![](https://thecitizen.plus/wp-content/uploads/2024/03/1-7-1024x683.jpg)
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลวังตามัว อ.เมือง จ.นครพนม เป็น 1 ใน 10 กองทุนสวัสดิการชุมชนจากทั่วประเทศที่ได้รับรางวัล “ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ระดับชาติ” ประจำปี 2566 ตามแนวคิดการจัดสวัสดิการสังคม “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ (www.thaipost.net/public-relations-news/546209/)
โดยกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลวังตามัว ได้รับรางวัลจากการประกวดประเภทที่ 8 ด้าน ‘การพัฒนาที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน’ ซึ่งจะมีพิธีมอบโล่และใบประกาศเกียรติคุณพร้อมกันทั้ง 10 กองทุนในวันที่ 9 มีนาคม 2567 นี้ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย บางขุนพรหม กรุงเทพฯ
![2](https://web.codi.or.th/wp-content/uploads/2024/03/2-9-800x524.jpg)
กองทุนสวัสดิการชุมชนฯ สร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลวังตามัว อ.เมือง จ.นครพนม ก่อตั้งเมื่อปี 2557 โดยได้รับคำแนะนำจากคณะกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชน จ.นครพนม แกนนำในตำบลวังตามัวจึงเห็นชอบที่จะมีการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนเอาไว้ช่วยเหลือกัน โดยมีระเบียบให้สมาชิกสมทบเงินเข้ากองทุนคนละ 365 บาท/ปี แล้วนำเงินกองทุนนั้น รวมทั้งเงินสมทบจากรัฐบาลผ่านสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และ อบต.วังตามัว มาช่วยเหลือสมาชิกที่มีความเดือดร้อนจำเป็น มีสมาชิกแรกตั้ง 92 คน สมาชิกปัจจุบัน จำนวน 1,271 คน (บุคคลทั่วไป 597 คน เด็ก/เยาวชน 138 คน ผู้สูงอายุ 536 คน /จำนวนประชากรในพื้นที่ 9,003 คน) มีเงินคงกองทุนฯ คงเหลือ จำนวน 2,277,275 บาท
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลวังตามัว มีการจัดสวัสดิการช่วยเหลือสมาชิก 11 ประเภท ได้แก่ 1.รับขวัญเด็กแรกเกิด/ผูกแขนบุตร 2.เจ็บป่วย 3.เสียชีวิต 4.งานประเพณี 5.ทุนการศึกษา 6.ภัยพิบัติ โรคระบาด เช่น สถานการณ์โรคระบาด covid-19 7.พัฒนาอาชีพกลุ่มผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส (ทำเหรียญโปรยทาน พวงหรีด ดอกไม้จันทน์) 8. ส่งเสริมโรงเรียนผู้สูงอายุ 9. ส่งเสริมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (การปลูกป่า) 10.สนับสนุนสาธารณประโยชน์ งานประเพณีต่าง ๆ และ 11.ที่อยู่อาศัย
ทั้งนี้ในตำบลวังตามัว มีพื้นที่ทั้งหมด 76,181 ไร่ มีพื้นที่การเกษตร 12,135 ไร่ ที่อยู่อาศัย 564 ไร่ พื้นที่ป่า 49,096 ไร่ที่ซ้อนทับอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตที่ดิน ส.ป.ก. ทำให้ชาวบ้านไม่มีความมั่นคงเรื่องที่ดินและที่อยู่อาศัย
