไป
กิจกรรมเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อเวลา 16.30 น. ด้วยพิธีบายศรีสู่ขวัญผูกแขนผู้ร่วมชตากรรมในคืนวันที่15 พ.ค. 2557 และรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน
ในส่วนของการแสดง มีเยาวชนต้นน้ำ จ.น่าน ที่เดินทางมาร่วมงานรำลึกได้มาร้องเพลงบอกเล่าเรื่องราวของที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.น่าน และร้องเพลงร่วมกับกลุ่มเยาวชนฅนรักษ์บ้านเกิด
พระอาจารย์ยงยุทธ ธีปะโก ได้ขึ้นเทศน์และให้กำลังใจในการต่อสู้ของชาวบ้าน
ต่อมาเมื่อเวลา 20.30 น. ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดได้ร่วมฉลองจุดเทียนครบรอบ 1 ปี การก่อตั้งกลุ่ม M.Y.S. ของนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ที่ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ปัญหาของชุมชนและผลิตเป็นสื่อออกมาสื่อสารประเด็นต่อสังคม
ขณะที่ กลุ่มนักศึกษาก็ได้กล่าวแสดงความขอบคุณชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดว่า วันที่ 15 พ.ค. 2557 เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นหรือแจ้งเกิดเพราะว่าได้มาทำสารคดีที่นี่ ได้เรียนรู้ที่นี่ และยังเอาพื้นที่นี้ไปเป็นตัวอย่างในการปรับใช้กับพื้นที่อื่นๆ ด้วย
สำหรับในกรณีของคดีความจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2557 ในวันที่ 16 พ.ค. 2559 เวลา 9.00 น. ศาลจังหวัดเลยนัดอ่านคำพิพากษาคดี ในคดีหมายเลขดำที่ อ. 5440/2557 พนักงานอัยการเป็นโจทก์ นายสุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ กับพวกรวม 9 คน เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง พันโท ปรมินทร์ ป้อมนาค และพล.ท.ปรเมษฐ์ ป้อมนาค จำเลย ในความผิดอาญาข้อหา ทำร้ายร่างกาย กักขัง หน่วงเหนี่ยว ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
คดีนี้ศาลรับฟ้องเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2557
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนวันนัดฟังคำพิพากษาไม่กี่วัน มีกระแสข่าวในพื้นที่ว่าจะมีการเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษา แต่กลับไม่มีการแจ้งจากศาลเป็นลายลักษณ์อักษรและไม่ได้มีการระบุเหตุผลแต่อย่างใด
การลำดับเหตุการณ์เบื้องต้น 21-22 เม.ย. 2557 พล.ท.ปรเมษฐ์ ป้อมนาค และผู้ติดตามอีก 16 คน อ้างว่าเป็นทหารได้เดินทางเข้ามาที่หมู่บ้านนาหนองบง (คุ้มใหญ่) โดยใช้รถตู้เลขทะเบียน ฮก 4700 กรุงเทพมหานคร จดทะเบียนในชื่อ พ.ท.ปรมินทร์ ป้อมนาค ทหารในราชการ มาจอดที่หน้าบ้านของนายสุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ และได้บุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้าน มีการแสดงพฤติกรรมข่มขู่ด้วยวาจาต่อหน้าชาวบ้านที่มาเฝ้าดูเหตุการณ์ พร้อมบอกว่าต้องการจะขนแร่ทองแดงออกจากเหมืองแร่ของบริษัททุ่งคำผ่านถนนสาธารณะของชุมชน 24 เม.ย. 2557 กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดได้ทำจดหมายเปิดผนึกร้องเรียนการละเมิดสิทธิชุมชนและสิทธิมนุษยชน กรณีปัญหาการข่มขู่คุกคามในหมู่บ้าน และเรียกร้องให้มีการสอบสวนทางวินัยต่อ พล.