19 พ.ค. 2559 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) จัดการประชุมตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบถามข้อมูลจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายสมชาย หอมลออ เป็นประธานในที่ประชุม หลังจากตัวแทนของสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนให้ กสม.ตรวจสอบข้อเท็จจริงของการละเมิดสิทธิ
จากกรณีนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ชุมชนคลองไทรพัฒนา อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี และสมาชิกของสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ ถูกลอบสังหารถึง 5 ราย ภายในระยะเวลาเพียง 6 ปี (พ.ศ. 2553 – 2559) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน และล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2559 นายสุพจน์ กาฬสงค์ สมาชิก สกต.ถูกลอบยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2559 ประธานอนุกรรมการฯ และอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมือง ได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ และประสานงานไปยังหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งตัวแทน สกต.ให้ร่วมชี้แจงและรับฟังการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งเพื่อหาทางออกร่วมกัน ในวันนี้ (19 พ.ค. 2559)
การประชุมดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ DSI ตัวแทน ส.ป.ก. สมาชิก สกต. ทนายความในคดี และผู้รอดชีวิตจากการถูกลอบสังหารครั้งล่าสุดมาร่วมให้ข้อมูล โดยเป็นการประชุมวงปิดไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมรับฟัง อย่างไรก็ตามในการประชุมไม่มีตัวแทนหน่วยงานจังหวัดสุราษฏร์ธานี กสม.จึงจะมีการนัดประชุมเพื่อพูดคุย รวบรวมข้อมูลอีกครั้ง
สมาชิก สกต.ให้ข้อมูลว่า ความคืบหน้าในคดีลอบยิงสุพจน์ กาฬสงค์ บาดเจ็บสาหัส ขณะนี้มีผู้เข้ามามอบตัว 2 คน และได้รับการประกันตัวไปแล้ว
ส่วนกรณีความขัดแย้งกับ ส.ป.ก.ที่ต้องการให้ชาวบ้านชุมชนคลองไทรออกจากพื้นที่ ตัวแทน ส.ป.ก.ที่เข้าให้ข้อมูลต่อ กสม. ยังยืนยันตามเดิม โดยระบุว่าเพื่อจัดสรรพื้นที่ใหม่จำเป็นต้องให้ทุกกลุ่มออกจากพื้นที่ก่อน
สำหรับกระบวนการที่ชุมชนร้องต่อศาลว่าไม่ใช่บริวารของบริษัท จิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัดที่ถูกบังคับคดีให้ออกจากพื้นที่ ส.ป.ก.แต่เป็นกลุ่มเกษตรกรที่เรียกร้องให้มีการตรวจสอบพื้นที่และได้มีข้อตกลงระหว่างรัฐบาลกับชาวบ้านให้อยู่อาศัยไปพราง ระหว่างการแก้ไขปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ชาวบ้านสู้มากว่า 9 ปี ซึ่งมีการไต่สวนไปเมื่อวันที่ 3-4 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 19 ก.ค.2559
กรณีนี้สืบเนื่องจากศาลฎีกาจังหวัดกระบี่ ได้ตัดสินคดีระหว่างสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และบริษัทจิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด ในวันที่ 22 พ.ค. 2557 ที่ 6255/2557 และได้อ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2557 ที่ศาลจังหวัดกระบี่ โดยศาลได้ตัดสินคดีให้ ส.ป.ก. ชนะคดีฟ้องบริษัท จิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด และให้บริษัทฯ พร้อมบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ และส่งมอบที่ดินคืนให้กับ ส.ป.ก.
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2558 เจ้าหน้าที่บังคับคดีได้นำหมายบังคับคดี เข้ามาติดบริเวณชุมชน โดยในหมายได้แจ้งให้บริษัท จิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัดและบริวารออกจากพื้นที่พิพาท และให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของจำเลย ยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษภายใน 8 วัน นับจากวันปิดประกาศ
นอกจากนั้น คนในชุมชนยังหวั่นเกรงความไม่มั่นคงในการอยู่อาศัยในพื้นที่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ส.ป.ก.ระบุว่าหากชาวบ้านไม่ยินยอมออกจากพื้นที่จะมีการขอให้นายกใช้ ม.44 มาดำเนินการอย่างเด็ดขาด
“เราสร้างอาชีพ สร้างรายได้กันมากว่า 9 ปี วิถีชีวิตที่เป็นมาจะสูญเสียไปหาก ส.ป.ก.ยืนยันจะให้ออกจากพื้นที่อย่างเดียว แล้วใครจะรับผิดชอบ” เพียรรัตน์ บุญฤทธิ์ ประธานสหกรณ์การเกษตรสหพันธ์เกษตรภาคใต้กล่าว
ต่อคำถามเรื่องความคุ้มค่าในต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในที่ดินทำกิน ทั้งที่เกิดความสูญเสียไปหลายชีวิต ทำไปจึงยังสู้อยู่ สมาชิก สกต.กล่าวว่า ไม่สามารถเรียนกว่าคุ้มหรือไม่คุ้มได้ เพราะชาวบ้านไม่มีที่ไปแล้วจึงต้องสู้
“มันไม่คุ้มหรอก ไม่มีใครควรต้องเสียชีวิต หรือถูกคุกคาม แต่ถ้าชาวบ้านถอยก็ยิ่งไม่คุ้มไปกันใหญ่ เพราะชีวิตที่สูญเสีย ทรัพย์สิน อนาคตข้างหน้าก็จะเสียไปหมด” สมาชิก สกต.กล่าว