จ.สุราษฎร์ธานี / ‘7 ปีที่รอคอย’…คนเวียงสระ 182 ครอบครัว เตรียมสร้าง ‘บ้านมั่นคง’ เป็นบ้านแฝดชั้นเดียวและบ้านแถว 2 ชั้น หลังจากเริ่มรวมกลุ่มผู้เดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย-ชาวบ้านที่โดนไล่ที่ตั้งแต่ปี 2560 โดยจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนซื้อที่ดิน 16 ไร่เศษ ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อและเงินอุดหนุนจาก ‘พอช.’ เตรียมสร้างบ้านเฟสแรกเร็วๆ นี้ ประเดิม 100 หลัง พร้อมทั้งมีแปลงปลูกผักรวมเพื่อลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวชุมชนให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข…!!
พื้นที่ในเขตเทศบาลตำบลเวียงสระ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นย่านเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด เป็นที่ตั้งของธนาคาร ห้างร้าน ร้านทอง วัสดุก่อสร้าง ตลาดสด สถานีรถไฟ รถโดยสาร ฯลฯ จึงมีผู้คนจากทั่วสารทิศเข้ามาอยู่อาศัยและทำกิน
ส่วนใหญ่ทำงานรับจ้าง ลูกจ้างร้านค้า รับจ้างทำสวน กรีดยางพารา ค้าขายรายย่อย ขายอาหาร ฯลฯ ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง บ้างเช่าบ้านอยู่ จำนวนไม่น้อยสร้างบ้านบุกรุกที่ดินรัฐ โดยเฉพาะที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพราะมีเส้นทางรถไฟสายใต้ผ่านอำเภอเวียงสระ จึงเสี่ยงต่อการถูกไล่ที่ ไม่มีความมั่นคงในที่ดินที่อยู่อาศัย มีผู้ที่เดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยหลายร้อยครอบครัว
บ้านมั่นคงเวียงสระโครงการ 1-2
ชาติชาย กิจธิคุณ กรรมการเครือข่ายที่อยู่อาศัยเมืองเวียงสระ บอกว่า จากปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยดังกล่าว ชาวเวียงสระจึงได้เริ่มรวมตัวแก้ไขปัญหาตั้งแต่ปี 2549 โดยได้รับการสนับสนุนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ ตามโครงการ ‘บ้านมั่นคง’ (พอช.เริ่มโครงการบ้านมั่นคงทั่วประเทศในปี 2546)
โดยเจ้าหน้าที่ พอช. เข้ามาให้คำแนะนำ สนับสนุนให้ชุมชนจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำงาน ร่วมกันสำรวจข้อมูล รวบรวมผู้ที่เดือดร้อน อยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่ปลูกสร้างบ้านอยู่ในที่ดิน รฟท. รวม 5 ชุมชน ร่วมกันออมทรัพย์รายเดือนเพื่อเป็นทุน ครอบครัวหนึ่งอย่างต่ำเดือนละ 500-600 บาท ใครมีมากก็ออมมาก และจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ เพื่อให้มีสถานะเป็นนิติบุคคลเพื่อทำนิติกรรมต่างๆ เช่น ซื้อที่ดิน ขอสินเชื่อจาก พอช.
ต่อมาจึงได้ร่วมกันหาซื้อที่ดินเอกชนในเขตเทศบาลตำบลเวียงสระ เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ 2 งาน รองรับผู้เดือดร้อนได้ 44 ครอบครัว จัดทำโครงการบ้านมั่นคงขึ้นมา ถือเป็นโครงการแรกในอำเภอเวียงสระ โดยจดทะเบียนเป็นสหกรณ์เพื่อบริหารจัดการโครงการ ใช้ชื่อว่า ‘สหกรณ์บริการบ้านมั่นคงเวียงสระ จำกัด’ โดย พอช.สนับสนุนสินเชื่อซื้อที่ดินและสร้างบ้าน รวมประมาณ 10 ล้านบาท สนับสนุนระบบสาธารณูปโภค ถนน น้ำประปา ไฟฟ้า ฯลฯ ประมาณ 1.5 ล้านบาทเศษ