ในปี 2559 คณะกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลวังตามัว ได้เยี่ยมเยือนสมาชิกกองทุนฯ ในหมู่บ้านต่างๆ ทำให้เห็นความเป็นอยู่ของสมาชิกที่มีฐานะยากจน บางหลังสภาพบ้านเรือนทรุดโทรม ผุพัง ไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัย หรืออาจเป็นอันตรายแก่เด็กหรือผู้สูงอายุ เช่น กรณีนางดวงตา จันทะสิทธิ์ บ้านเลขที่ 204 หมู่ 6 บ้านคำสว่าง
![3](https://web.codi.or.th/wp-content/uploads/2024/03/3-8-800x542.jpg)
ขณะเดียวกัน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ มีโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนที่มีรายได้น้อยทั่วประเทศ เช่น โครงการบ้านมั่นคงชนบท ซึ่ง พอช.สนับสนุนให้องค์กรชุมชนในตำบลเป็นแกนหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยมีสภาองค์กรชุมชนตำบลในพื้นที่ต่างๆ เป็นกลไกในการพัฒนาและแก้ไขปัญหา
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลวังตามัวจึงทำงานร่วมกับสภาองค์กรชุมชนตำบลวังตามัว ลงพื้นที่สำรวจจัดเก็บข้อมูลผู้เดือดร้อนในปัญหาต่างๆ นำข้อมูลมาวิเคราะห์ สังเคราะห์เพื่อจัดกลุ่มปัญหา จัดทำแผนการแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทุกมิติ เชื่อมโยงการทำงานกับคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตตำบลวังตามัว โดยมีกรณีนางดวงตา จันทะสิทธิ์ เป็นครัวเรือนแรกๆ ที่กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลวังตามัวได้นำงบประมาณสนับสนุนจาก พอช. นำมาซ่อมสร้างบ้านให้นางดวงตา จนมีสภาพบ้านเรือนที่มั่นคงปลอดภัย หลังจากนั้นจึงขยายไปสู่ครัวเรือนต่างๆ ในตำบล
ส่วนการสำรวจข้อมูลเพื่อช่วยเหลือสมาชิกด้านที่อยู่อาศัยนั้น คณะกรรมการกองทุนสวัสดิการฯ แต่ละหมู่บ้านจะเป็นผู้สำรวจ และนำข้อมูลแต่ละหมู่บ้านมาดูพร้อมกัน โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าร่วมด้วย และจัดลำดับความเดือดร้อนว่าหลังไหนเดือดร้อนมากน้อยขนาดไหน ฉายภาพให้เห็นว่าหลังไหนสมควรที่จะได้รับความช่วยเหลือก่อน
![4](https://web.codi.or.th/wp-content/uploads/2024/03/4-9-800x515.jpg)
จากสงเคราะห์สู่การพัฒนา…แก้ปัญหาทั้งตำบล
นอกจากการซ่อมสร้าง พัฒนาที่อยู่อาศัย ดังกล่าวแล้ว ในเวลาต่อมากองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลวังตามัวยังได้ขยายไปแก้ไขปัญหาอื่นๆ เช่น ปัญหาที่ดินทำกิน โดยใช้พื้นที่กลางเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ทำฟาร์มชุมชน และการปลูกป่าหัวไร่ปลายนาเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า
ฟาร์มชุมชน เป็นพื้นที่กลางเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน ชาวบ้านเรียกว่า “ฟาร์มชุมชน” มี 2 แห่ง ได้แก่ ฟาร์มชุมชนตำบลวังตามัว 1 มีพื้นที่ 6 ไร่ ฟาร์มชุมชนตำบลวังตามัว 2 มีพื้นที่ 12 ไร่ โดยกองทุนสวัสดิการชุมชนเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดพื้นที่เรียนรู้ด้านการเกษตรเพื่อสร้างอาชีพ โดยการลงแรง ร่วมมือ ร่วมใจของสมาชิกกองทุนฯ