ท.ปรเมษฐ์ ป้อมนาค นายทหารนอกราชการ(เกษียรอายุ) และกลุ่มผู้ติดตามที่อ้างตัวว่าเป็นทหารดังกล่าว แต่กลับไม่มีการดำเนินการตรวจสอบแต่อย่างใด และกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดยังได้ยื่นจดหมายขอให้อุตสาหกรรมจังหวัดเลยดำเนินการตรวจ 6 พ.ค. 2557 กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดได้รับหนังสือจากอุตสาหกรรมจังหวัดเลย ที่ ลย.0033(2)/0852 ลงวันที่ 28 เม.ย. 2557 ระบุว่า บริษัททุ่งคำ จำกัด ได้ขออนุญาตขนแร่ทองแดง มีทองคำและเงินเจือปน จำนวน 476 เมตริกตัน โดยใช้รถบรรทุก 15 คัน ขนแร่ไปยังสถานที่เก็บแร่ที่ 2/2557 ของบริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่ 294/3 หมู่ที่ 11 ตำบลหนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเลยได้ออกใบอนุญาตขนแร่เลขที่ 01930-01944 โดยมีอายุวันที่ 22-23 เมษายน 2557 วันที่ 15 พ.ค. 2557 คืนวันที่ 15 พ.ค. – เช้า วันที่ 16 พ.ค. 2557 ชาวบ้านในพื้นที่ 6 หมู่บ้านรอบเหมืองทองคำ ได้ถูกกองกำลังติดอาวุธครบมือจำนวนประมาณ 300 คน เข้ามาปิดล้อมหมู่บ้านนาหนองบง และจุดตรวจทั้ง 3 จุด (ว.1, ว.2 และ ว.3) ได้ทำร้ายชาวบ้านโดยการทำร้ายร่างกายและจิตใจ จัดมัดมือไพล่หลังนอนคว่ำหน้า ข่มขู่ด้วยอาวุธ พร้อมยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อข่มชาวบ้านไม่ให้เข้ามาช่วยเหลือตัวประกัน จำนวนประมาณ 40 คน ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง คนชรา โดยลำดับช่วงเวลาและเหตุการณ์ไว้ดังนี้ 22.30 น. กลุ่มชายฉกรรจ์ติดอาวุธครบมือ มีด ไม้ และปืน จำนวนประมาณ 300 คน เริ่มกระจายกำลังเข้าปิดล้อมหมู่บ้าน และยึดจุดตรวจ ว.1 ไว้ มีการซ้อมทารุณด้วยการชก ต่อย เตะ กระทืบ ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นรวมถึงชาวบ้านที่เดินทางผ่านไปในบริเวณนั้น และได้ถูกจับมัดมือไพล่หลังให้นอนคว่ำ บางคนถูกใส่ด้วยกุญแจมือพร้อมขู่ทำร้ายหากขัดขื่น และมีการยิงปืนขู่ชาวบ้านที่พยานจะเข้ามาช่วยตัวประกันเป็นระยะ 22.30-24.00 น. มีการนำกำลังเสริมเข้ามาในพื้นที่พร้อมกับรถบรรทุก 2 คันแรกบุกเข้าไปที่ด่านตรวจจุด ว.2 มีการข่มขู่ว่าจะฆ่าตัวประกัน มีการซ้อมและจับชาวบ้านมัดมือมัดเท้าไว้จำนวน 22 คน ต่อมาได้เข้ายึดจุดตรวจที่ด่าน ว.3 จุดกำแพงที่ชาวบ้านสร้างขึ้นเพื่อไม่ให้มีรถบรรทุกใหญ่เข้าออกบริเวณนั้น ณ จุดนี้ก็มีการขู่จะฆ่า และมีการซ้อมชาวบ้านและจับมัดมือมัดเท้าไว้จำนวน 11 คน หลังจากนั้นก็ได้พังกำแพง เพื่อนำรถบรรทุก 18 ล้อ จำนวนประมาณ 13 คันเข้าไปขนแร่ทองแดงออกมาจากเหมือง โดยตลอดระยะเวลาดังกล่าวมีการยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าเป็นระยะ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเข้ามาช่วยตัวประกันโดยใช้กองกำลังเถื่อนดังกล่าวคุ้มกันให้มีการขนแร่ออกจากพื้นที่จนสำเร็จ ที่มา:จับตาศาลเบิกความนัดแรก คดีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกทำร้ายชาวบ้าน เปิดทางขนแร่ทองคำ |