สร้างบ้านแถว 2 ชั้น ขนาด 5X9 ตารางเมตร ราคาประมาณหลังละ 210,000 บาท ผ่อนประมาณเดือนละ 2,100 บาท สร้างเสร็จ 44 หลังในปี 2553 โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในขณะนั้น เป็นประธานการมอบบ้านในเดือนมกราคม 2553 (ปัจจุบันชาวบ้านส่วนใหญ่ชำระสินเชื่อซื้อที่ดินและสร้างบ้านหมดแล้ว)
หลังจากนั้นจึงมีโครงการบ้านมั่นคง โครงการที่ 2 เพราะในเขตเทศบาลตำบลเวียงสระยังมีผู้เดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยอีกมาก โดยโครงการที่ 2 มีชาวบ้านที่เดือดร้อนจำนวน 86 ครอบครัว ได้รวมตัวกันจัดทำโครงการบ้านมั่นคงใช้ชื่อ ‘สหกรณ์บริการบ้านมั่นคงเปี่ยมสุขเวียงสระ จำกัด’ (เริ่มรวมตัวออมทรัพย์ในปี 2551)
ต่ออมาได้จัดซื้อที่ดินในเขตเทศบาลเวียงสระ เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่เศษ ราคาประมาณ 5.4 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างบ้านในปี 2555 ขนาดที่ดินครอบครัวละ 4.20 เมตร x 9 เมตร ส่วนใหญ่เป็นบ้านแถวแบบทาวน์เฮ้าส์ ขนาด 2 ชั้น โดยเทศบาลตำบลเวียงสระและ พอช.สนับสนุนงบประมาณด้านสาธารณูปโภค และ พอช.ให้สินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินและก่อสร้างบ้าน ผ่อนชำระประมาณเดือนละ 2,200 บาท สร้างบ้านเสร็จทั้งหมดในปี 2560
รวมกลุ่มบ้านมั่นคงโครงการ 3 ตั้งแต่ปี 2560
จากรูปธรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยตามโครงการบ้านมั่นคงในอำเภอเวียงสระทั้ง 2 โครงการ จึงทำให้เกิดบ้านมั่นคงโครงการที่ 3 ตามขึ้นมา โดยเฉพาะชาวชุมชนที่ถูกขับไล่ออกจากแนวทางการพัฒนารางรถไฟในปี 2560 กว่า 20 ครอบครัว
พันธัช จันทร์แจ่มศรี แกนนำโครงการบ้านมั่นคงโครงการ 3 ในฐานะ ‘ประธานสหกรณ์บริการบ้านมั่นคงทวีสุขเวียงสระ จำกัด’ บอกว่า โครงการบ้านมั่นคงทั้ง 2 โครงการ ทำให้คนจนในเมืองเวียงสระมีที่อยู่อาศัยมั่นคงเป็นของตัวเอง จำนวน 130 ครอบครัว แต่ในอำเภอเวียงสระยังมีคนที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองมีจำนวนมาก มีทั้งคนที่อยู่บ้านเช่า ครอบครัวขยาย บ้านเรือนแออัดทรุดโทรม สร้างบ้านในที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย
ขณะเดียวกันในช่วงต้นปี 2560 มีชุมชนที่อาศัยอยู่ในที่ดินของการรถไฟฯ ในอำเภอเวียงสระ ถูกไล่ที่ โดนรื้อบ้าน ตัวแทนผู้เดือดร้อนจึงได้ร่วมกันสำรวจข้อมูลและรวมกลุ่มคนที่เดือดร้อนเพื่อจะจัดทำโครงการบ้านมั่นคงขึ้นมา เป็นโครงการที่ 3 ซึ่งตอนแรกมีคนที่เดือดร้อนแจ้งความต้องการจะเข้าร่วมประมาณ 350 ครอบครัว โดยให้ครอบครัวที่เข้าร่วมๆ กันจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ ออมเงินเป็นรายเดือนๆ ละ 600 บาท เพื่อเป็นทุนในการดำเนินงาน เริ่มออมในเดือนกันยายน 2560
นอกจากนี้ในการจัดทำโครงการบ้านมั่นคง ตามเงื่อนไขของ พอช. ชาวบ้านจะต้องร่วมกันออมเงินให้ได้อย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ของสินเชื่อที่จะขอใช้ในการซื้อที่ดินหรือก่อสร้างบ้าน เช่น หากจะใช้สินเชื่อจาก พอช. เพื่อก่อสร้างบ้านและซื้อที่ดินรายละ 300,000 บาท สมาชิกที่เข้าร่วมจะต้องออมเงินให้ได้รายละ 30,000 บาท หากมีสมาชิกเข้าร่วม 100 ราย จะต้องมีเงินออมร่วมกันจำนวน 3 ล้านบาท แต่เมื่อต้องใช้ระยะเวลาในการออมเงินนาน 3-4 ปี โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดผลกระทบเรื่องปากเรื่องท้อง รายได้ลดน้อยลง บางคนตกงาน จึงทำให้เหลือผู้เข้าร่วมและออมทรัพย์อย่างสม่ำเสมอจำนวน 182 ครอบครัวที่มีความต้องการจะทำโครงการบ้านมั่นคงต่อไป