ปัจจุบันฟาร์มชุมชนเป็นแหล่งเรียนรู้ โดยจะมีวิทยากรจากหน่วยงานต่างๆ มาให้ความรู้ด้านการเกษตรทุกสัปดาห์ ขณะที่ชาวชุมชนได้ใช้ฟาร์มชุมชนเป็นพื้นที่สาธิตปลูกข้าวแปลงรวม เลี้ยงหมู ปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงจิ้งหรีด เพาะเห็ด ฯลฯ มีสมาชิก 50 คน
เช่น กลุ่มเลี้ยงตั๊กแตนมีสมาชิก 20 ครัวเรือน สมาชิกจะระดมทุนไปซื้อไข่ตั๊กแตนมาแบ่งกันเลี้ยงคนละ 1 ขีด จากไข่ 1 ขีดสามารถเลี้ยงเพิ่มปริมาณได้ถึง 4 กิโลกรัม ราคาไข่ตั๊กแตน 1 ขีด 600 บาท หรือกิโลกรัมละ 6,000 บาท ทำให้สมาชิกมีรายได้ดีกว่าการทำนา
![5](https://web.codi.or.th/wp-content/uploads/2024/03/5-9-800x526.jpg)
จากการดำเนินงานของกองทุนสวัสดิการชุมชนที่มีบทบาทในการประสานงานและแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกในชุมชนว่ากองทุนสวัสดิการฯ สามารถแก้ไขปัญหาให้แก่สมาชิกและชาวบ้านในตำบลได้ ทำให้เกิดผลต่างๆ ดังนี้
1.เกิดความมั่นคงด้านที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ที่ดินในตำบลได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน ตามแนวทาง คทช. (คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ/ในระดับจังหวัดมี ผวจ.เป็นประธาน)ในพื้นที่เขตป่าสงวนเสื่อมโทรม เกิดการวางแผน จัดผัง การใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกินในพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรมอย่างมีส่วนร่วม
- เกิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในตำบล ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ จำนวน 309 ครัวเรือน
- เกิดรูปแบบความสัมพันธ์ที่ยึดโยงผ่านระบบชุมชน ตามอัตลักษณ์และบริบทของพื้นที่ เกิดระบบกองทุนที่อยู่อาศัยป้องกันเหตุการณ์ที่ดินหลุดมือ มีกองทุนสามารถช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในชุมชนได้ เกิดการเชื่อมโยง คนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าในพื้นที่ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ
- เกิดการสร้างรายได้ อาชีพ ให้กับคนในชุมชน สร้างโอกาสในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์สินค้าชุมชน มีสถานที่จำหน่าย กระจายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการพัฒนาในระดับจังหวัด
- เพิ่มพื้นที่ป่าไม้และการอนุรักษ์ทรัพยากรในพื้นที่
![6](https://web.codi.or.th/wp-content/uploads/2024/03/6-9-800x442.jpg)
กองทุนสวัสดิการฯ เชื่อมร้อยภาคีเครือข่ายร่วมพัฒนาตำบล
การพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินในตำบลวังตามัว กองทุนสวัสดิการชุมชนมีบทบาทในการประสานเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ เข้ามาร่วมงาน ดังนี้ 1.สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ สนับสนุนด้านงบประมาณ ให้ความรู้และเป็นที่ปรึกษาโครงการ 2.องค์กรบริหารส่วนตำบลวังตามัวสนับสนุนด้านสถานที่และบุคลากร 3.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม (พมจ.)สนับสนุนด้านงบประมาณ ให้ความรู้และเป็นที่ปรึกษาโครงการ