ในปี 2564 แกนนำโครงการบ้านมั่นคงร่วมกันตระเวนดูแปลงที่ดินที่เหมาะสมในอำเภอเวียงสระ พบที่ดินเป็นสวนยางพาราอยู่ในเขตเทศบาลตำบลบ้านส้อง เนื้อที่ 16 ไร่ 3 งานเศษ สามารถรองรับสมาชิกได้ทั้ง 182 ครอบครัว อยู่ห่างจากย่านธุรกิจการค้าในอำเภอเวียงสระเพียง 1 กิโลเมตรเศษ ซึ่งถือว่ามีความเหมาะสม เพราะสมาชิกที่เข้าร่วมส่วนใหญ่ต่างทำมาหากินอยู่ในตัวเมือง ราคาขายทั้งแปลง 6.5 ล้านบาท (ไร่ละประมาณ 386,000 บาท) จึงทำสัญญาจะซื้อจะขาย
หลังจากนั้นในเดือนสิงหาคม 2565 แกนนำจึงร่วมกันจดทะเบียนเป็นสหกรณ์เพื่อเตรียมทำนิติกรรมซื้อที่ดินในนามสหกรณ์ ใช้ชื่อว่า “สหกรณ์บริการบ้านมั่นคงทวีสุขเวียงสระ จำกัด” มีคณะกรรมการสหกรณ์จำนวน 11 คน โดยมีพันธัช จันทร์แจ่มศรี เป็นประธานสหกรณ์ และซื้อที่ดินในเดือนธันวาคมปีเดียวกันเพื่อเตรียมทำโครงการบ้านมั่นคง โดยใช้เงินของสหกรณ์ที่สมาชิกร่วมกันออมทรัพย์มาเป็นเวลานานกว่า 5 ปี จำนวน 650,000 บาท (เงินออมรวมกันปัจจุบันประมาณ 11 ล้านบาท) และสินเชื่อซื้อที่ดินจาก พอช. จำนวน 5,850,000 บาท
อีก 1 ปีต่อมา ในเดือนสิงหาคม 2566 จึงมีพิธียกเสาเอกเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยตามความเชื่อและเพื่อความเป็นสิริมงคลของสมาชิกโครงการบ้านมั่นคง
“7 ปี…บ้านมั่นคงทวีสุขเวียงสระ”
‘โครงการบ้านมั่นคงสหกรณ์บริการบ้านมั่นคงทวีสุขเวียงสระ จำกัด’ จัดสรรแบ่งแปลงที่ดินออกเป็น 182 แปลง/ครอบครัว ขนาดที่ดินตามความต้องการของสมาชิกและความสามารถในการผ่อนชำระ ที่ดินมีขนาดตั้งแต่ 15.75 – 52 ตารางวา เป็นที่อยู่อาศัยทั้งหมดประมาณ 4,000 ตารางวา พื้นที่ส่วนกลางประมาณ 2,600 ตารางวา (เฉลี่ยตารางวาละ 966 บาท) เพื่อก่อสร้างถนน สาธารณูปโภค อาคารอเนกประสงค์ สวนหย่อม สนามเด็กเล่น และแปลงปลูกผักรวม
ตามผังโครงการจะมีการก่อสร้างบ้านแฝดชั้นเดียว ขนาด 6X7 ตารางเมตร จำนวน 28 หลัง ราคาก่อสร้างหลังละ 255,840 บาท บ้านแฝด 2 ชั้น ขนาด 4X8 ตารางเมตร จำนวน 144 หลัง ราคาก่อสร้างหลังละ 387,200 บาท และบ้านแถว 2 ชั้น ขนาด 4X8 ตารางเมตร จำนวน 40 หลัง ราคาหลังละ 374,170 บาท
โดยสหกรณ์จัดทำโครงการบ้านมั่นคงเพื่อเสนอขอใช้สินเชื่อก่อสร้างบ้านจาก พอช. ในเดือนธันวาคม 2565 จำนวน 60 ล้านบาทเศษ และได้รับอนุมัติในหลักการในช่วงต้นปี 2566 พร้อมทั้งงบอุดหนุนและงบก่อสร้างสาธารณูปโภคทั้งหมดประมาณ 13.6 ล้านบาท (พอช.อุดหนุนการก่อสร้างบ้านครอบครัวละ 30,000 บาท และงบก่อสร้างสาธารณูปโภคส่วนกลางครอบครัวละ 45,000 บาท)
พันธัช จันทร์แจ่มศรี ประธานสหกรณ์บริการบ้านมั่นคงทวีสุขเวียงสระ บอกว่า แม้จะจัดซื้อที่ดินและมีพิธีลงเสาเอกเอาฤกษ์เอาชัยไปแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีความล่าช้าในการดำเนินงานหลายประการ ทำให้โครงการบ้านมั่นคงที่ล่าช้าออกไปเกือบ 1 ปีมีต้นทุนวัสดุค่าก่อสร้างสูงขึ้นจากเดิมที่เคยคำนวณเอาไว้ในช่วงปลายปี 2565 เช่น จากเดิมบ้านแฝดชั้นเดียว ขนาด 6X7 ตารางเมตร ราคาก่อสร้างหลังละ 255,840 บาท ปัจจุบันราคาเพิ่มขึ้น 24,125 บาท เป็น 279,965 บาท
ส่วนสินเชื่อการก่อสร้างบ้านที่ พอช.สนับสนุนการก่อสร้างบ้านนั้น เฉลี่ยประมาณครอบครัวละ 250,000-310.000 บาท (ตามขนาดบ้านและที่ดิน) ผ่อนชำระประมาณเดือนละ 2,500-3,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 15 ปี
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการสหกรณ์ฯ และสมาชิกโครงการบ้านมั่นคงกับเจ้าหน้าที่ พอช. ที่ศาลาการเปรียญ วัดบ้านส้อง อ.เวียงสระ เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องแนวทางการบริหารการก่อสร้างบ้านมั่นคงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะโครงการนี้มีการริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 7 ปี…!!
พันธัช บอกว่า ผลจากการประชุมดังกล่าว ทำให้ได้ข้อตกลงร่วมกันว่า สหกรณ์ฯ จะออกประกาศเชิญชวนให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างเข้ามาซื้อซองประกวดราคาในช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ หลังจากนั้นในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์จะเปิดให้มีการยื่นซองประกวดราคา โดยบริษัทที่มีเงื่อนไขที่ดีที่สุดและราคาต่ำสุดจะได้รับการคัดเลือก และทำสัญญารับเหมางานก่อสร้างภายใน 15 วันหลังประกาศผล และคาดว่าภายในเดือนมีนาคม 2567 นี้จะเริ่มงานก่อสร้างได้
“ตามแผนงานเราจะสร้างบ้านเฟสแรก 100 หลังจากทั้งหมด 182 หลัง เป็นบ้านแฝดชั้นเดียว 28 หลัง และบ้านแฝด 2 ชั้น 72 หลัง ใช้ระยะเวลา 180 วัน หรือจะแล้วเสร็จภายใน 6 เดือน หลังจากนั้นจึงจะสร้างบ้านที่เหลือต่อไป ซึ่งในระหว่างการก่อสร้างบ้านเราจะให้สมาชิกทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารและดูแลการก่อสร้าง โดยแบ่งสมาชิกเป็นกลุ่มย่อยจำนวน 27 กลุ่มๆ ละ 6-10 คน และแบ่งหน้าที่กันทำงาน เช่น ดูแลด้านการก่อสร้าง ด้านการเงิน ประสานงาน เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จและเป็นไปตามสัญญา”
ประธานสหกรณ์บอกและว่า การให้สมาชิกทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมยังเป็นการฝึกการบริหารจัดการโดยชาวชุมชนเอง และยังเป็นการเตรียมให้สมาชิกคนอื่นๆ ได้เข้ามาเป็นคณะกรรมการสหกรณ์เพื่อช่วยกันบริหารงาน เพราะคณะกรรมการสหกรณ์แต่ละชุดจะมีวาระการทำงานครั้งละ 2 ปี จึงต้องเตรียมคนรุ่นใหม่ๆ ให้เข้ามาช่วยกันทำงาน
“นอกจากนี้ โครงการบ้านมั่นคงของเรายังได้แบ่งพื้นที่ส่วนกลางเพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่แปลงปลูกผักส่วนกลาง เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ เพื่อให้สมาชิกช่วยกันปลูกผักสวนครัวเอาไว้กิน ช่วยลดรายจ่าย และนำไปขาย รายได้แบ่งผู้ปลูก และแบ่งกำไรส่วนหนึ่งเข้าสหกรณ์ มีสวนหย่อมเพื่อพักผ่อนและออกกำลังกาย มีลานกิจกรรมสำหรับเด็กๆ รวมทั้งจะมีการส่งเสริมอาชีพ ดูแลคุณภาพชีวิตชาวชุมชนให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป”
เรื่องและภาพ : สำนักพัฒนานวัตกรรมชุมชนจัดการความรู้และสื่อสาร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์