4.สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดนครพนมสนับสนุนด้านการฝึกอบรมฝีมือช่างชุมชน เพื่อพัฒนาฝีมือช่างในการสร้าง-ซ่อมแซมบ้านให้ได้มาตรฐาน 5.มณฑลททหารบกที่ 210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง อ.เมือง จ.นครพนม สนับสนุนงบประมาณ สมทบปูน 50 ถุง และแรงงานช่วยเหลือสร้างบ้าน
6.ศูนย์ผู้สูงอายุ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม สนับสนุนด้านงบประมาณซ่อมแซมบ้านและห้องน้ำผู้สูงอายุ 7.สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทสม.) สนับสนุนด้านบุคลากรให้ความรู้และความร่วมมือ และเป็นที่ปรึกษาในการอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อม 8.ป่าไม้จังหวัดนครพนมสนับสนุนด้านบุคลากรให้ความรู้กับชาวบ้าน
9.ผู้นำชุมชน ท้องถิ่น ท้องที่ จังหวัดนครพนม สนับสนุนแรงงาน และการประชาสัมพันธ์ 10.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังตามัวสนับสนุนด้านบุคลากรและด้านสุขภาวะอนามัยของคนในชุมชน และ 11.กลุ่มอาชีพต่าง ๆ ในชุมชนให้ความร่วมมือและทำกิจกรรมร่วมกัน
![7](https://web.codi.or.th/wp-content/uploads/2024/03/7-8-800x534.jpg)
ป่าชุมชนสร้างแหล่งอาหารได้รับรางวัล ‘ลูกโลกสีเขียว’
ลุงคำผ่อน บุญหาร อดีตผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และนายก อบต.วังตามัว ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการอนุรักษ์ป่ามาตั้งแต่ปี 2534 บอกว่า สมัยที่ตนเป็นผู้ใหญ่บ้านพรเจริญ ทำหน้าที่รักษาป่า แม้ว่าในอดีตจะมีผู้เข้ามาบุกรุกถางป่าเพื่อปลูกข้าว ปลูกฝ้าย ตนจึงได้เริ่มอนุรักษ์ป่าไว้ให้ลูกหลาน ต้องต่อสู้กับผู้บุกรุกเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2534 ถึงปี 2540 ได้ของบประมาณจากสำนักงานที่ดินเพื่อให้มารังวัดพื้นที่ป่า เพื่อไม่ให้คนไปบุกรุก ได้พื้นที่ป่ากลับคืนมาเนื้อที่ 1,200 ไร่ และมีคณะกรรมการช่วยกันจัดกิจกรรมอนุรักษ์ป่า เช่น การป้องกันไฟป่า การทำแนวกันไฟ
ปี 2542 ได้รับธงพิทักษ์ป่าจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทำให้โรงเรียนในตำบลเห็นความ สำคัญของการอนุรักษ์ป่า จึงให้นักเรียนมาเรียนรู้ พาลูกหลานมาเรียนมาศึกษาเรื่องต้นไม้ ประโยชน์ของป่า และต่อมาในปี 2552 ได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียว ซึ่งเป็นการจัดประกวดทั่วประเทศโดย ปตท.
จากความอุดมสมบูรณ์ของป่าพรเจริญที่ลุงคำผ่อนและชาวบ้านช่วยกันดูแลรักษา จึงทำให้ป่าเป็นแหล่งอาหาร มีหน่อไม้ ผักหวาน เห็ดป่า สมุนไพรต่างๆ ทำให้มีพี่น้องชาวบ้านจากขอนแก่น หนองบัวลำภู ร้อยเอ็ด มหาสารคาม อุบลราชธานี ฯลฯ เข้ามาเก็บหาของป่าเอาไปกินและขาย
นอกจากนี้ลุงคำผ่อนในฐานะอดีตนายก อบต.วังตามัว ได้เปรียบเทียบการทำงานของ อบต.ที่ผ่านมาว่า อบต.ยังไม่สามารถช่วยเหลือเข้าถึงพี่น้องชาวบ้านได้อย่างเต็มที่ หากจะใช้จ่ายเงินให้พี่น้องต้องมีระเบียบ กฎกติกา ยุ่งยาก แต่กองทุนสวัสดิการชุมชนของไทบ้าน (ชาวบ้าน) ธรรมดาๆ เข้าถึงพี่น้องได้ง่าย ยืดหยุ่นกว่า มีระเบียบของกองทุน มีกฎกติการใช้เงินสวัสดิการที่ไม่ยุ่งยาก เพราะเป็นระเบียบที่ชาวบ้านร่วมกันกำหนดขึ้นมาเอง
![8](https://web.codi.or.th/wp-content/uploads/2024/03/8-5-800x532.jpg)
ก้าวย่างต่อไปของกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลวังตามัว
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลวังตามัวก่อตั้งในปี 2557 ปัจจุบันดำเนินการมาได้ 10 ปี มีประสบการณ์การทำงานและบริหารกองทุนพอสมควร โดยคณะกรรมการกองทุนฯ ช่วยกันสรุปบทเรียนการทำงานดังนี้
“ทุกวันนี้กองทุนฯ อยู่ได้เพราะการบริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เงินทุกบาททุกสตางค์ มีการชี้แจงตามข้อมูลชัดเจนว่า เงินจากสมาชิก เงินจากรัฐ อบต. รวมกันเป็นจำนวนเท่าไหร่ คงเหลือเท่าไหร่ เน้นการบริหารงานอย่างโปร่งใส ถ้าเราทำแบบโปร่งใสให้ทุกคนรับรู้ เชื่อว่าคนอื่นๆ ก็อยากมาทำงานกับเรา แต่ถ้าเก็บข้อมูลไว้คนเดียว ใช้เงินคนเดียว คณะกรรมการคนอื่นก็คงไม่อยากทำงานด้วย เชื่อว่าหากบริหารแบบนี้กองทุนจะเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ วังตามัวจะไม่มีเรื่องร้องเรียน”
“ความโปร่งใส จึงทำให้ยืนหยัดอยู่ได้ทุกวันนี้ ถ้าสมาชิกไม่เพิ่มขึ้นก็จะหารือร่วมกันว่าทำไม ? หรือว่าชาวบ้านไม่เข้าใจกองทุนฯ ต้องลงพื้นที่หมู่บ้านที่คิดว่ามีปัญหา ไปทำความเข้าใจเพื่อให้ได้สมาชิกเพิ่มเข้าขึ้น แต่ถ้ายังไม่สำเร็จก็แปลว่าการสื่อสารของเรายังไม่ดีพอ ความนอบน้อมถ่อมตน ซื่อสัตย์ต่อตัวเองและคนอื่น คณะกรรมการให้เกียรติซึ่งกันและกัน หากไม่เข้าใจก็จะมานั่งคุยกัน มีทะเลาะกันบ้าง คลี่คลายปัญหาแต่จบในที่ประชุม ทำกันอย่างนี้ตลอด ถ้าคณะกรรมการมีปัญหา เราช่วยกันแก้ไข รับฟังความคิดของเพื่อนๆ อยู่ด้วยกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ตำบลวังตามัวจะค่อยเป็น…ค่อยไป…ทำตามขั้นตอน”
นอกจากนี้เพื่อให้กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลวังตามัวมีความมั่นคง ยั่งยืน ช่วยเหลือสมาชิกได้ยาวนาน คณะกรรมการกองทุนฯ จึงมีการปรับปรุงระเบียบของกองทุนให้มีความเหมาะสม ไม่เกิดความเสี่ยงด้านการเงิน
เช่น จากเดิมเปิดรับสมัครสมาชิกอายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 90 ปี ปัจจุบันเปิดรับสมาชิกอายุไม่เกิน 65 ปี เพราะผู้สูงอายุมีแนวโน้มจะเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตมาก ทำให้กองทุนฯ ต้องจ่ายเงินสวัสดิการมาก เงินกองทุนฯอาจร่อยหรอ และหากสมาชิกผู้สูงอายุในครัวเรือนใดเสียชีวิต กองทุนฯ จะมีระเบียบให้คนในครอบครัวเข้าเป็นสมาชิกแทนผู้ที่เสียชีวิต เพื่อจำนวนสมาชิกจะไม่ลดน้อยลง ส่งผลต่อเงินสมทบจากสมาชิกคนละ 365 บาท/ปีด้วย !!
![9](https://web.codi.or.th/wp-content/uploads/2024/03/9-2-800x535.jpg)
เรื่องและภาพ : สำนักพัฒนาองค์ความรู้และสื่อสารองค์กร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์